ณวู ยู ฮง ชาวมาเลเซีย

วันที่ 01 กค. พ.ศ.2558

ณวู ยู ฮง (Woo You Hong) ชาวมาเลเซีย

ผู้ประสบกับอานุภาพของคุณยาย และอานุภาพศูนย์กลางกายฐานที่ ๗

 

 

          คือ พระเดชพระคุณหลวงปู พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย จนตลอดชีวิต ใจของท่านจึงมีฤทธิ์สุดจะนับจะประมาณได้ รวมถึงใจดวงนี้ของท่านยัง ตามคุ้มครองลูกศิษย์ของท่านตลอดเวลา และใครที่ได้ปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกับท่าน ก็ย่อมได้ประจักษ์ถึงอานุภาพของใจที่ฝึกมาดีแล้วเช่นเดียวกัน  

 

           ดังเช่นเรื่องของคุณวู ยู ฮง ชาวมาเลเซีย ผู้ประสบกับอานุภาพของคุณยาย และอานุภาพศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ คุณวู ยู ฮง เล่าว่า

 

            "ผมเริ่มเข้ามาสร้างบารมีกับวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยการชักชวนของกัลยาณมิตร จากจังหวัดภูเก็ต หลังจากนั้นผมก็เริ่มปฏิบัติธรรม และได้ร่วมสร้างบุญกับทางวัดมาเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยมาวัดพระธรรมกายเลยสักครั้ง จนกระทั่งปี ๒๕๔๗ ผมได้มาวัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรก ในงานบุญใหญ่ คือ วันมาฆบูชา ทำให้ผมประทับใจในหลาย ๆ เรื่อง มีผู้คนมาวัดกันอย่างเนืองแน่น เห็นวัดเป็นระเบียบ สะอาด ยิ่งได้ศึกษาผมก็ยิ่งทราบว่า เหตุที่วัดมีความ เป็นระบบระเบียบเช่นนี้เพราะได้ต้นแบบมาจาก คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย เมื่อได้รู้จักกับคุณยาย ทั้งจากการอ่านและฟัง ทำให้ผมเคารพรัก ศรัทธาคุณยายมาก ๆ คุณยายเป็นนักเสียสละตนที่ยิ่งใหญ่ เป็นผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรมและความบริสุทธิ์ ผมเชื่อมั่นในอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของคุณยายมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ครอบครัวของผมประสบมาด้วยตัวเอง  ในสมัยที่เราเริ่มไปวัดกันใหม่ ๆ ใน ปี ๒๕๔๗ ทุกครั้งที่เราไปวัด เราจะต้องลำบากหาโรงแรมเพื่อ พักค้างคืน ซึ่งต้องไม่ห่างจากวัดมากนัก เพื่อที่เราจะได้ตักบาตรตอนเช้าได้ทัน ยิ่งเป็นงานบุญใหญ่ ๆ บางครั้งที่พักก็ไม่ค่อยพอ โดยเฉพาะถ้าชวนญาติ ๆ มาจากต่างจังหวัดกันหลายคนก็ยิ่งไม่สะดวก ผมจึงตัดสินใจอธิษฐานขอบ้านจากคุณยาย ให้เรามีบ้าน อยู่ไม่ไกลจากวัด หลังจากอธิษฐานขอบารมีคุณยาย ไม่นานผมก็มีบ้านอยู่ที่คลอง ๔ สำเร็จอย่างง่ายดาย ตอนที่ซื้อบ้านใหม่ๆ วันหนึ่งผมกับภรรยากำลังเดิน ขึ้นชั้นบนของบ้าน ผมเดินนำหน้าภรรยาเดินตามมา ข้างหลังแล้วผมก็เห็นแม่ชีเดิน สวนผมลงมา ผมรีบถามภรรยาว่า เธอเห็นคนแต่งชุดขาวเดินสวนลงมาหรือเปล่า เธอตอบผมว่าไม่เห็นมีนี่ ตอนนั้นเป็นเวลา กลางวัน ช่วงนั้นผมยังไม่รู้ประวัติ และรายละเอียดเกี่ยวกับคุณยายมากนัก เพราะเรายังเข้าวัดกันได้ไม่นานแต่เราก็พบกับ อานุภาพของคุณยายอย่างมหัศจรรย์จริง ๆ ซึ่งตอกย้ำให้ผมมีความเชื่อมั่น และศรัทธาในวิชชาธรรมกายมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

