ทัพพปุบผาชาดก
ว่าด้วย โทษของการโต้เถียงกัน แบ่งกันไม่ลงตัว
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นรุกขเทวดาที่ฝั่งแม่น้ำ.
ครั้งนั้น สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งชื่อมายาวี คือเจ้าเล่ห์ พาเมียไปอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่งใกล้ฝั่งแม่น้ำ.
อยู่มาวันหนึ่ง สุนัขจิ้งจอกตัวเมียพูดกับตัวผู้ว่า พี่ฉันเกิดแพ้ท้องแล้ว ฉันอยากกินเนื้อที่ยังมีเลือดสดๆ อยู่.
สุนัขจิ้งจอกตัวผู้บอกว่า น้องอย่าท้อใจ พี่จักนำมาให้น้องให้ได้ จึงเดินไปริมฝั่งน้ำ ถูกเถาวัลย์คล้องขา จึงได้เดินไปตามฝั่งนั้นเอง.
ขณะนั้น นาก ๒ ตัวคือตัวหนึ่งเที่ยวหากินน้ำลึกเป็นปกติ ส่วนตัวหนึ่งเที่ยวหากินตามฝั่งเป็นปกติ กำลังเสาะแสวงหาปลา ได้หยุดยืนอยู่ที่ตลิ่ง. บรรดานาก ๒ ตัวนั้น ตัวเที่ยวหากินน้ำลึก เห็นปลาตะเพียนแดงตัวใหญ่ จึงดำน้ำไปโดยเร็วคาบหางปลาไว้ได้. แต่ปลาแรงมากฉุดนากไป. นากตัวที่เที่ยวหากินน้ำลึกจึงเจรจาตกลงกับนากอีกตัวหนึ่งว่า ปลาตัวใหญ่จักพอกินสำหรับเราทั้ง ๒ มาเถอะ จงเป็นสหายผู้ร่วมงานของเรา.
ลำดับนั้น นากทั้ง ๒ ตัวนั้นร่วมกันนำปลาตะเพียนแดงออกมาได้ วางให้ตายอยู่บนบกเกิดการทะเลาะกันว่า " แบ่งสิ แกแบ่งสิ" แล้วไม่อาจแบ่งกันได้ จึงหยุดนั่งกันอยู่. ขณะนั้น สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเข้ามาถึงที่นั้น.
นากเหล่านั้นเห็นแล้ว ทั้ง ๒ ตัวจึงพากันต้อนรับแล้ว พูดว่า สหายทรรพบุบผา (นากเรียกสุนัขจิ้งจอกว่าทรรพบุบผา เพราะมันมีสีเหมือนดอกหญ้าคา)ปลาตัวนี้ พวกเราจับได้ร่วมกัน เมื่อพวกเราไม่สามารถจะแบ่งกันได้ จึงเกิดขัดแย้งกันขึ้น ขอเชิญท่านแบ่งปลาให้พวกเราเท่าๆ กันเถิด
" เราเคยเป็นผู้พิพากษาของพระราชาทั้งหลายมาก่อน เรานั้นนั่งในศาลพิจารณาคดีมามากทีเดียว คือคดีมากมาย ของพราหมณ์และคหบดีทั้งหลายเหล่านั้นๆ เราพิจารณา คือวินิจฉัยมาแล้ว เรานั้นจักไม่อาจพิจารณาคดีของสัตว์ ๔ เท้าทั้งหลาย ผู้มีชาติเสมอกัน เช่นท่านทั้งหลายได้อย่างไร เราจะระงับความร้าวราญของท่านทั้งหลาย สหาย ความวิวาทบาดหมางกัน จงสงบคือระงับไป เพราะอาศัยเรา. "
ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว มันก็แบ่งปลาเป็น ๓ ส่วนแล้วบอกว่า ดูก่อนนากตัวเที่ยวหากินตามฝั่ง เจ้าจงคาบเอาท่อนหาง ท่อนหัวจงเป็นของตัวเที่ยวหากินในน้ำลึก.
อีกส่วนท่อนกลางนี้ คือท่อนที่อยู่เลยส่วนทั้ง ๒ นี้ไป ได้แก่ท่อนกลางนี้จักเป็นของผู้พิพากษา คือนายผู้วินิจฉัยคดี.
ฝ่ายสุนัขจิ้งจอกดีใจว่า วันนี้ เราจักให้เมียกินปลาตะเพียนแดง แล้วได้มาที่สำนักของเมียนั้น. นางเมียเห็นผัวกำลังมาดีใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อสุนัขจิ้งจอกผัวบอกว่า จงกินเถิดน้อง แล้ววางชิ้นปลาไว้ข้างหน้า สุนัขจิ้งจอกตัวเป็นเมียจึงถามว่า พี่เป็นสัตว์เกิดบนบก แต่จับปลาในน้ำมาได้อย่างไร?
สุนัขจิ้งจอกตัวเป็นผัว บอกอุบายที่ได้ปลานั้นมา
"น้องนางผู้เจริญเอ๋ย สัตว์เหล่านี้ เมื่อทำการวิวาทกัน ถึงความสิ้นทรัพย์ทั้งหลาย มีเงินและทองเป็นต้นก็มี เพราะการวิวาทกันนั่นเอง. เมื่อคนทั้ง ๒ วิวาทกัน คนหนึ่งแพ้ เพราะแพ้จึงถึงความสิ้นทรัพย์ เพราะให้ส่วนแห่งความชนะแก่ผู้พิพากษา. เธออย่าถามถึงเหตุแห่งปลาชิ้นนี้ที่เรานำมาแล้ว ดูก่อนน้อง เธอจงกินปลาตะเพียนแดงชิ้นนี้อย่างเดียว."
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ตรัสรู้ยิ่งแล้วว่า ดังนี้ :-
ในหมู่มนุษย์ ข้อพิพาทกันเกิดขึ้น ณ ที่ใด พวกเขาจะวิ่งหาผู้พิพากษา เพราะผู้พิพากษาเป็นผู้แนะนำพวกเขา ฝ่ายพวกเขาก็จะเสียทรัพย์ ณ ที่นั้น เหมือนนาก ๒ ตัวนั้นเอง แต่คลังหลวงเจริญขึ้น.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นาก ๒ ตัวนั้นพลาดไปแล้วฉันใด ถึงในหมู่มนุษย์ก็เช่นนั้นเหมือนกัน ณ ที่ใด เกิดการวิวาทกันขึ้น ณ ที่นั้น คนทั้งหลายจะวิ่งหาผู้พิพากษา คือเข้าไปหาเจ้านายผู้ตัดสิน.
เพราะเหตุไร? เพราะว่า ท่านเป็นผู้แนะนำพวกเขา. เป็นผู้จะให้ข้อพิพาทของพวกเขา ที่ทะเลาะกันสงบลงได้. พวกเขาผู้วิวาทกันจะเสื่อมแม้จากทรัพย์ ณ ที่นั้น จะเสื่อมจากของที่มีอยู่ของตน แต่คลังหลวงจะเจริญขึ้น เพราะสินไหม และเพราะรับส่วนแบ่งจากชัยชนะ
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกไว้ว่า
สุนัขจิ้งจอกในครั้งนั้น ได้แก่ พระอุปนันทะ ในบัดนี้
นาก ๒ ตัวได้แก่ ภิกษุแก่ ๒ รูป
ส่วนรุกขเทวาผู้ทำเหตุนั้นให้เห็นประจักษ์ ได้แก่ เราตถาคต ฉะนี้แล.