เจอร์รี หรือ จันทร์แรม จำปาอ่อน

วันที่ 27 มิย. พ.ศ.2558

เจอร์รี หรือ จันทร์แรม จำปาอ่อน

ชีวิตของดิฉัน ไม่โหลยโท่ยอีกแล้ว

 



         ในปีพ.ศ. ๒๕๔๙ หญิงสาวคนหนึ่งได้มาวัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรก และในครั้งนั้นพระเดชพระคุรหลวงพ่อธัมมชโย ได้บอกกับเธอว่า"เรามาถูกทางแล้วนะลูก เรามาจากที่สว่าง" หลังสิ้นสุดถ้อยคำ น้ำตาของเธอก้ไหลพราก เป็นน้ำตาเย็นจากใจของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งซาบซึ้งดีว่า กว่าจะมาถึงเส้นทางสายนี้เธอผ่านอะไรมาบ้างและถ้อยคำดังกล่าว เป็นที่ปลอบโยนและกำลังใจอันมหาศาลต่อการเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเธอสัมผัสได้ว่าไม่มีใครเข้าใจ ความเป็นไปในชีวิต ของเธอได้มากว่านี้อีกแล้ว หญิงสาวคนนั้น ชื่อ เจอร์รี หรือจันทร์แรม จำปาอ่อน ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน จากเมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา

 

       เธอเล่าว่า"ชีวิตที่ผ่านมาของดิฉันเหมือนผ้าที่ ไม่ได้รีด ทั้งยับยู่ยี่และเต็มไปด้วยตะเข็บปุ่มปมมีปัญหาวิชาทุกข์มาให้เรียนรู้ ไม่หยุดหย่อน หมดเรื่องนี้ ก็ต่อเรื่องนั้นเมื่อปัญหามาเร็วแต่ปัญญามาช้า จึงแก้ปัญหาในทางที่ผิด หลงติดในอบายมุข ทั้งดื่มเหล้า และเล่นการพนัน วันเวลากว่าครึ่งของชีวิตหมดไปใน ขวดเหล้า เธอให้คำจำกัดความการใช้ชีวิตในช่วงนั้น ว่า "แกว่งชีวิตหาเสี้ยน"

 

      จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ มีกัลยาณมิตร ท่านหนึ่ง ชื่อ กัลฯ สิรินทร์ วงศ์วิทยเวทย์ ซึ่งเธอเรียกอย่างคุ้นเคยว่า "เจ๊เหล่ง" ได้ชวนให้ไปนั่งสมาธิ ที่บ้าน เธอตอบรับคำชวนตามสไตล์หัวใจนักเลง (สุรา) เพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้ามาชวนเธอไปทำอะไรดีๆ อย่างนั้นภาษานักเลงสุราถือว่าเป็นการ "ลองของ" เธอเล่าถึงปฏิบัติการการลองของในครั้งนั้นว่า เมื่อ เขากล้าชวนก็กล้าไป และตั้งใจจะพาเพื่อนไปด้วย รวมถึงเตรียมอุปกรณ์ไปครบ ทั้งขวด ทั้งแก้ว กล่องไพ่ และผ้าปูพอไปถึงก็ชวนตั้งวงก๊ง เหล้ารำไพ่กันเลย ลุยดื่มเหล้ากันทั้งคืน พอพระ จะถึงบ้านแล้ว จึงสลายวง เมื่อพระนำนั่งสมาธิ จำได้ว่าต้องบังคับตัว ให้ตรง
เพราะยังไม่สร่างเมา วันนั้นพระอาจารย์แจก หนังสือ "อยู่ในบุญ" ให้คนละเล่มหลังเสร็จพิธี พอขึ้นรถปุ๊บก็ขว้างไว้ท้ายรถ ไม่ได้สนใจอะไร


