มุทิตาสักการะ ๖๒ ปี พระธรรมกิตติวงศ์
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม กรุงเทพมหานคร
ด้วยบทบาทผลงานทั้งการบริหารการปกครองการพัฒนา ของพระมหาเถระผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรม ดำรงตนมุ่งมั่นเผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นครูพระผู้สร้างศาสนทายาทธรรม ด้วยการปลูกศรัทธา เป็นแบบอย่างนำความรู้ความสามารถขยายส่งต่อเพื่องานพระศาสนา ด้วยน้ำใจอันงานยิ่งเปรียบสายทิพย์แห่งธรรม ที่ต่อเนื่องมิขาดสาย
ชีวิตและงาน
พระเดชพระคุณพระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ. ๙) นามเดิม ทองดี นามสกุล สุรเดช เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.. ๒๔๘๙ ที่ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร เมื่ออายุ ๑๔ ปีและจบชั้นมัธยมต้นแล้ว ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ . ศ. ๒๕๐๓ ณ วัดไตรภูมิ พระครูวิมลวชิรากร เป็นพระอุปัชฌาย์ อายุครบ ๒๐ ปี เข้ารับการอุปสมบทเมื่อ ๒๖ มิถุนายน พ . ศ. ๒๕๑๐ ณ วัดไตรภูมิ อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร มีพระวชิรสารโสภณ วัดหงษ์ทอง จ. กำแพงเพชร เป็นพระอุปัชฌาย์
ด้านวิชาการ/การศึกษา จากนั้นได้ศึกษาธรรมะที่สำนักเรียนวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ สอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค พ.ศ.๒๕๑๕ ด้วยอายุ ๒๖ ปี และในทางโลกสอบได้ประโยควิชาครูพิเศษมัธยม (พ.ม.) ในปีถัดมา ท่านได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ ปี พ . ศ. ๒๕๒๔ เป็นกรรมการตรวจประโยคธรรมสนามหลวง กรรมการตรวจประโยคบาลีสนามหลวง กรรมการตรวจร่างและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง หัวหน้าวิทยากรอบรมบาลีก่อนสอบ ในเขตภาค ๑๔ ณ วัดไร่ขิง จ . นครปฐม และในเขตภาค ๓ ณ วัดพิกุลทอง จ. สิงห์บุรี เป็นพระอาจารย์สอนประโยค ป.ธ. ๘ และ ป.ธ. ๙ โรงเรียนพระปริยัติธรรมส่วนกลางของคณะสงฆ์ วัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร เจ้าสำนักเรียนวัดราชโอรสาราม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภามหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
เป็นรองประธานกรรมการตรวจสอบต้นฉบับพระไตรปิฎกฉบับสังคายนา ภาษาไทยและภาษาบาลี รองประธานกรรมการตรวจสำนวนการแปลพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กรรมการจัดทำแผนพัฒนาด้านการศึกษา กรมการศาสนา ประธานกรรมการจัดทำต้นฉบับพระไตรปิฎก ฉบับภาษาไทย
ด้านการปกครอง
หลังจากสอบได้เปรียญ ๙ ประโยคแล้ว พระเดชพระคุณฯท่านได้ปฏิบัติงานด้านการศาสนาในตำแหน่งต่างๆ มาเป็นลำดับ เป็นเลขานุการเจ้าคณะอำเภอพรานกระต่าย เลขานุการเจ้าคณะเขตบางขุนเทียน
นอกจากตำแหน่งรองเจ้าอาวาสวัดราชโอรสารามดังกล่าวแล้ว ต่อมาได้เป็นเจ้าคณะภาค ๑๖ เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม รวมทั้งเคยดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม อันเป็นองค์กรสูงสุดของการปกครองคณะสงฆ์อีกด้วย เป็นหัวหน้าคณะธรรมทูตสายที่ ๘ ผู้อำนวยการฝึกอบรมพระนักเทศน์ในหนกลางและหนใต้ นอกจากนี้ยังเป็นผู้อุปถัมภ์สร้างวัดพุทธวิหาร นครเบอร์ลิน และวัดธรรมวิหาร เมืองฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมัน
พระเดชพระคุณฯ ท่านมุ่งประโยชน์เมตตาแก่กุลบุตร รับเป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับโครงการอบรมธรรมทายาทบรรพชาและอุปสมบทหมู่มาโดยตลอด กระทั่งปัจจุบันเป็นพระอุปัชฌาย์แก่พระภิกษุสามเณรมาแล้วนับพันนับหมื่นรูป
เกียรติคุณที่ได้รับ
ด้านการเผยแพร่
พระธรรมกิตติวงศ์ ได้เขียนหนังสือและแต่งตำราเพื่อเผยแผ่พระธรรมจำนวนมากดังรายการผลงานเขียนของท่านข้างล่างนี้ นอกจากนี้พระธรรมกิตติวงศ์ยังได้อนุญาตให้นำศัพท์เกี่ยวกับพุทธศาสนาและคำที่ใช้กับพระและวัดในหนังสือ "คำวัด" มาเผยแพร่ในอภิธานศัพท์พุทธศาสนาในวิกิพีเดียอีกด้วย
ด้วยอัจฉริยะภาพของผู้เป็นยอดนักการศึกษา รอบรู้แตกฉานในพระปริยัติธรรม ได้รับยกย่องเป็นราชบัณฑิต รูปที่ ๒ แห่งรัตนโกสินทร์ เกียรติคุณของท่านเป็นที่ยอมรับขจรไกล ผู้มีหัวใจแห่งความเป็นผู้ให้ สูงส่งด้วยหัวใจของความเป็นครู นักเทศน์สอน ทั้งสามารถในบริหารการปกครองด้วยความเสียสละ เป็นยอดนักเผยแผ่ จากความเป็นพหูสูต เฉลียวฉลาดในการแสดงธรรม ผู้รอบรู้อุตสาหะในการประพันธ์งานพระศาสนาอีกมากมาย
ลุกว่า ๔๑ พรรษากาล แห่งการอุทิศชีวิตในพระศาสนาเพื่อประโยชน์ตนและต่อชาวโลก ด้วยเกียรติประวัติและผลงานของพระเดชพระคุณฯ ท่านเป็นที่ประจักษ์ ทั้งศีลาจารวัตรอันงดงาม ผู้รับสนองงานพระพุทธศาสนา และการคณะสงฆ์เป็นอเนกประการด้วยสามารถ กอปรด้วยขันติธรรม เป็นแบบอย่างพระมหาเถระผู้เปี่ยมด้วยภูมิรู้และภูมิธรรม ด้วยคุณูปการเป็นที่ตั้งแห่งความเคารพศรัทธาแห่งพุทธศานิกชน
ในวาระเจริญแห่งอายุ ๖๒ ปี ในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๑ นี้ เป็นศุภมงคลเหล่าศิษยานุศิษย์รวมใจร่วมบำเพ็ญบุญ น้อมถวายเพื่อแสดงมุทิตาสักการะด้วยความเคารพยิ่ง แด่พระเดชพระคุณฯ ท่าน พระมหาเถระผู้เปรียบประดุจปราชญ์แห่งแผ่นดิน ด้วยบารมีธรรมแห่งพระรัตนตรัย ดลบันดาลให้พระเดชพระคุณฯ ท่านมีอายุยืนยาวนาน สถิตย์เป็นที่พึ่งดุจดั่งแสงสว่างประทีปแห่งธรรม แก่ศิษยานุศิษย์ พุทธศาสนิกชนสืบไป