“อทนฺตทมนํ ทานํ อทานํ ทนฺตทูสกํ
การให้ทาน เป็นเครื่องฝึกจิตที่ยังไม่ได้ฝึก
การไม่ให้ทาน เป็นเครื่องประทุษร้ายจิตที่ฝึกแล้ว”
(ปฐมทานสูตร)
การให้เป็นการสร้างความดีที่ง่ายที่สุด และส่งผลดีให้กับชีวิตอย่างมากมาย มหาศาล จะทำให้เป็นผู้มีชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ ประสบแต่ความสุขความสำเร็จ
ตลอดไป การให้ที่จะให้ได้ผลเต็มที่นั้น ผู้ให้ต้องเอาชนะใจตนเองให้ได้เสียก่อน ต้องขจัดความตระหนี่ออกจากใจ แล้วให้ด้วยความปลื้มปีติยินดี มีใจเลื่อมใส มีความบริสุทธิ์ใจ ทั้งก่อนจะให้ ขณะให้ และหลังจากให้ก็หมั่นตามระลึกนึกถึงบุญ บุญนั้นจะไปดึงดูดมหาสมบัติทั้งหลายให้เราได้ใช้สร้างบารมีอย่างสะดวกสบายยิ่งๆ ขึ้นไป
ตามปกติแล้ว มนุษย์จะมีความโลภอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฉะนั้น เมื่อเริ่มฝึกจิต ด้วยการให้ ใจจะขยายออกไป เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อความตระหนี่หลุดออกจากใจได้แล้ว ความเบาสบายก็เข้ามาแทนที่ ความรู้สึกว่า “พอ” จะบังเกิดขึ้น เมื่อใจรู้จักคำว่าพอก็เกิดก่อความสุข ดังนั้น ผู้ที่อยากมีความสุข ต้องเริ่มต้นที่การให้เป็นอันดับแรก เหมือนดังนักสร้างบารมีในอดีตที่ท่านทุ่มเท แรงกาย แรงใจ และแรงปัจจัย เพื่อสร้างศาลาราย หรือมหาวิหารคด เพื่อถวายแด่ภิกษุสงฆ์ จำนวน ๖ ล้าน ๘ แสนรูป บุญนั้นได้ส่งผลให้ท่าน ได้เวียนวนอยู่แต่ในสุคติภูมิเท่านั้น ไม่เคยพลัดไปเกิดในอบายภูมิเลย เรื่องมีอยู่ว่า
วิหารคด รองรับสงฆ์ ๖,๘๐๐,๐๐๐ รูป ย้อนหลังจากนี้ไปหนึ่งแสนกัป
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่าวิปัสสี เสด็จอุบัติขึ้นในภพชาตินั้น ได้มีมหาเศรษฐีคนหนึ่งชื่ออวโรชะ ปรารภจะสร้างพระคันธกุฎีถวายแด่พระบรมศาสดา
หลานชายชื่อว่าอวโรชะเหมือนกัน เกิดกุศลจิต อยากขอบริจาคเงินร่วมบุญกับคุณลุง แต่คุณลุงอยากได้บุญคนเดียว เพราะเห็นว่าตัวเองมีเงินทองมากมาย ไม่จำเป็นต้อง อาศัยเงินของหลาน และอยากให้การถวายกุฏิครั้งนี้เป็นชื่อของตัวเองเท่านั้น จึงปฏิเสธความปรารถนาดีจากหลานชาย