      วันหนึ่งเธอได้นั่งดู DMC ฟังเรื่องราวผล การปฏิบัติธรรมของผู้มีบุญท่านหนึ่ง ซึ่งนั่งสมาธิจน เข้าถึงธรรม เธอรู้สึกทึ่งว่า ทำไมผู้หญิงคนนี้เก่งจัง นั่งแป๊บเดียวเข้าถึงแล้วทำให้เกิดกำลังใจที่จะนั่งบ้าง "เขาเขียนมาเล่าว่า ตัวเองวางใจอย่างไรบ้าง ดิฉันก็จำไว้ค่ะ แล้วคิดว่าเดี๋ยวคืนนี้เราเอาบ้าง" แล้วคืนนั้น เธอก็นั่งจ้องดูรูปองค์พระในจอทีวีนั้นจนติดตา แล้วอธิษฐานว่า "นิมนต์นะคะ มาอยู่ศูนย์กลางกายของ ลูกนะคะ"

 

     ตอนนั้น โอ๊ย...กลุ้ม โอ๊ย...เบื่อ ด่าตัวเองว่า ทำไมชีวิตของเรามันโหลยโท่ยอย่างนี้ ด้วยอารมณ์เหนื่อยล้ากับชีวิต ไม่รู้ว่าจะทำอะไร จึงหยิบหนังสือ "อยู่ในบุญ" มาอ่านแก้เซ็ง ในหนังสือนั้นก็กล่าวถึงเรื่องของคุณยายอาจารย์ อ่านไปอ่านมาก็นั่งคิดว่า "คุณยายคือใครกันนะ ทำไมคนพูดถึงเยอะจัง" แต่ก็ยังไม่เคยเห็นรูปของท่าน คืนนั้นจึงอธิษฐานว่าถ้าฉันเป็นลูกหลานของคุณยาย ขอให้คืนนี้ท่านมา ให้เห็นปรากฏว่า ประมาณตีสองของคืนนั้นเอง ดิฉันก็เห็นผู้หญิงชุดขาวมานั่งสมาธิอยู่ปลายเตียง ตอนนั้นเกิดความรู้สึกกลัวมากค่ะ นึกว่าผีย่าผียายมาหลอก นอนคลุมโปงไปจนถึงรุ่งเช้า พอเช้าปุ๊บก็โทรศัพท์หาเจ๊เหล่ง เล่าถึงเรื่องในคืนที่ผ่านมา พอเล่าจบ ก็ขับรถไปบ้านเจ๊เหล่งทันที บ้านของเจ๊ อลังการงานสร้างมากค่ะ มีรูปพระเต็มไปหมด ไปถึงก็ก้มลงกราบพระ พอเงยหน้าขึ้นเท่านั้น สะดุ้งโหยงเลยค่ะ เพราะหนึ่งในบรรดารูปที่ตั้งอยู่นั้น มีรูป ของคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง อยู่ด้วย ถึงกับอุทานทันทีว่า "เจ๊...แม่ชีคนนี้แหละที่หนูเห็นเมื่อคืน" จากนั้นต่อมน้ำตาก็แตก ร้องไห้โฮๆ ด้วยความเต็มตื้นว่า เราเป็นลูกหลานของคุณยาย ท่านมาหาเราจริงๆ ผลพวงจากการดื่มเหล้าอย่างหนัก ทำให้สุขภาพของเธอย่ำแย่และส่ออาการของโรคตับแข็ง พอชีวิตถูกความเจ็บไข้เฆี่ยนตี มากเข้า หัวใจนักเลง (สุรา) ก็เริ่มจ๋อย และตกอยู่ในอารมณ์กลุ้ม


