แม่..พระในบ้าน

วันที่ 10 สค. พ.ศ.2558

แม่..พระในบ้าน

แม่..พระในบ้าน

ทำไมถึงมีคำเปรียบเปรยว่าแม่คือพระในบ้าน?
 
.....พ่อแม่มีความจริงใจบริสุทธิ์ใจต่อลูกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พ่อแม่จึงเปรียบเหมือนพระอรหันต์ในบ้าน ท่านเลี้ยงเรามาตั้งแต่อยู่ในท้อง กว่าจะคลอดออกมาแม่ทรมานแทบตาย เหมือนกับเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แต่ทันทีที่ลูกคลอดออกมา สิ่งแรกที่แม่เกือบทุกคนทำก็คือ ถามคุณหมอว่าลูกเป็นอย่างไรบ้าง พอหมอบอกว่าแข็งแรงดี แม่ก็ยิ้มแล้วที่ยิ้มเพราะรู้ว่าลูกตัวเองครบ ๓๒ แต่จะหล่อ ไม่หล่อ สวย ไม่สวย ยังไม่รู้ โตขึ้นจะนิสัยดีหรือเปล่าจะเกเรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ลุ้นที่สุดคือออกมาแล้วครบ ๓๒ แม่ก็ยิ้มได้
 

แม่..พระในบ้าน
       

.....ถ้าเราอยากรู้ว่าแม่ลำบากอย่างไร ให้ไปหาเป้มาใส่ก้อนหินหรือทรายหนัก ๑๕ กิโลกรัม สะพายหลังไว้ ๒๔ ชั่วโมง ห้ามถอด แบกไว้สัก ๑๐ เดือน เราจะรู้ว่าตอนแม่ท้องเป็นอย่างไร จะลุกจะนอนจะนั่งทุกอย่างไม่สะดวกเลย แล้วมดลูกก็ไปกดกระเพาะปัสสาวะทำให้ปวดปัสสาวะต้องเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ ทรมานขนาดไหน บางทีลูกในท้องก็ออกกำลังกายเตะถีบอยู่ในท้อง แทนที่แม่จะบ่นกลับดีใจว่าลูกเราแข็งแรง เมื่อลูกยังเล็กอยู่บางทีก็ดึงผม ดึงแก้ม แม่เจ็บแต่ไม่โกรธเลย รู้สึกว่าลูกเราแข็งแรงเพราะว่าลูกเป็นแก้วตาดวงใจของท่าน เพราะฉะนั้นพระคุณของท่าน ความจริงใจ และความบริสุทธิ์ใจที่ท่านมีต่อลูก จึงทำให้ท่านเป็นเหมือนพระอรหันต์ของลูกหรือพระในบ้าน
 
แม่ที่ทิ้งลูกไปตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ได้เลี้ยงดูลูก ถือว่ามีพระคุณหรือไม่?
 

