เพลงชาติที่ดังขึ้นทุกเช้า และในยามเย็นของทุกวัน บ่งบอกถึงความรักและหวงแหนแผ่นดินไทย ของเหล่าบรรพชน ที่ได้ฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ ได้เสียเลือดเนื้อทุกอย่าง ยากที่ใครจะบ่งบอกได้ถึงความสูญเสีย จนได้มาเป็นแผ่นดินไทยอย่างภาคภูมิใจ ในปัจจุบันสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่า นี่คือดินแดนสยามนั้น
มีอยู่แต่จะมีสัญลักษณ์ใดเล่า ที่สามารถกล่าวได้อย่างองอาจ และเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทยแท้เท่า กับสัญลักษณ์ในพระพุทธศาสนา ดังเช่นมีเหตุการณ์ที่น่าสนใจใน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ดินแดนไทยพุทธที่ใหญ่ที่สุดใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีบุญสถานซึ่งธำรง ไว้ในความเป็นไทย มีส่วนในการปกป้อง ผืนแผ่นดินนี้ ให้เป็นรูปขวานทองที่สมบูรณ์นั่นคือ วัดชลธาราสิงเห พระอารามหลวง หรือชาวบ้านต่างกล่าว ขานในนามว่า วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย
ครั้งสมัยจักรวรรดินิยมชาวตะวันตกล่าอาณานิคม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักดีว่า อังกฤษพยายามยึดมาลายูตอนเหนือ ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ภายใต้การปกครองของสยามให้จงได้ อำเภอตากใบตอนนั้น ขึ้นอยู่กับรัฐกลันตันจึงถูกอังกฤษผนวกไปด้วย แต่ด้วยพระปรีชาของพระบาทสมเด็จ พระพุทธเจ้าหลวง ที่ได้ยกเหตุผลทางศิลปะแบบปักษ์ใต้อันงดงามของโบสถ์ในวัดแห่งนี้ว่า “ ศิลปะในวัด และวัดเป็นสถานที่ของพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติชาวสยาม แผ่นดินนี้ก็ควร เป็นสยามประเทศ ” อังกฤษจึงยอมรับด้วยเหตุผล การลงนามในครั้งนั้นทำให้ตากใบเป็นไทยมากระทั่งทุกวันนี้ วัดชลธาราสิงเห จึงได้รับสมญานามว่า วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...
วัดแห่งนี้มี พระไพศาลประชานาถ เป็นเจ้าอาวาส และเจ้าคณะอำเภอตากใบ ท่านเป็นบุคคลหนึ่งใน การได้รับรู้และรู้เห็นความ เป็นมาของวัด อีกทั้งได้พัฒนาวัดแห่งนี้ ให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป หลวงพ่อท่านได้เล่า ให้ฟังถึงประวัติ ความเป็นมาของวัดแห่งนี้ว่า “ เคยได้ยินได้ฟังจาก คนยุคแบ่งดินแดน เล่าว่า โบสถ์หลังนี้แหละ ที่มีศิลปกรรมแบบพุทธ จึงทำให้รักษาดินแดนตากใบให้กับเมืองไทยไว้ได้ วัดนี้จึงได้ชื่อว่า วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย ในปี ๒๔๐๓ เริ่มสร้างวัด เป็นป่าเป็นดง สร้างโบสถ์ใน ปีพ.ศ. ๒๔๑๖ เป็นโบสถ์ที่สวยสด งดงาม หลังหนึ่งใน แหลมมาลายู คนบริเวณแถวนี้หรือใครที่ได้เห็นแล้วเขาบอกว่า หลวงพ่อพุด ( พระครูโอภาสพุทธคุณ ) สร้างโบสถ์ได้วิจิตรมาก แม้นว่าอยู่ในดงในป่า ท่านสร้างได้ขนาดนี้นับว่าเยี่ยมจริง ”