           สำหรับผมก่อนที่จะมารู้จักวัดพระธรรมกายผมเป็นคนสนใจธรรมะมาก และก็เข้ามาศึกษาธรรมะ ที่วัดพุทธศรีลังกามากว่า ๑๐ ปี ซึ่งที่วัดก็จะสอนเรื่อง การสวดมนต์ สอนร้องเพลงธรรมะเป็นหลัก แต่ไม่มีการสอนเรื่องการนั่งสมาธิ ทำให้ผมไม่ได้ศึกษาและ ไม่ทราบวิธีการฝึกสมาธิเลย ต่อมาได้มีโอกาสรู้จัก เพื่อนคนไทย เขาพามาศึกษาธรรมปฏิบัติที่วัดไทย แห่งหนึ่งจึงเป็นเหตุให้ผมเริ่มสนใจการปฏิบัติธรรมนับจากนั้น และก็เริ่มค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตว่า มีพระที่ไหนสอนเรื่องการนั่งสมาธิบ้าง จนกระทั่งได้มาพบข้อมูลของหลวงปูวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เกี่ยวกับวิชชาธรรมกาย แต่ก็มีรายละเอียดไม่มากนัก จนกระทั่งในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ผมมีโอกาสมาเมืองไทยกับเพื่อนอีกครั้ง เขาแนะนำให้ผมรู้จักกัลยาณมิตรอภิรดี ตันติวิท พวกเราพากันไปหากัลยาณมิตรท่านนี้ที่บ้านในจังหวัดภูเก็ต บ้านของเธอมีโต๊ะหมู่บูชา ผมได้เข้าไปกราบ ๓ ครั้ง เพราะเป็นอุปนิสัยของผม เมื่อผมไปที่ไหน บ้านใคร ผมจะเข้า ไปทำความเคารพพระประจำบ้านก่อน พอกราบเสร็จ จึงเงยหน้ามองโต๊ะหมู่บูชาอย่างตั้งใจ ปรากฏว่าโต๊ะหมู่บูชามีภาพหลวงปู ผมรู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก จากนั้นกัลยาณมิตรอภิรดีก็ ได้มอบหนังสือภาษาอังกฤษ ซึ่งหน้าปกเป็นรูปหลวงปูสด พระมงคลเทพมุนี ( สด จนทสโร) ให้ผม ผมรีบกลับมาอ่านอย่างตั้งใจ แต่อ่านได้ไม่มากเพราะสายตาไม่ดี เจ็บตา จึงได้อธิษฐานกับหลวงปู โดยดูรูปท่านจากหน้าปกหนังสือเล่มนี้ พนมมือกราบท่าน ๓ ครั้ง แล้วบอกกับท่านว่า ถ้าผมมีบุญพอที่จะอ่าน หนังสือเล่มนี้ได้ และสามารถศึกษาปฏิบัติได้ ก็ขอให้สายตาของผมดีขึ้นพอที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้ได้ หลังจากนั้นภายในระยะเวลา ๒ - ๓ วัน ผมก็อ่านหนังสือจนจบเล่ม ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลก ผมรู้สึกว่าสายตาของผมเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ ๆ จนสามารถอ่าน หนังสือ และเอกสารอื่น ๆ ได้ครั้งละนาน ๆ จนเป็นปกติได้ จากการอ่านหนังสือนี้เอง ทำให้ผมได้ ลงมือปฏิบัติธรรม โดยทุกครั้งก่อนปฏิบัติ ผมจะอธิษฐานขอบารมีหลวงปูให้ช่วยสอนผมด้วยเถิด และ ก่อนนั่งจะปล่อยวางงานทุกอย่าง ปล่อยวางเรื่องราว เกี่ยวกับสิ่งรอบตัวทั้งหมด จะทำร่างกายทุกส่วนให้สบาย หลับตาเบา ๆ นั่งหลังตรงแบบสบาย ๆ สบายทั้งในกายและนอกกาย และก็หลับตามอง เข้าไปยังที่ตั้งฐานของใจ ไล่ตามฐานทั้ง ๗ ฐาน และ ก็หยุดใจเบา ๆ ณ ฐานที่ ๗ กลางท้องสบาย ๆ โดยไม่ได้ใช้ตาเพ่งมองเลย ผมเห็นโดยการใช้ความ รู้สึกและภาวนา "สัมมา อะระหัง" ผมปฏิบัติอย่างนี้ ต่อเนื่องประมาณ ๒ อาทิตย์ ทำให้ผมเห็นองค์พระ องค์ใหญ่ใสเป็นแก้วผุดขึ้นมาเองที่กลางท้อง แล้ว องค์พระก็ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น ๆ ขยายใหญ่มากสว่างมาก ๆ ๆ ผมทั้งตื่นเต้น ตกใจ ดีใจจนบอกไม่ถูก อารมณ์ทุกอย่างมารวมกันในเวลานั้น เลยรีบโทรไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังว่า การปฏิบัติธรรมทำให้ ผมพบพระในท้องแล้วก็มีความสุขมาก หลังจากนั้นผมจึงปฏิบัติทุกวันไม่เคยขาดเลย อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ประสบการณ์ภายในของผมก็พิเศษเพิ่มขึ้นไปอีกคือ องค์พระที่กลางท้องผมผุดขึ้นมาอย่างมากมายไม่ขาดสายเยอะมาก ๆ เลยครับ องค์พระใสสว่างมาก ครั้งนี้ผมทั้งดีใจ ตกใจ ตื่นเต้น มีความสุขที่สุด จนหัวใจเต้นแรงไปตามองค์พระที่ผุด ขึ้นมา ท่านองค์ใหญ่ขึ้น ๆ วันนั้นผมปีติจนนอนไม่หลับ ช่วงแรกที่เห็นองค์พระกัลยาณมิตรได้แนะนำให้ผมเรียนถามพระอาจารย์นิโคลัส เกี่ยวกับประสบการณ์การปฏิบัติธรรม ท่านก็แนะนำว่าให้ดู ที่กลางองค์พระไปอย่างเฉย ๆ นิ่ง ๆ พอทำอย่างนี้ ผมก็เลยเห็นองค์พระทุกวัน โดยนึกถึงกลางท้อง ก็จะมองเห็นองค์พระง่ายมาก ท่านผุดขึ้นมาเร็วมาก แค่ผมหยุดนิ่ง ๆ เฉย ๆ เท่านั้น