.....ถึงแม้ท่านไม่ได้เลี้ยงดูเรา ก็ต้องถือว่าท่านมีพระคุณกับเราอย่างนับประมาณไม่ได้ เพราะท่านให้ต้นแบบความเป็นมนุษย์แก่เรา สิ่งต่าง ๆ จะมีคุณค่ามากเพียงใดขึ้นอยู่กับว่าได้ต้นแบบเป็นอะไร เช่น ถ้าเอาดินเหนียวจากท้องนาไปโยนไว้กลางบ้าน บ้านก็สกปรก แต่ถ้าเอาไปทำเป็นถ้วยชามก็เป็นของมีราคา ถ้าเอาไปทำพระพุทธรูปก็มีผู้คนกราบไหว้บูชา ดินเหนียวเหมือนกัน แต่แบบต่างกัน จะออกมาต่างกันราวฟ้ากับดิน ชีวิตคนเราก็เหมือนกัน เราได้ความเป็นมนุษย์ที่เป็นโครงสร้างที่เหมาะกับการทำความดีมากที่สุดก็เพราะอาศัยพ่อแม่ ไม่มีท่านเราก็เกิดเป็นคนไม่ได้ถ้าเราไปเกิดในท้องหมูหมากาไก่ ต่อให้ตั้งใจทำความดีเท่าไรก็ทำได้จำกัด แม้ท่านไม่ได้เลี้ยงเราเลยพระคุณท่านยังล้นฟ้าล้นมหาสมุทร ยิ่งได้เลี้ยงดูด้วยก็ยิ่งมีพระคุณมากขึ้น สำหรับคนที่มีแม่บุญธรรมการที่ท่านเลี้ยงเรามาก็มีพระคุณมหาศาล ถ้าท่านไม่เลี้ยงเราจะเติบโตมาได้ไหม เพราะฉะนั้นถึงแม้ท่านเป็นแม่บุญธรรม แต่ก็ดูแลเอาใจใส่เลี้ยงดูเราจนกระทั่งเติบใหญ่ พระคุณของท่านก็ท่วมฟ้าท่วมมหาสมุทรเช่นเดียวกัน เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องตระหนักรู้พระคุณท่าน แล้วตอบแทนพระคุณท่าน ไม่ว่าจะเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดจริง ๆ หรือมารดาบุญธรรมก็ตาม
 
ลูกที่ทำให้แม่เจ็บช้ำน้ำใจหรือถึงขนาดทำร้ายร่างกายท่านจะมีผลกรรมอย่างไรบ้าง?
 

.....ลูกที่ทำให้แม่เจ็บช้ำน้ำใจหรือทำร้ายร่างกายแม่ ต้องบอกว่าน่ากลัวมาก และหากทำให้ท่านเสียชีวิตก็จะเป็นอนันตริยกรรม ใครไปทำอนันตริยกรรมเข้า แม้ภายหลังไปสร้างบุญสร้างกุศลมากมายจนท่วมฟ้าก็ตาม ชาตินั้นตายแล้วตกนรก ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แม้กลับตัวกลับใจทำความดีเท่าไรก็ปิดสวรรค์ปิดนิพพาน แต่ถ้าพ้นกรรมจากนรกแล้วกลับตัวกลับใจได้ ก็ยังมีโอกาสทำความดีจนขึ้นสวรรค์หรือบรรลุธรรมเข้านิพพานได้ ถึงแม้ไม่ทำให้ท่านเสียชีวิต แค่ดื้อกับท่านหรือลงมือตบตีท่านให้ได้รับบาดเจ็บหรือได้รับความลำบากทางกายก็ต้องบอกว่ากรรมหนักมาก
 

.....พระมหาโมคคัลลานะในอดีตชาติเคยได้ภรรยาไม่ดี คอยยุจนกระทั่งท่านนึกว่าแม่ไม่ดี สุดท้ายคิดฆ่าแม่ แต่ยังไม่ได้ฆ่า แค่ทำให้บาดเจ็บ ผลกรรมยังตามมาจนกระทั่งชาติสุดท้าย เป็นพระอรหันต์แล้วยังถูกโจรทุบตาย เพราะฉะนั้นใครทำไม่ดีกับพ่อแม่ถือว่ากรรมหนักมาก แม้ยังไม่ถึงขนาดลงไม้ลงมือ แต่ถ้าทำให้ท่านเจ็บช้ำน้ำใจน้ำตาตกเพราะเรา ก็มีกรรมหนักมาก จากนี้ไปอย่าทำให้ท่านเสียใจ ดูแลปรนนิบัติท่านอย่างดี ให้ท่านมีแต่ความชื่นใจ และอีกวิธีที่จะช่วยได้ก็คือ ถ้าท่านยังไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ให้ชักนำให้ท่านมีศรัทธาให้ได้ ให้ท่านมีโอกาสให้ทาน รักษาศีลและเจริญสมาธิภาวนาเป็นประจำ เพราะสิ่งนี้จะเป็นบุญกุศลติดตัวท่าน เป็นที่พึ่งของท่านข้ามภพข้ามชาติ ถ้าทำอย่างนี้ได้ถือว่าเราตอบแทนพระคุณท่านได้หมด
 
สำหรับท่านชาย การบวชเป็นวิธีตอบแทนพ่อแม่ที่ดีที่สุดหรือไม่?
 

