.....วันนี้นอกจากเราจะได้มีโอกาส มานั่งพูดคุยถึงแรงบันดาลใจในการทำบุญของครอบครัวนี้แล้ว เรายังโชคดีกว่าทุกๆ ครั้ง เพราะเขาหยิบยื่นสมุดบันทึกส่วนตัวเล่มหนึ่งให้กับเรา ซึ่งจะได้มาดูกันว่า เขาเขียนความรู้สึกและแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ในการทำบุญครั้งนี้ไว้อย่างไร
.....บทความต่อไปนี้ คัดลอกมาจากสมุดบันทึกความรู้สึกส่วนตัวของครอบครัวทวีชัยถาวร เจ้าของห้างทองทวีชัย 5 คุณไพศาล คุณวรพจน์ ทวีชัยถาวร และคุณเสาวนี หิรัณยศิริ
.....วันแรกที่เริ่มโครงการหล่อหลวงปู่หนัก ๑ ตัน เราประกาศรับบุญ ณ วันนั้นทันทีเลย เพราะการได้ร่วมบุญนี้ นับเป็นบุญลาภในชีวิตอย่างสูงสุด เพราะพระเดชพระคุณหลวงปู่สด จนฺทสโร คือยอดแห่งมหาปูชนียาจารย์ ที่มีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณ
.....ผมทราบมาว่าการหล่อหลวงปู่ในครั้งนี้ คุณครูไม่ใหญ่มุ่งมั่นปั้นด้วยตนเองให้เป็น รูปหล่อที่เสมือนกับหลวงปู่มีชีวิตจริง ในฐานะที่อาชีพของครอบครัวเราขายทองรูปพรรณมาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ส่วนภรรยาผมก็ขายกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ อีกทั้งครอบครัวเรายังเป็นศิษย์คนหนึ่งของหลวงพ่อ
.....ครอบครัวเราจึงขอนำความรู้ ความชำนาญ ที่มีอยู่มารับใช้งานพระศาสนา โดยการมาถวายคำปรึกษาในการทำทองคำรูปแบบต่างๆ ที่สาธุชนนำมาถวาย ให้บริสุทธิ์ถึง ๙๙.๙๙% ซึ่งจะงดงามเหลืองอร่าม ในทุกสภาพ ทนต่อแดด ฝน กรด ด่าง ความร้อน ความเย็น แม้เวลาจะผ่านไปยาวนานพันๆ ปี ซึ่งก็มาตรงกับคำทำนายของนอสตราดามุส ที่ว่าศิษยานุศิษย์จะนำทองคำออกมา หล่อเป็นรูปเหมือนองค์ท่านดังทองคำวิโรจน์ (คือ ทองคำที่สุกใสมากๆ)
.....ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวเราชอบทำบุญ แต่ทำบุญทางด้านสงเคราะห์โลก เช่น ทำกับโรงพยาบาล โรงเรียนส่งเสริมอาชีพคนตาบอด ฯลฯ แต่ปัจจุบันนี้ ตั้งแต่มาศึกษาคำสอนในพระพุทธศาสนาจนละเอียดลึกซึ้งขึ้น เราจึงพบว่า เราต้องทำบุญในเนื้อนาบุญอันบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นด้วย ถึงจะได้บุญมาก ดังนั้น งานบุญใดที่เกี่ยวกับเนื้อนาบุญ เราจึงทุ่มเทและตั้งใจทำให้ดีที่สุด อย่างเช่นปีที่ผ่านมา
.....ที่ครอบครัวเราทำบุญสร้างหลังคามหารัตนวิหารค ก็เป็นเงินสะสมมาเกือบทั้งชีวิตที่ตั้งใจ จะมาสร้างบ้านให้ภรรยาและลูก เพราะผมเองและภรรยาตรากตรำกันมามาก แต่เมื่อครอบครัวเราทุกคนมาเข้าใจมโนปณิธานของหลวงพ่อ เราพ่อ แม่ ลูก จึงตัดสินใจให้ความสำคัญกับงานของพระพุทธศาสนาก่อน ส่วนเรื่องความสุขสบายส่วนตัวเรารอได้ เมื่อเราตัดสินใจทำไปแบบนี้ หากได้มองภาพย้อนกลับไปนึกถึงทีไร