           หลวงพ่อท่านสอนไว้ว่า ธุรกิจกับจิตใจต้อง ไปด้วยกัน ผมก็นำมาใช้ โดยก่อนออกจากบ้านไป ทำงานทุก ๆ เช้า ผมจะสวดมนต์นั่งสมาธิ แผ่เมตตา ขณะขับรถจะตรึกองค์พระไปด้วย ตอนพักกลางวัน เมื่อมีเวลาเหลือผมจะอยู่ในห้องเงียบ ๆ คนเดียว เพื่อนั่งสมาธิหลับตาสบาย ๆ จนเห็นองค์พระใส หลังจากนั้นผมก็ค้นพบว่างานทุกอย่างที่ทำสำเร็จได้อย่างง่าย ๆ

 

           จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ผมเข้าโครงการบวช นานาชาติ รุ่นที่ ๕ หลังจากที่นั่งสมาธิจนกระทั่งเข้าถึงองค์พระภายใน ผมก็ได้ลองอธิษฐานจิตหลังจากที่ใจสงบนิ่งว่า ขอให้บริษัทให้รถคันใหม่แก่ผม (รถเบนซ์) และผมก็นึกภาพรถคันนั้นมาใส่ไว้ในกลางกาย ทำบ่อย ๆ อธิษฐานถี่ ๆ แล้วไม่นานหลังจากลาสิกขา ออกมา ผมก็ได้รถคันนั้นมาจริงๆ ต่อมาผมได้ทราบ ข่าวบุญการสร้างหลังคามหารัตนวิหารคด (โมดูล) จากภรรยา เราปรึกษากันว่าจะเป็นเจ้าของบุญใหญ่ในครั้งนี้ให้ได้ เราอยากเป็นเจ้าของบุญโมดูล ซึ่งในตอนที่เราตั้งใจกันนั้น แม้เราจะพอมีเงินอยู่บ้างแต่ก็มีเพียงแค่หลักแสน แต่บุญหลังคามหารัตนวิหารคด เราตั้งใจทำในระดับหลักล้าน และก็หลายล้านเสียด้วย อีกทั้งเวลาก็เหลือแค่ ๒ เดือนกว่า ๆ และเราก็ไม่เคย ทำบุญใหญ่อย่างนี้มาก่อนเลย"


           จากสิ่งที่คุณวู ยู ฮง เล่ามาทั้งหมด ทำให้เราพอจะทราบว่า การนั่งสมาธิทำให้ดวงใจของเขา ใสสว่างและมองเห็นคุณค่าของบุญ ใจของเขาแผ่ขยายกว้างใหญ่ จนกระทั่งทำให้เขากล้าที่จะสร้างบุญใหญ่ คือ หลังคามหารัตนวิหารคด เพื่อเป็นสถานที่รวมพุทธบุตรเรือนล้านในอนาคต ทั้ง ๆ ที่ ในขณะนั้นเขามีเงินเพียงแค่หลักแสน ซึ่งดูเหมือนยากที่จะเป็นไปได้ แต่ผู้มีใจอันหยุดนิ่งดีแล้วมักมีหนทางสู่ความสำเร็จอย่างที่เราคาดไม่ถึง


           "เมื่อผมและภรรยาตกลงกันว่า หลวงพ่อให้บุญใหญ่กับเรามาแล้ว เราก็จะทำให้สำเร็จ ผมก็ใช้หลักการเดิม คือ กราบอาราธนามหาปูชนียาจารย์ไว้ที่กลางกาย ตรึกนึกถึงองค์พระธรรมกาย พร้อมภาวนาไปเรื่อย ๆ จนเห็นองค์พระท่านใสสว่าง สงบ นิ่ง สบาย ผมก็เอาโมดูลเข้าศูนย์กลางกาย ทำทุกวันแล้วก็อธิษฐาน ขอให้ทำได้สำเร็จ ผมไม่ได้คิดจะโอ้อวดตัวเอง แต่อยากจะบอกว่าการปฏิบัติธรรมนั้น มีอานุภาพมากมายจริง ๆ คือ หลังจากนั้นผมก็ สามารถทำบุญโมดูลได้สำเร็จภายในเดือนเศษ ๆ เท่านั้นเองครับ ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมเชื่อมั่นในสมาธิ การนั่ง สมาธิทำให้ดวงใจของเขา ใสสว่างและมองเห็นถึงคุณค่าของบุญ ใจของเขาแผ่ขยายกว้างใหญ่ จนกระทั่งทำให้เขากล้าที่จะ สร้างบุญใหญ่ คือ หลังคามหารัตนวิหารคด เพื่อเป็นสถานที่รวมพุทธบุตรเรือนล้านในอนาคตเป็นอย่างยิ่ง สมาธิช่วยได้ครับ เรื่องยาก ๆ ก็กลายเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับคนกินเงินเดือนอย่างผม ผมขอเป็นพยานยืนยันว่า วิชชาธรรมกายนี้มีพลัง เกินอธิบาย และศูนย์กลางกายเป็นเครื่องนำมาซึ่ง ความสำเร็จจริง ๆ ครับ เมื่อทำบุญใหญ่สำเร็จ เราก็มีความสุขมาก ๆ เชื่อมั่นในบุญและศรัทธา ในมหาปูชนียาจารย์ทุกท่าน


           ผลของสมาธิที่ทำเป็นประจำทำให้ผมเปลี่ยนอุปนิสัยใจร้อน โมโหง่าย กลายเป็นคนใจเย็น ฟังมาก นิ่งมากขึ้น ผมมีโรคประจำตัวคือความดันโลหิตสูง ผมก็นำเอาสมาธิเข้ามาช่วยจนสุขภาพของผมค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ ครอบครัวของผมก็มีความสุขสบาย การเงินผมก็ดีขึ้นทุกปี จนผมทำบุญเป็นประธานรอง กฐินตั้งแต่เข้าวัดปีแรกจนถึงปัจจุบันและทำบุญอื่น ๆ ได้อีกมาก บริษัทก็มีงานเข้ามามากมายสามารถแก้ ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างลุล่วง เช่น เจ้านายให้ผม เข้าไปติดต่อแก้ไขปัญหาของบริษัทส่วนตัว ๒ แห่ง ซึ่งปัญหาดังกล่าวเรื้อรังมา ๒ ปีกว่าแล้ว ไม่มีใครแก้ไขได้ แต่เมื่อผมเข้าไปจัดการก็สามารถแก้ไข สำเร็จผ่านไปได้ด้วยดีทั้ง ๒ สาย ซึ่งวิธีการแก้ ปัญหาทั้งหมดผมเริ่มต้นด้วยการนั่งสมาธิ บางครั้งก่อนเข้าประชุม ผมจะนึกถึงองค์พระทุกครั้ง ขอบารมีพระธรรมกาย หลวงปู หลวงพ่อ คุณยายช่วยผม แล้วสมองของผมก็จะแจ่มใส มีระบบการคิด การพูดที่ดีมาก คือ พูดจาชัดเจน คล่องแคล่ว มั่นใจ คิดงานออกง่าย ตัดสินใจงานได้เร็วขึ้น แก้ปัญหาได้ถูกต้อง หน้าที่การงานก็ดีขึ้น สิ่งนี้เองคือเหตุและผลจากการทำสมาธิ และการเห็นองค์พระ ทำให้ผมเชื่อมั่นอย่างปฏิเสธไม่ได้เลย เพราะเห็นถึงคุณค่าของการปฏิบัติธรรม ผมและเพื่อน ๆ ที่เป็นแกนนำจึงได้ร่วมกันก่อตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรม ชื่อว่าDhammakaya Meditation Center ขึ้นที่ เมืองกัวลาลัมเปอร์ โดยมีคุณฮอน (Hon Beng Aun) เป็นประธานศูนย์ฯ และผมทำหน้าที่เป็นรองประธาน โดยเปิดศูนย์ฯ อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งปัจจุบันมีผู้สนใจมาปฏิบัติธรรม อย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ


           สำหรับกฐิน ๑๐๐ ปี คุณยายอาจารย์ฯ ผมและครอบครัวก็ตั้งใจจะแทนคุณคุณยายท่านสุดกำลัง และต้องทำอย่างถูกหลักวิชชา คือ เราทั้งครอบครัว ต้องนั่งสมาธิทุกวัน และผมก็นำเอาอาคาร ๑๐๐ ปี คุณยายอาจารย์ฯ เข้ากลางกาย ให้เห็นใสเป็นแก้ว พร้อมทั้งอธิษฐานให้เราทั้ง ๒ เป็นประธานกองกฐิน ฉลอง ๑๐๐ ปี คุณยายอาจารย์ฯ เป็นทองแผ่นเดียว กับหลวงพ่อให้สำเร็จครับ"

 

           ความสำเร็จของชีวิตจักเกิดขึ้นอย่างง่าย ๆ ถ้าใจของทุกคนหยุดนิ่งอยู่ที่แหล่งแห่งความสำเร็จ คือ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ โดยเฉพาะกองกฐิน ๑๐๐ ปี คุณยายอาจารย์ฯ ถ้าใจของทุกคนรวมเป็นหนึ่งเดียว กับคุณยาย เห็นคุณยายชัดใสที่ศูนย์กลางกายตลอดเวลา ไม่ว่าใครจะตั้งใจทำบุญกี่กองหรือกี่แผ่นทอง ย่อมสำเร็จเป็นอัศจรรย์อย่างแน่นอน

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.014123300711314 Mins