โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ
ตอนที่23 โดยสิงหล 22 ส.ค. 58
การทำทานเป็นเรื่องประกอบ ถ้าเราไม่มีการทำทาน คนอื่นจะอยู่ได้ยังไง ช่วยชีวิตปล่อยโคกระบือ ปล่อยปลา ก็ดี ให้ชีวิตเขา ในสมัยพุทธกาลมีสามเณรองค์หนึ่งอยู่อีก 7 วันจะหมดอายุขัย เลยขอลากลับบ้าน ระหว่างที่เดินทางกลับไปบ้าน มีปลาติดอยู่ในแอ่งน้ำ น้ำมันแห้งหมดแล้ว เลยเอาปลาไปปล่อยลงน้ำ พอถึงกำหนดสามเณรไม่ตายอยู่มาได้ ก็ไปถามพระพุทธเจ้า ท่านก็บอกว่าระหว่างทางได้ไปช่วยชีวิตปลาไว้ หมายความว่าช่วยชีวิตเขา จึงมาช่วยชีวิตตัวเอง ทำให้ตัวเองอายุยืน อายุขัยจึงยังไม่หมด แต่ถ้าพูดถึงดีที่สุดคือ การทำสมาธิ
องคุลีมาลที่เป็นพระอรหันต์ได้แม้ก่อนนั้นท่านเคยฆ่าคน เพราะว่าใจของท่านบริสุทธิ์ในระยะสุดท้าย บริสุทธิ์หมายความว่าเปลื้องกรรมอันนั้นออกไป แต่จะว่ากรรมจะไม่ถึงท่านก็ไม่ใช่ เวลาท่านออกบิณฑบาต ชาวบ้านก็พากันขว้างปาก้อนหิน คนทำกรรมอะไรไว้ย่อมได้ผลของกรรมนั้น อย่าไปนึกว่าเขามาทำอะไรเราไม่ได้นะ คือพยายามอย่าไปเบียดเบียนเขา พยายามทำให้ความชั่วนั้นหมดจากใจ ใจเราจะสะอาดบริสุทธิ์ก็เหลือแต่ความดี สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ป้าได้มาจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ
เรื่องสมาธินี้ถ้าปฏิบัติแล้วจะเห็นจริง ถ้าทำสมาธิแล้วจะเห็นไปตามขั้นตอน จะเห็นเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นฝรั่งหรือไทย สุดท้ายจะเห็นเหมือนกันหมด เคยมีเด็กคนหนึ่งมานั่งสมาธิ ก็ให้เขานึกถึงพระประธานนี้ เขาเอามาเป็นนิมิตมาเป็นเครื่องหมาย เพื่อเป็นอุบายให้ใจหยุด แต่ว่าถ้าเห็นองค์พระแล้วใช้ได้เพื่อให้ใจหยุด หยุดแล้วก็ทำต่อไป มีดวงแก้วมีกาย คนที่เห็นแล้ว ไม่ต้องมีใครบอก ว่ากายที่เห็นออกมามีกายอะไรบ้าง เด็กคนนี้ไม่เคยนั่งมาก่อนไม่เคยรู้ เขานั่งตอนนั้น มีใครมาทำอะไรข้างๆก็ไม่สนใจ เขาไม่รู้เรื่อง ถามอะไรเรื่องสมาธิเด็กตอบถูกหมดเลย เคยไปดอยสุเทพเขามีพระแก้วใสตั้งอยู่องค์หนึ่งที่เรือนตำหนัก เขาถามว่าพระที่เห็นใช่อย่างนี้หรือเปล่า เขาบอกว่าใช่เลย ทั้งที่เคยเห็นพระประธานมามากมายหลายแห่ง ก็ถามเขาว่าใช่ไหม เขาบอกว่าไม่ใช่ แต่พอเห็นองค์นี้ บอกว่าใช่เลย
พอขั้นสุดท้ายทุกคนจะเห็นเหมือนกัน พระองค์เดียวกัน ผลสุดท้ายก็ต้องมาเป็นอย่างนี้ คนนับถือศาสนาอื่นนั่งเห็นเป็นดวงดาว เป็นดวงอาทิตย์ ก็ใช้ได้ เพ่งหนักๆเข้าก็เป็นดวงแก้วเหมือนกัน ถ้าไปนรกสวรรค์ก็ต้องทำให้เห็นกาย ถ้าทำกายให้เห็นองค์พระได้ เราจึงจะรู้จะเห็นได้ในเรื่องราวต่างๆ และนี่ก็เป็นเรื่องราวที่ได้ฝึกปฏิบัติมากับหลวงพ่อวัดปากน้ำ
(เรื่องเล่าโดย คุณยายฉลวย สมบัติสุข บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม1)