และบุญก็ทำให้ชีวิต ดีขึ้นเรื่อยๆ ที่ผ่านมาดิฉันเข็ดแล้วค่ะความจน อยากประกาศอย่างเป็นทางการค่ะว่า"ความจนที่ไม่น่าเคารพ ฉันเกลียดเธอ"ชีวิตแบบจนไปบ่นไป ไม่เอาแล้ว ถ้ารวยไปบ่นไปยังพอไหว นับตั้งแต่นั้นมาเธอก็เลิกอบายมุข และสนใจนั่งสมาธิอย่างจริงจัง หักดิบหมดทุกอย่าง แม้เพื่อนๆ ที่เป็นนักเลงสุราด้วยกันจะบอกว่า "เพื่อนคนนี้บ้าไปแล้ว โดนเจ๊เหล่งปราบให้งมงายอีกแล้ว" แต่เธอก็ไม่สนใจต่อถ้อยคำเหล่านั้น ชีวิตกว่าครึ่งที่ผ่านมา แม้จะเคยเดินลงขวดเหล้า แต่ชีวิตที่เหลือจากนี้ไป เธอเดินสู่เส้นทางบุญ และเริ่มนั่งสมาธิอย่างจริงจัง

 

     เมื่อเธอเริ่มนั่งสมาธิอย่างตั้งใจ ประสบการณ์ ภายในดีๆ ก็เกิดขึ้นกับเธอ "พอวางใจนิ่งๆ ไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ดิฉันก็มองเห็นดวงใสๆ ปรากฏขึ้น เป็นดวงที่ใสมาก ใสเกินใส เห็นปุ๊บก็ตกใจ ร้อง "อุ๊ย"พอ "อุ๊ย" ดวงก็หายไป จากนั้นเวลานั่งก็มืดบ้าง สว่างบ้างเป็นพักๆ

 

     วันหนึ่งเธอได้นั่งดู DMC ฟังเรื่องราวผล การปฏิบัติธรรมของผู้มีบุญท่านหนึ่ง ซึ่งนั่งสมาธิจน เข้าถึงธรรม เธอรู้สึกทึ่งว่า ทำไมผู้หญิงคนนี้เก่งจัง นั่งแป๊บเดียวเข้าถึงแล้วทำให้เกิดกำลังใจที่จะนั่งบ้าง "เขาเขียนมาเล่าว่า ตัวเองวางใจอย่างไรบ้าง ดิฉันก็จำไว้ค่ะ แล้วคิดว่าเดี๋ยวคืนนี้เราเอาบ้าง" แล้วคืนนั้น เธอก็นั่งจ้องดูรูปองค์พระในจอทีวีนั้นจนติดตา แล้วอธิษฐานว่า "นิมนต์นะคะ มาอยู่ศูนย์กลางกายของ ลูกนะคะ"

 

      คืนนั้นเธอนั่งสมาธิด้วยความสดชื่น ไม่คิดเรื่อง อะไร บอกตัวเองว่า "ให้วาง ให้ว่าง ให้วาง ว่างๆ" นึกภาพองค์พระมาไว้ในกลางกายแล้วมองไปเรื่อยๆ อย่างสงบ ไม่นานต่อมา รูปที่เธอตรึกอยู่นั้นก็ใส มีประกายขึ้นมาเอง ชัดขึ้นๆ แล้วองค์พระก็ผุดขึ้นมามากมายแบบมีชีวิตชีวา "ตื่นเต้นค่ะ เฝ้าแต่นึกว่า อย่างนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าเห็นองค์พระ แล้วดิฉัน ก็มององค์พระไปเพลินๆ อย่างมีความสุข สุขจนอยากจะแบ่งปันความสุขให้กับทุกคนค่ะ พอใจนิ่ง นุ่ม เบาสบายไปสักระยะ ก็เลยอธิษฐานขอไปเบาๆ ที่กลางองค์พระว่า "พระธรรมกายเจ้าขา ตอนนี้ลูก มีปัญหาค่ะ อยากมีเงินเยอะๆ อยากทำบุญโมดูลให้สำเร็จ ขอให้ทุกอย่างที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ หายไปจนหมดนะเจ้าคะ

 

     ด้วยอานุภาพของใจที่สงบนิ่ง และอานุภาพ พระธรรมกายที่เธอได้ตรึกระลึกถึง วันรุ่งขึ้นก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน ทำให้เธอมีงานพิเศษสามารถมีปัจจัย ทำบุญโมดูลได้อย่างอัศจรรย์

 