ปัจจุบันพระเดชพระคุณพระไพศาลประชานาถ ได้เป็นเจ้าอาวาสอันดับที่ ๙ ของวัดแห่งนี้ แม้นว่าตากใบในยามนี้ไม่สงบเช่นเคย แต่ด้วยความเมตตาของหลวงพ่อ ทำให้ท่านอยู่ร่วมกับต่างศาสนิก ด้วยความสงบ คุณครูอนันต์ สุขเพชร์ โรงเรียนตากใบ กล่าวว่า “ หลวงพ่อท่านมีวัตรปฏิบัติที่น่าเคารพยกย่องอย่างสูง เพราะว่าเป็นพระนักพัฒนา เวลาทำอะไรท่านตั้งใจ ทำจริงตลอดเวลา เป็นผู้ที่มีความเมตตากรุณา ต่อศาสนิกชน ไม่ว่าจะเป็นศาสนาอิสลาม ศาสนาพุทธ ทุกศาสนามาหาท่าน ท่านก็ให้ความช่วยเหลือ ทุกโอกาสครับ” คุณสมพงษ์ แซ่ลี้ มัคนายกวัด “ ท่านเป็น คนที่ดีมากๆ บวชมาได้หลายพรรษาแล้ว ชาวบ้านชอบท่านทุกคน ท่านสร้างคุณงามความดีไว้เยอะ”
หลวงพ่อท่านได้เปิดเผยถึงความในใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ว่า “ เวลาที่พระออกบิณฑบาต จะต้องมีทหารติดตาม โดยสะพายย่าม สะพายปืนเหมือนศิษย์วัดเดินคุ้มครอง มีทั้งทางซ้ายทั้งขวา เพื่ออะไร ก็เพื่อความปลอดภัย ดูแล้วมันพูดไม่ออก เศร้าใจ ทุกๆ รูปที่อยู่กันทุกวันนี้ มีรูป สองรูปที่เฝ้าวัด ตายก็ขอตายตรงนี้ ญาติโยมก็มีอยู่ ถ้าเราไปเสียเท่ากับเราทิ้งเขา ดังนั้นถ้าเราอยู่วัดไหนก็อยู่กันไป สิ่งไหนที่ช่วยกันได้เราก็ช่วยกันไป แต่จะให้สมภารหนีวัดเนี๊ย ไม่หนี”
ตามปกติหลวงพ่อท่านมีอุปนิสัย ไม่ดูรายการโทรทัศน์แต่เมื่อมีรายการช่อง DMC ในจานดาวธรรม ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ติดตามชม อย่างต่อเนื่อง “ รายการในดาวธรรม มันดูได้หลายอย่าง เช่น รายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน ได้ทราบประวัติของพระพุทธเจ้า พระองค์นั้นพระองค์นี้ ในแง่มุมต่างๆ หลวงพ่อธัมมชโย ท่านได้นำมาให้ดูดีมาก ทำให้เราได้รู้ว่า หลวงพ่อธัมมชโย (พระราชภาวนาวิสุทธิ์) และหลวงพ่อทัตตชีโว (พระภาวนาวิริยคุณ) ท่านมีความสามารถมาก ทำให้คนเปลี่ยนจากมิจฉาทิฐิ มาเป็นสัมมาทิฐิ มันไม่ใช่ของง่ายนะ การที่ท่านสามารถ ทำได้อย่างนี้ ทำให้คนเข้ามานับถือพระรัตนตรัย ทำได้ถึงขนาดนี้ อาตมาขอ อนุโมทนาสาธุอย่างยิ่ง ว่าหาพระแบบนี้ หายาก ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ”
แม้นว่าดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไป แต่ภาพของวัดชลธาราสิงเห ก็ยังสง่างามในความทรงจำ คล้ายกับประกาศถึงความองอาจ ที่ได้เป็นตัวแทนธำรงวัด รักษา แผ่นดินไว้ได้อย่างสันติ เราในฐานะพุทธบริษัท ๔ ก็สามารถพิทักษ์ชาติได้ด้วยการนำแสงสว่าง จากพระธรรมคำสั่งสอน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธจ้า ไปสู่เพื่อนมนุษย์ ให้พบกับสันติสุข อันจะเกิดจากการเข้าถึงความสุขภายใน เมื่อนั้นสันติภาพอันแท้จริงก็จะบังเกิดขึ้น โดยไม่ต้องสละเลือด ของผู้ใดแม้เพียงหยดเดียว
ต้องขอกราบอนุโมทนาบุญ กับพระเดชพระคุณ พระไพศาลประชานาถ ที่ท่านได้ทำหน้าที่ของพระสงฆ์ ในยามมีภัยได้อย่างดีเยี่ยม และขออนุโมทนาบุญ กับพุทธบริษัท ๔ ทุกยุคสมัย ที่ท่านได้ช่วยกันทำนุบำรุง พระพุทธศาสนา ทำวัดที่ร้างให้รุ่ง ทำวัดที่รุ่งไม่ให้ร้าง ยังผลให้วัดเป็นโรงเรียนแห่งศีลธรรมที่สำคัญของทุกคน
....โดยนักข่าวหัวเพชรฯ
ที่มา : www.kalyanamitra.org ทีมงาน SUPER MONK [email protected]