.....วิธีตอบแทนพระคุณพ่อแม่ที่ดีที่สุด คือ ชักนำให้ท่านทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง เพราะท่านได้สร้างกุศลด้วยตัวเอง และเมื่อเกิดศรัทธาขึ้นแล้วจะเป็น อริยทรัพย์ที่จะนำท่านไปเกิดในภพภูมิที่ดี ภพชาติต่อไปจะไปเกิดในยุค ที่มีพระพุทธศาสนา ได้สร้างบุญสร้างกุศลอย่างต่อเนื่อง ส่วนการบวชก็เป็นการตอบแทนพระคุณท่านที่ดีมาก ๆ อีกอย่างหนึ่ง เพราะร่างกายของเราได้มาจากท่าน เมื่อเรามาบวชพ่อแม่จะได้บุญกับเราด้วยมากมาย เพราะว่าชีวิตของเราได้มาจากท่าน เมื่อเราใช้ชีวิตทำความดี เราก็เหมือนเป็นเนื้อนาบุญให้ท่านด้วย
 
การส่งปัจจัยเงินทองไปให้ท่าน ถือว่าเราได้ดูแลท่านแล้วหรือยัง?
 

.....ในสังคมปัจจุบัน บางทีพ่อแม่ลูกไม่ได้พักอยู่ด้วยกัน ลูกอยู่กรุงเทพฯ พ่อแม่อยู่ต่างจังหวัดหรือลูกอยู่ต่างประเทศ พ่อแม่อยู่เมืองไทย ตอนอาตมาอยู่ที่ญี่ปุ่น ไปสร้างวัดที่นั่น มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถกลับเมืองไทยได้ แต่พ่อแม่อยู่เมืองไทย ก็ส่งเงินมาให้ทุกเดือน และให้ญาติพี่น้องที่พอมีเวลาไปดูแลท่าน แบบนี้ก็ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ของลูกอย่างหนึ่ง
 
สำหรับลูกบางคนที่ทำไม่ดี พ่อแม่จะได้รับผลพวงอะไรบ้าง?
 

.....ถ้าลูกไปทำบาป ไปฆ่าคน พ่อแม่ต้องรับผลบาปด้วยหรือไม่ อันนี้ไม่เกี่ยว ไม่เหมือนเวลาลูกทำความดี พ่อแม่จะได้ผลบุญด้วย เช่น เวลาเราไปลงทุนหุ้นในบริษัท บริษัทมีกำไรเราก็ได้เงินปันผลแต่ถ้าบริษัทบริหารไม่ดี ขาดทุน ก็จบอยู่แค่ที่เราลงทุนไป ไม่ได้ผลกลับคืนมาเท่านั้น ไม่ใช่ว่าผู้ถือหุ้นต้องตามไปใช้หนี้ให้บริษัทด้วย ถ้าลูกไปทำไม่ดี ผลบาปตกอยู่ที่ตัวลูก ไม่ถึงพ่อแม่ เพียงแต่มีผลทางอ้อม คือ พ่อแม่ทุกข์ใจ ทำให้ใจเศร้าหมอง บาปอกุศลจะเกิดขึ้น

 

ในทางพระพุทธศาสนากล่าวถึงหน้าที่ของแม่ที่มีต่อลูกและลูกมีต่อแม่อย่างไร?
 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า หน้าที่ของพ่อแม่ที่มีต่อลูกมีดังนี้


๑.ห้ามลูกจากความชั่ว พ่อแม่มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ลูกตกไปในที่เสื่อม เช่น ถ้าลูกไปคบเพื่อนไม่ดี ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม


๒.ปลูกฝังลูกในทางที่ดี หาวิธีการทุกอย่างให้ลูกผูกใจอยู่กับบัณฑิต กับบุคคลที่ควรบูชา เช่นพาลูกไปวัดให้ลูกคุ้นเคยกับวัด กับพระพุทธศาสนา กับพระภิกษุสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตั้งแต่ยังเล็ก ลูกจะได้มีใจเป็นบุญเป็นกุศล นอกจากนี้ต้องทุ่มเทป้องกันอะไรที่ไม่ดีไม่ให้มาถึงลูก


๓.ให้ลูกได้รับการศึกษาเล่าเรียนที่ดี พ่อแม่ต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาเล่าเรียน อย่าเพิกเฉยว่า ลูกจบ ป.๖ ก็พอแล้ว ต้องให้เขาได้รับการศึกษาเต็มที่ที่สุดเท่าที่เราจะให้ได้


๔.ให้ลูกได้แต่งงานกับคนดี ไม่ใช่คลุมถุงชน แต่เป็นที่ปรึกษาให้ลูก หลายครอบครัวพ่อแม่ฉลาดมาก ให้ความรักเอาใจใส่จนลูกเชื่อฟัง แต่พ่อแม่ไม่ได้กำกับบังคับบัญชา ให้ลูกตัดสินใจเอง ความรักความผูกพันทำให้เขาฟังพ่อแม่มากกว่า และจะสามารถชักนำเขาไปในทางที่ถูกต้อง มีคู่ครองที่ดีได้สำเร็จสมความตั้งใจจริง ๆ


๕.มอบมรดกให้เมื่อถึงเวลาอันควร แต่ถ้าลูกยังโตไม่พออย่าเพิ่งให้ บางครอบครัวพ่อแม่เก็บมรดกไว้เอง พอพ่อแม่ตายไม่ได้จัดการมรดกไว้ ลูก ๆ ทะเลาะกัน บางทีถึงขนาดฆ่ากันเพื่อแย่งชิงมรดกก็มี ดังนั้นพ่อแม่ต้องจัดการให้เรียบร้อย แต่ต้องดูดี ๆ บางครอบครัวยกมรดกให้ลูก ๆ เกือบหมดปรากฏว่าได้เขยได้สะใภ้ไม่ดีถึงขนาดไล่พ่อแม่ออกจากบ้าน ทำให้เป็นทุกข์ในบั้นปลายชีวิต
 
ส่วนหน้าที่ของลูกที่มีต่อพ่อแม่มีดังนี้


๑.ต้องเลี้ยงดูท่านตอบแทน เมื่อท่านอายุมากขึ้น เราโตขึ้นมีงานทำก็ต้องเลี้ยงดูท่าน จะอ้างว่ามีรายได้น้อย มีครอบครัวแล้ว ไม่มีเวลาและไม่มีเงินทองส่งให้ แบบนี้ถ้าตอนเราเล็ก ๆ พ่อแม่อ้างว่ารายได้น้อย ให้ลูกไปคลานหาอาหารกินเอง เราจะเป็นอย่างไร ตอนที่เรายังเล็กพ่อแม่ให้ความสำคัญกับเราเป็นลำดับแรก เราต้องถือแบบเดียวกัน ตอบแทนพระคุณท่าน เลี้ยงดูท่าน ให้ความสำคัญยิ่งกว่าปากท้องตัวเราเอง ถ้าคิดอย่างนี้ ถึงเราจนแค่ไหนก็จะสามารถดูแลท่านได้


๒.ช่วยเหลือกิจการงานของท่าน เมื่อเราเริ่มโตขึ้นให้ช่วยแบ่งเบาภารกิจการงานของท่าน อะไรทำได้ต้องทำให้สุดฝีมือ ให้ท่านไว้วางใจ ให้รู้วึกว่าลูกโตแล้วมาแบ่งเบาภาระ ทำให้กิจการมีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น


๓.ดำรงวงศ์สกุลของท่าน คือ ไม่ทำอะไรให้เสียชื่อเสียงเกียรติยศวงศ์ตระกูล แต่นำชื่อเสียงเกียรติยศเกียรติคุณทั้งหลายมาสู่วงศ์ตระกูล ทำให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป


๔.ประพฤติตัวดี ให้สมกับเป็นทายาท สมกับเป็นผู้ที่รับมรดก ไม่ใช่ว่าท่านยกมรดกให้เราแล้วจากนี้ไปไม่ต้องสนใจท่านแล้ว แต่เราต้องทำตัวให้ดี ให้พ่อแม่อุ่นใจว่ายกมรดกให้ ยกกิจการให้เราก็ดูแลทุกอย่างให้ดีขึ้น และปรนนิบัติดูแลท่านอย่างเต็มที่


๕.เมื่อท่านละโลกไปแล้วก็ต้องอุทิศส่วนบุญให้ท่านอย่างสม่ำเสมอ ตอนท่านยังอยู่เราดูแลอาหารการกิน ความเป็นอยู่ ปัจจัย ๔ ต่าง ๆ เมื่อท่านละโลกไปแล้ว สิ่งที่ท่านจะได้รับอย่างเดียวก็คือบุญที่ลูกส่งไปให้ เราต้องทำบุญแล้วอุทิศไปให้ท่านอย่างสม่ำเสมอ ให้มีท่านอยู่ในใจเราตลอดใครที่มีพ่อแม่อยู่ในใจ คนนั้นจะมีแต่ความเจริญก้าวหน้า
 

ในโอกาสวันแม่ เราควรจะทำอะไรให้แม่บ้าง?
 
.....แสดงออกให้ท่านรู้ว่าเราระลึกถึงพระคุณท่าน และตอบแทนพระคุณท่านให้เต็มที่เท่าที่เราทำได้ เช่น ชวนพี่ ๆ น้อง ๆ เอาพวงมาลัยและธูปเทียนแพไปกราบเท้าท่าน และขอขมาลาโทษในสิ่งที่เราเคยล่วงเกินท่านตั้งแต่เล็ก ๆ โดยที่เราไม่รู้ เช่น เคยไปดึงผมท่าน หยิก ข่วน หรือทำให้ท่านเสียน้ำตาเพราะเรา จากนั้นก็ขอศีลขอพรจากท่าน แล้วก็ให้แต่ละคนบอกว่าซาบซึ้งพระคุณท่านอย่างไร เราพูดเพียงไม่กี่คำแต่มีคุณค่าทางใจสำหรับท่านอย่างใหญ่หลวง แล้วให้เตรียมปัจจัยไปร่วมทำบุญกับท่าน แล้วแต่ท่านจะนำไปทำบุญอะไร ถือว่าเรามีโอกาสสนับสนุนการสร้างบุญของท่าน และในวันแม่นี้ให้เราสำรวจว่า ที่ผ่านมาเราได้ตอบแทน พระคุณท่านสมบูรณ์ดีแล้วหรือยังอะไรบกพร่องอยู่จะได้ทำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เราจัดสรรเวลาดูแลท่านดีพอแล้วหรือยัง ปัจจัย ๔ อาหารการกินของผู้ใหญ่ซึ่งไม่เหมือนของเด็ก ที่หลับที่นอนของท่านดีพอหรือไม่ การดูแลรักษาพยาบาลเมื่อท่านไม่สบายดีพอหรือเปล่า เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเพียงพอหรือเปล่า และหาเวลาหมุนเวียนกันพาลูกหลานไปเยี่ยมท่าน ถ้าเด็กเห็นพ่อแม่ทำกับปู่ย่าตายายอย่างนี้ โตขึ้นเขาก็จะทำกับพ่อแม่อย่างนั้นฉะนั้นวันแม่ปีนี้ให้เป็นวันพิเศษที่จากนี้ไปใครเห็นเราแล้วจะต้องบอกว่า นี่แหละลูกตัวอย่างที่มีครบทั้งความกตัญญูและกตเวที คือ สำนึกในพระคุณท่านและตอบแทนพระคุณท่าน

ข้อคิดรอบตัว
เรื่อง : พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ (M.D.; Ph.D.)

จากรายการข้อคิดรอบตัว ออกอากาศทางช่อง DMC

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.026699634393056 Mins