      วันนั้นทั้งวันปรากฏว่าที่โรงแรมไม่มีลูกค้าเลยแทบจะถอดใจค่ะ "นึกในใจว่า จะทำยังไงดี จะทันไหมนี่โมดูลของฉัน" แต่พอจะกลับบ้านเท่านั้น ผู้จัดการก็มาบอกว่า "อย่าเพิ่งกลับ มีลูกค้าจองปาร์ตี้ เข้ามา ๕๕ คน" ดิฉัน กรี๊ด..เลยค่ะ เพราะพอคำนวณ ค่าบริการจากที่โรงแรมชาร์จ บวกกับที่แขกให้เพิ่ม วันนั้นได้เงินมาทำบุญโมดูลครบกองเลยค่ะ แถมยังเกินกองอีกต่างหากทุกวันนี้ดิฉันมีชีวิตอยู่กับบุญ ทำทุกบุญไม่ขาด และทุกครั้งที่ทำบุญจะอธิษฐานเสมอว่า ขอให้สร้างบุญบารมีได้สะดวก บ่อยครั้งที่ เทกระเป๋าทำบุญหมดเกลี้ยง ถ้าทำกระเป๋าตก ใครเก็บได้คงขว้างกลับมาแน่ๆ และบุญก็ทำให้ชีวิต ดีขึ้นเรื่อยๆ ที่ผ่านมาดิฉันเข็ดแล้วค่ะความจน อยากประกาศอย่างเป็นทางการค่ะว่า "ความจนที่ไม่น่าเคารพ ฉันเกลียดเธอ"ชีวิตแบบจนไปบ่นไป ไม่เอาแล้ว ถ้ารวยไปบ่นไปยังพอไหว

 

     ปัจจุบัน กัลฯ จันทร์แรม หรือ เจอร์รี กำลังตั้งท้องลูกคนแรกและยังคงนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมสม่ำเสมอ รวมถึงเธอยังได้เตรียมปูเส้นทางสีขาวให้ กับลูกชายที่อยู่ในครรภ์

 

       ตอนนี้ก็อยากให้ลูกได้ฟังธรรมะจากพระเดช พระคุณหลวงพ่อตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง โดยเวลาที่เราเปิดเทปฟัง หลวงพ่อก็จะแนบหูฟัง จ่อเข้าไปที่ครรภ์ด้วย เวลาได้ยินเสียงของหลวงพ่อ รู้สึกว่าเขาจะดิ้น ดุ๊กดิ๊กๆ มีปฏิกิริยาสนองตอบ เป็น Alert เบบี้เลยค่ะ

 

       ความไม่รู้ในเรื่องราวความเป็นจริงว่าอะไรเป็นสิ่งควรทำในชีวิต และการกระทำดังกล่าวให้ผล อย่างไรบ้าง ทำให้มนุษย์ลงมือกระทำสิ่งที่ผิดพลาด มากมาย เมื่อทำลงไปแล้วยังกลายเป็นผลร้ายต่อชีวิต ในระยะยาวที่เราเรียกกันว่า "วิบากกรรม" ติดตัวเรา ไปข้ามภพข้ามชาติอีกด้วยซึ่งเราสามารถป้องกันผลร้ายอันเกิดจากความไม่รู้ทั้งหลายทั้งปวง โดยการ นำตนเข้าสู่กระแสแห่งการรู้แจ้งได้ด้วยการประพฤติ ปฏิบัติธรรม หมั่นบำเพ็ญภาวนากลั่นเกลาจิตใจให้สะอาด สงบ สว่าง อยู่เสมอ เมื่อใจดวงนี้สะอาดบริสุทธิ์ แสงสว่างภายในจะนำทางเราไปสู่สิ่งดีงาม ความโหลยโท่ยของชีวิตก็จะไม่เกิดกับตัว ของเราเป็นนิจนิรันดร์ ดังที่กัลฯ จันทร์แรม ได้บอกกับ ตัวเองว่า ชีวิตของดิฉันไม่โหลยโท่ยอีกแล้ว

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0085378845532735 Mins