เรื่องใหญ่ๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ในชีวิตประจำวัน คงหนีไม่พ้นเรื่อง ปัจจัย ๔ คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค วันนี้จะขอพูดถึงเรื่อง การแต่งกาย ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่มนุษย์เราให้ความสำคัญกันมาก จนกระทั่งเกิดเป็นแฟชั่นออกมาหลากหลาย ทั้งทรงผม เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าฯลฯ
ในช่วงนี้ ข่าวเด่น ประเด็นฮ็อต ที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในสังคมเรื่องหนึ่งก็คือ การแต่งกายล่อแหลมของเด็กสาวๆ ซึ่งเลียนแบบมาจาดาราต่างประเทศ
ถ้าจะพูดกันถึงเรื่องนี้ ก็คงมองได้หลายมุม มุมแรก คือ มุมของเด็ก พวกเขาก็มีเหตุผลว่า “เพื่อนๆก็แต่งแบบนี้กันเยอะแยะไม่งั้นตกเทรนด์” แต่ถ้ามองในมุมของพ่อแม่ ก็ต้องขอบอกว่า “หัวใจแทบจะวายอยู่แล้วกับแฟชั่นแบบนี้” ส่วนมุมมองของบุคคลที่สาม สี่ ห้า หก... ก็แตกต่างกันไปแล้วแต่ภูมิหลัง
สำหรับในทางพระพุทธศาสนา การแต่งกายทำนองนี้ เข้าข่าย “นุ่งชั่ว ห่มชั่ว”
นุ่งชั่ว คือ การนุ่งที่ชายผ้าสูงเกิดกว่าครึ่งหน้าแข้ง
ห่มชั่ว คือ การที่ห่มข้างบนแล้วเปิดไหล่เห็นทั้ง ๒ ข้าง
การเลียนแบบแฟชั่นโดยไม่ได้พิจารณาความควร ไม่ควร ในกรณีนี้เป็นเพราะ ส่วนหนึ่งขาดความเข้าใจในวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการนุ่งห่มเสื้อผ้าว่าเป็นไปเพื่อบำบัดความร้อนหนาว เพื่อกันแดด กันลม กันฝน กันสัตว์ทั้งหลายมาไต่ตอม และเพื่อปกปิดอวัยวะที่น่าละอาย
นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะขาดคุณธรรมเรื่อง หิริ โอตตัปปะ คือความละอายและความกลัวต่อบาป
หิริ แปลว่า ความละอายแก่ใจ หิริจะเกิดขึ้นได้ด้วยการคอดถึงการศึกษา ฐานะ ยศศักดิ์ ชาติตระกูลของตน ทำให้เกิดความละอายไม่กล้าทำบาป
โอตตัปปะ แปลว่า ความเกรงกลัว หมายถึงสะดุ้งกลัวต่อผลของบาป โอตตัปปะ จะเกิดขึ้นได้ เพราะคิดถึงโทษหรือทุกข์ที่เกิดจากการทำบาป เช่น ทำให้ตนเองต้องเดือดร้อน ถูกตำหนิติเตียน ถูกสังคมรังเกียจ เป็นต้น
แต่ก่อนที่ หิริ โอตตัปปะ จะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องมีสัมมาทิฐิก่อน และความเข้าใจวัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการนุ่งห่มเสื้อผ้านี้ เป็นเรื่องที่ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ ควรปลูกฝังให้เกิดขึ้นในใจของเด็ก ซึ่งเมื่อเด็กเติบโตเป็นวัยรุ่น การทำตามแฟชั่นอย่างไม่ลืมหูลืมตาก็จะไม่เกิดขึ้น
ถ้าจะถามว่า การแต่งการกาย เกี่ยวอะไรกับเรื่องบาป ก็ต้องตอบว่า มันเป็นการยั่วยุทางเพศ ทำให้คนใจขุ่นมัวและจะทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ แม้บางครั้งตัวคนที่แต่งกายล้อแหลมอาจไม่ได้รับอันตรายใดๆ เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย แต่อันตรายอาจไปตกกับผู้หญิงคนอื่น โดยมีจุดเริ่มมาจากการแต่งกายยั่วยุของคนที่แต่งตัวโป๊ และเหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาจนนับไม่ถ้วนแล้ว ซึ่งเท่ากับว่าผู้แต่งตัวโป๊มีส่วนยั่วยุให้คนอื่นทำบาปกรรม และมีส่วนในการสร้างความทุกข์ให้กับผู้หญิงด้วยกันอย่างแสนสาหัส
ที่จริงการแต่งตัวตามเทรนด์บางก็เป็นเรื่องไม่แปลกอะไร ตาว่าควรจะยึดหลักทางสายกลางที่พอเหมาะพอดีกับวัฒนธรรมของเรา โดยไม่ต้องวิ่งตามแฟชั่นจนเกิดไป เพราะเสื้อผ้าบางเทรนด์ใส่แล้วแทนที่จะดูดี กลับปิดบังความงามไปจนหมดสิ้น แต่เปิดเผยส่วนที่น่าเกลียดออกมา
กาลเทศะก็เป็นเรื่องที่ควรคำนึง ในสถานที่สำคัญๆหลายแห่ง มีข้อห้ามไม่ให้ผู้หญิงนุ่งกางเกงเข้าไป หรือห้ามใส่รองเท้าแตะ เป็นต้น แม้ในประเทศเสรีนิยมอย่างสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดี จอร์จ บุช ยังออกมาตรการ “No flipflops! No jeans! In White House” คือ ใครจะเข้าเยี่ยมทำเนียบขาว ห้ามใส่รองเท้าแตะ หรือกางยีน
การแต่งตัวตามเทรนด์หรือล้ำเทรนด์ ไม่ใช่ว่าจะได้เกิดเสมอไป ดับมาก็เยอะแล้ว คนดังบางคนไม่เคยตามเทรนด์เลย จะใส่เฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองเท่านั้น ซึ่งจะทำให้รู้สึกมั่นใจ ดูดีมีสไตล์และอยู่เหนือคำว่าแฟชั่น ดังคำพูดที่ว่า
“คนบางคนปรับตัวเองตามโลก แต่คนบางคนปรับโลกให้เข้ากับตัวเอง และโลกก็หมุนได้ด้วยคนประเภทหลัง”