ฝ่ายหลานชายนั้นก็เป็นผู้มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยไม่แพ้ลุง จึงคิดว่า เมื่อคุณลุงสร้างคันธกุฎีในที่ตรงนี้แล้ว เราควรสร้างศาลารายซึ่งก็ คือวิหารคดนั่นเอง หลานชายได้สร้างล้อมรอบ พระคันธกุฏีอีกทีหนึ่ง โดยให้คนใช้ข้าทาสบริวารขนไม้มาจากป่า ให้ทำเสาพิเศษกว่าเสาไม้ธรรมดา คือ เสาต้นหนึ่งบุด้วยทองคำ ต้นหนึ่งบุด้วยเงิน ต้นหนึ่งบุด้วยแก้วมณี ให้ทำขื่อ บานประตูบาน หน้าต่าง กลอน เครื่องมุง และอิฐทั้งหมด บุด้วยรัตนชาติชนิดต่าง ๆ ให้ทำวิหารคดสำเร็จด้วยรัตนะ ๗ ประการ
ลักษณะมหาวิหารคดในอดีต บริเวณชั้นบนของวิหารคดได้ให้สร้างจอมยอด ๓ ยอด ที่สำเร็จด้วยทองคำสีสุก ทั้งแท่งแก้วผลึก และแก้วประพาฬ จากนั้นหลานชายให้ สร้างมณฑปประดับด้วยแก้ว ตรงกลางวิหารคดให้ตั้งธรรมาสน์ไว้ เพื่อสำหรับเป็นที่แสดงธรรมของพระธรรมกถึก ธรรมาสน์นั้นสำเร็จด้วยทองคำสีสุก เป็นทองแท่งสุกปลั่ง สว่างไสวกว่าทุกที่ในบริเวณวิหารคดแห่งนั้น แม้แคร่ ๔ อันก็เป็นพื้นทองคำทั้งหมด จากนั้นให้แกะสลักแพะทองคำ ๔ ตัว ตั้งไว้ใต้เท้าทั้ง ๔ ของอาสนะ
นอกจากนี้ยังให้แกะสลักแพะทองคำอีก ๒ ตัว ตั้งไว้ใต้ตั่งสำหรับรองเท้า แกะสลักแพะทองคำ ๖ ตัว ตั้งแวดล้อมมณฑป ให้ถักธรรมาสน์ด้วยเชือกเส้นเล็ก สำเร็จด้วยด้ายก่อน แล้วจึงให้เอาทองคำถักทอเป็นเชือกเส้นเล็กๆ แทนเส้นด้าย ด้านบนให้เอามุกดามาร้อยเป็นเชือก ตรงพนักพิงของธรรมาสน์ให้ทำด้วยไม้จันทน์ หอม ครั้นสร้างวิหารคดสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้กราบนิมนต์พระสงฆ์ ๖,๘๐๐,๐๐๐ รูป มีพระบรมศาสดานั่งเป็นประธาน ณ บริเวณวิหารคด แล้วน้อมถวายภัตตาหาร จากนั้นได้กล่าวถวายวิหารคดด้วยจิตที่เลื่อมใสในมหาทาน ท่านทำ การถวายสังฆทานไม่ใช่เพียง ๗ วัน แต่ใช้เวลาถวายติดต่อกันนานถึง ๔ เดือน และก็มีผู้ใจบุญมาร่วมบุญกับท่านมากมาย ด้วยบุญนั้น ทำให้ท่านได้สวรรค์สมบัติ และมนุษย์สมบัติเรื่อยมา ไม่เคยพลัดไปเกิดในอบายภูมิเลย
แพะกายสิทธิ์ เคียงคู่ผู้มีบุญอวโรชะ ผู้เป็นหลาน พอมาเกิดในภพชาตินี้ ได้เป็นมหาเศรษฐีแห่งกรุงราชคฤห์ เมื่อแต่งงานมีครอบครัวและย้ายไปปลูกบ้านหลังใหม่ แพะทองคำ ประมาณเท่าช้าง ม้า และโคอุสภะได้ชำแรกแผ่นดิน เอาหลังดุนกันผุดขึ้นมาในพื้นที่ประมาณ ๘ กรีส หรือเส้นผ่าศูนย์กลาง ๕๐๐ เมตร อยู่ด้านหลัง บ้านของท่านเศรษฐีเอง แพะเหล่านี้เกิดขึ้นมาด้วยกำลังบุญ ของท่านเศรษฐี เป็นแพะกายสิทธิ์ที่สามารถนำความสมปรารถนามาให้กับเจ้าของ และผู้ที่มาขอสมบัติต่าง ๆ ได้ ในปากแพะจะมีกลุ่มด้ายอยู่ ๕ สีด้วยกัน เมื่อ ใครต้องการสิ่งของชนิดไหน ให้ดึงด้ายสีนั้น พอดึงด้ายเส้นนั้นออกมา สิ่งที่ตัวเองปรารถนาจะออกมาด้วย กลุ่มด้าย ๕ สีที่ถักทอเป็นกลุ่มๆ คือ เส้นด้าย สีเขียว สีเหลืองทอง สีแดง สีขาวเงิน และสีส้ม แต่ละสีถักเป็นเชือกเป็นกลุ่มๆ อยู่ในปากแพะ ไม่ได้ห้อยออกมาข้างนอกระเกะระกะเลยแม้เพียงนิดเดียว พอตั้งจิตอธิษฐานปรารถนาในสิ่งใด แพะจะอ้าปากให้ สมมุติว่าอยากได้ของกิน ต้องดึงด้ายสีเขียว ของกินจะออกมาทันที อาหารแต่ละชนิดจะออกมาเป็นห่อ และมีภาชนะใส่อย่างดีอีกด้วย
หากประสงค์อยากได้ทองคำเป็นแท่ง ๆ ต้องดึง เส้นด้ายสีเหลืองทอง พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานอยากได้ทองคำไปประกอบสัมมาอาชีพ ทองคำเป็นแท่งๆ จะไหลออกมาจากปากของแพะทันที เส้นด้ายสีแดงเป็นจำพวกเสื้อผ้าอาภรณ์ และเครื่องประดับ อยากได้ชุดไหนอย่างไรได้ทั้งนั้น สีขาวเงินจะเป็นเงินแท่ง เป็นกหาปณะ สามารถเอาไปจับจ่ายใช้สอยได้ทันที สีส้มเป็นจำพวกยารักษาโรค รวมทั้งเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย
แพะทองคำทำให้ชาวเมืองทั้งเมืองนั้นอยู่เป็นสุขได้ทั่วหน้า เพราะอานุภาพบุญของท่านเศรษฐี แพะเพียงตัวเดียวสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งเมือง เลี้ยงคนได้ทั้งชมพูทวีป ใครอยากได้อะไรไปอธิษฐาน เอาตามกำลังบุญของตัว ไม่ต้องเข้าคิวรอให้เสียเวลา เพราะแพะกายสิทธิ์ของท่านเศรษฐีมีเป็นฝูง ๆ และมีขนาดต่าง ๆ กัน ทำให้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เศรษฐีจึงมีนามว่า เมณฑกเศรษฐี เพราะมีแพะกายสิทธิ์ ทองคำ
ผู้มีบุญมีปัญญาจะสอนตัวเองได้ คือ สอนตัวเองว่า ทำอย่างไรจึงจะมีโอกาสได้ทำบุญ จะแสวงหาบุญ เพราะรู้ว่าบุญจะส่งผลเป็นความสุข และความสำเร็จไปทุกภพทุกชาติ และไม่มัวเสวยสุขเพียงภพชาติเดียวเท่านั้น เมื่อรู้ว่าจะได้บุญใหญ่ด้วยวิธีการใด ก็ทุ่มเทใจทำอย่างเต็มที่ โดยไม่มีความรู้สึกเสียดายทรัพย์เลย ยิ่งมีทรัพย์และมีศรัทธามากเท่าไร ยิ่งทุ่มเทใจมากเท่านั้น เมื่อผลบุญบังเกิดขึ้น ก็ส่งผลเป็นอัศจรรย์ทันใจกันเลยทีเดียว
การทำบุญปรารภหมู่สงฆ์ผู้เป็นทักขิไณยบุคคล อันเลิศนั้น เป็นการทำที่ถูกหลักวิชชา โดยเฉพาะบุญพิเศษจากการสร้างมหารัตนวิหารคด ที่จะรองรับพุทธบุตรหลายแสนรูปจากทั่วโลกนั้น ผู้มีบุญนักสร้างบารมีในอดีตได้ทำเป็นต้นแบบให้ไว้แล้ว