“อ้อย แม้อยู่ที่ใดก็ไม่ทิ้งรสหวาน บัณฑิตเมื่อประสบทุกข์ก็ย่อมไม่ทิ้งธรรมะ”คนเราโดยทั่วไป ถ้าไม่มีหลักธรรมเป็นที่พึ่งยึดถือในการดำรงชีวิตแล้ว เมื่อประสบความทุกข์พบอุปสรรค ก็จะเคว้งคว้าง เหมือนว่าวที่ขาดลอยความทุกข์นั้น เปรียบเหมือนไฟ ซึ่งมีความกังวลเป็นเชื้อไฟ ถ้าเรามีความทุกข์ อย่าไปกังวลว่า จะทุกข์อย่างไร หรืออุปสรรคจะมากมายเพียงใด เราจะไม่ขยายความทุกข์นั้น เพราะจะทำให้เราเพิ่มความกังวลหวาดวิตกยิ่งขึ้น เปรียบดังมดตัวเล็กๆ พอเราเอาแว่นไปขยายก็จะเห็นว่ามดใหญ่ ทำให้กลัวว่ามันจะกัดเราได้สรรพสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมมาจากเหตุ ความดีเป็นผลที่มาจากเหตุทั้งสิ้น ทำดีผลก็ย่อมดีแน่นอน ดังนั้น คนเราควรทำเหตุให้ดี คือ การทำใจให้มีกำลัง ที่เรียกว่า กำลังใจ ซึ่งทำได้ด้วยการฝึกจิตเป็นสมาธิตั้งมั่น เกิดปัญญาที่จะนำไปสู่การแก้ไขเหตุแห่งความทุกข์ได้หมดสิ้นไปได้
เหมือนดังเรือที่แล่นออกสู่ทะเล มหาสมุทร เมื่อเจอมรสุม กัปตันเรือผู้มีปัญญา ก็จะหามุมหลบเสียก่อน เมื่อลมมรสุมหมดแล้ว จึงแล่นเรือต่อไป พวกเราเหล่ากัลยาณมิตรก็เช่นกัน เมื่อประสบความทุกข์ก็ต้องหลบพักเสียก่อน คือ หามุมสงบ โดยการทำใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายนั่นเองกัลยาณมิตรที่รักทั้งหลาย เส้นทางแห่งวัฎสงสารนี้ยาวไกล เราจะต้องฝ่าฟันกับความทุกข์และอุปสรรคอีกมากมาย การฝึกจิตใจจึงเป็นสิ่งสำคัญของชีวิต เพราะเราจะมีหลุมหลบภัย และบ่อเกิดแห่งปัญญา ที่จะนำพาพวกเราก้าวล่วงความทุกข์ไปสู่ความสุข ความสำเร็จของชีวิตได้อย่างแน่นอน
ขอขอบคุณ หนังสือ “หน้าสุดท้าย” ประพันธ์โดย พระสุธรรม สุธมฺโม
สงวนลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
ห้ามนำไปใช้ประโยชน์ทางการค้าหรือหากำไร ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดและต้องรับโทษตามกฎหมาย