.....ใจก็ปลื้มไม่มีที่สิ้นสุด และปีนี้ก็เช่นกัน ครอบครัวเราได้ถวายทองหล่อหลวงปู่กันไปแล้ว ขณะที่ถวาย เราทุกคนตรึกระลึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ ให้ใจเรามีแต่ท่านตลอดเวลา หลังจากถวายไปแล้วเราก็มีความสุข อิ่มเอมใจ สุขใจ ปลื้มปีติสุดจะพรรณนา
.....ก่อนนี้ถ้ามีใครมาถามผมว่า รักหลวงปู่สด จนฺทสโรไหม ผมคงตอบโดยไม่ต้องคิดว่า รักสิ รักมากด้วย แต่ถ้าถามว่า แล้วคุณทำอะไรเป็นการแสดงความรักและความกตัญญูต่อหลวงปู่บ้าง ผมคงต้องใช้เวลาคิดหรือคิดไม่ออกด้วยซ้ำ
.....ผมมีคติประจำใจอยู่ข้อหนึ่งว่า คนที่ไม่เคารพและกตัญญูต่อพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ คบไม่ได้ เพราะขนาดพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ยังไม่เอาเลย แล้วเราเป็นใคร ผู้นั้นจะมาคบมาจริงใจกับเราย่อมเป็นไปไม่ได้
.....การตัดสินใจทำบุญหล่อหลวงปู่ครั้งนี้ ประการที่หนึ่ง เป็นบุญลาภของครอบครัวเรา ประการที่สองเป็นการแสดงความกตัญญูสูงสุดที่มีต่อท่าน เพราะท่านทำให้ครอบครัวเราทราบเรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องวัฏสงสาร การเวียนว่ายตายเกิด ตายแล้วไม่สูญ หรือการสร้างบารมีกับเนื้อนาบุญฯลฯ โดยคำสอนของท่านผ่านมาทางหลวงพ่อ ดังนั้น หลวงปู่และหลวงพ่อจึงเป็นยิ่งกว่าครูบาอาจารย์ของผมและครอบครัวเสียอีก
.....ตั้งแต่เข้าวัดพระธรรมกายมาระยะหนึ่ง ผมได้พยายามทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา มีเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้เกิดขึ้น เช่น ในฐานะทางเศรษฐกิจอย่างผมไม่น่าจะทำทานหลังคามหารัตนวิหารคดได้
.....และเมื่อทำไปก็น่าจะทำให้ภาวะการเงินต้องติดขัดอย่างแน่นอน อีกทั้งหลวงพ่อบอกบุญใหญ่ใดๆ ผมก็มักจะไม่ค่อยพลาดที่จะต้องทำ และทำอย่างไม่มียั้ง แต่ดูเหมือนทำเท่าไรการเงินและธุรกิจก็ไม่เห็นติดขัด ซึ่งถ้าดูตามตัวเลขแล้วการเงินคงต้องติดขัดอย่างแน่นอน มันเหมือนกับว่าสมบัติถ้าใช้ทำบุญทำทาน จะทำเท่าไรก็ไม่รู้จักพร่อง หรือความรักและเคารพของพนักงานในปกครองดูจะมีมากขึ้น
.....การทำงานของพนักงานก็ทำด้วยใจมากขึ้น คนที่ต้องไปติดต่อหรือแม้แต่บ้านใกล้เรือนเคียงไม่เคยไหว้เราก่อน เดี๋ยวนี้เจอเรากลับไหว้เราก่อน (ทำให้รู้สึกงงพอสมควรและหาเหตุผลไม่ได้) ที่หลวงพ่อมีบุญใหญ่ให้เราได้สร้างบารมีทุกครั้ง ทำให้ผมคิดถึงเพลงรถด่วนขบวนสุดท้าย หากเราตามหลวงพ่อไม่ทัน ก็เหมือนเราเกาะรถด่วนขบวนนั้นไปไม่ได้ แล้วคุณล่ะจะไปด้วยกันไหม ผมคนหนึ่งล่ะ ต้องตามให้ทัน เพราะผมไม่อยากพลาดพลั้งพลัดไปอบาย มันน่ากลัวน่ะครับ