เมื่อคราวอาตมาไปเทศน์ที่จังหวัดพิษณุโลก ให้ครูอาจารย์ในจังหวัดภาคเหนือฟัง มีอาจารย์ท่านหนึ่งเข้ามาบอกว่า เคยมีลูกศิษย์ถามปัญหาว่า จริงหรือที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ทรงพระดำเนินไปได้ ๗ ก้าว ในทันทีที่ประสูติจากพระครรภ์พระมารดา ท่านยังหาคำตอบให้ลูกศิษย์ไม่ได้จึงเก็บมาถาม อาตมาก็ตอบเขาไปว่า..จริงเหตุที่เชื่อว่าสามารถทรงพระดำเนินได้จริง เพราะมีเหตุผลสนับสนุนทั้งทางโลกและทางธรรม
เหตุผลในทางโลก
อาตมาก็ถามเขากลับไปว่า โยมอาจารย์เคยเห็นตุ๊กตาล้มลุกไหม เขาตอบว่าเคย จึงถามเขาต่อไปว่าตุ๊กตาล้มลุกน่ะเป็นยังไง
เขาก็ตอบว่า ตุ๊กตาล้มลุกมีคุณสมบัติว่า ไม่ว่าจะวางค่อยๆ จะวางแรงๆ จะโยน จะขว้าง จะทิ้งจะกลิ้งอะไรก็ตามที พอหมดแรงส่งมันจะตั้งได้เลย เราจึงเรียกกันว่าตุ๊กตาล้มลุก คือ ล้มแล้วมันจะลุกทันที ไม่ต้องคอยใครไปจับตั้ง
เมื่อถามเขาต่อว่า เพราะเหตุใดตุ๊กตาล้มลุกจึงลุกเองได้ มีปาฏิหาริย์หรือเปล่า เขาตอบว่าไม่มี สาเหตุที่มันล้มแล้วลุกได้ ก็เพราะศูนย์ถ่วงของมันได้จังหวะพอเหมาะพอดีกับรูปร่างในแนวตั้ง เมื่อใครผลักมันล้ม มันจะลุกได้เอง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งแต่ประทับอยู่ในพระครรภ์ ทรงนั่งขัดสมาธิอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ขัดสมาธิเปล่าๆ ยังทรงทำสมาธิอีกด้วย เพราะฉะนั้นเวลาประสูติจึงไม่เหมือนคนทั่วๆไป ซึ่งคนทั่วๆไปเวลาคลอดเอาศีรษะออกก่อนทั้งนั้น ผู้ที่ได้ลักษณะมหาบุรุษอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เป็นอย่างนั้น เพราะทรงนั่งแบบมีพระสติอยู่ในพระครรภ์ เมื่อถึงคราวประสูติจึงเอาพระบาทออกมาก่อน พอพระบาทแตะพื้นก็ประทับยืนทันที ตามลักษณะร่างกายที่ได้สมดุล
ผู้ที่ได้ลักษณะมหาบุรุษ จะอยู่ในครรภ์มาดาถึง ๑๐ เดือนเต็มจึงคลอด พวกเราไม่ถึง บางคนอยู่ในท้องแม่ได้ ๗-๘ เดือน บังเอิญแม่ไปหกล้มก้นกระแทก หรือถูกระทบกระเทือนมากก็คลอดก่อนกำหนด ตัวเล็กกระจ้อยร่อยอย่างกับลูกกรอก ถ้าเป็นสมัยขุนแผน มีหวังโดนจับไปย่างไฟทำกุมารทอง สมัยนี้การแพทย์ก้าวหน้า เลี้ยงในตู้กระจกก็พอรอด ไม่งั้นตาย
ทารกที่ได้ลักษณะมหาบุรุษจะพร้อมอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องเอามาใส่ตู้กระจก พอเท้าแต่พื้นปั๊บก็ยืน แล้วเดินเลย เพราะว่าร่างกายได้สมดุล นี่เราพูดกันในเชิงวิชาการ ในเชิงวิทยาศาสตร์ ไม่ได้โม้นะ
* * โปรดติดตาม เหตุผลในทางธรรม ที่พระพุทธองค์ทรงพระดำเนินได้ทันที ได้ในต่อนต่อไป * *
ขอขอบคุณ หนังสือ “ลักษณะมหาบุรุษ”
ปาฐกถาธรรมของพระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ หลวงพ่อทตฺตชีโว
สงวนลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
ห้ามนำไปใช้ประโยชน์ทางการค้าหรือหากำไร ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดและต้องรับโทษตามกฎหมาย
