ฉบับที่ ๑๓๗ เดือนมีนาคม ๒๕๕๗

บทความพิเศษ: ภูมิ ภูมินทร์ ชีวิตใหม่...

บทความพิเศษ: ภูมิ ภูมินทร์ ชีวิตใหม่...


ของผู้ชายขายยา ผมคิดอยู่นาน กว่าจะส่งคอลัมน์นี้ให้ทางบก.ของวารสารฯ เพื่อให้ขยายผลออกไป เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ที่จะนำ อดีตส่วนตัวที่ไม่น่าภูมิใจของใครมาเปิดเผย..
แต่คงเป็นเพราะต่างฝ่ายต่างเห็นประโยชน์ที่คิดว่าเรื่องนี้อาจเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาของประเทศที่เป็นรูปธรรมที่สุดเรื่องหนึ่งเลยก็ได้ ทำให้ผมเจรจากับเจ้าของเรื่องแล้ว เขาตกลงยินยอมให้เข้าสัมภาษณ์
และแน่นอน เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของเขาไว้ให้มากที่สุด ผมขอเรียกเขาว่า "พล" เป็นนามสมมติที่ผมคิดว่าเหมาะกับเขา 
พล : เป็นเด็กวัยรุ่น อายุ : ๒๑ ปี 
สภาพทางบ้าน : ครอบครัวแตกแยก
ปูมหลัง : ติดยา - เอเย็นต์ขายยาบ้า
การศึกษา : จบม.๓ 
ปัจจุบัน : เรียนอยู่วิทยาลัยแห่งหนึ่ง

วันนี้ผมจะพาคุณไปคุยกับเขาในบรรยากาศกันเอง โดยให้ตัวหนังสือเป็นสื่อที่ผ่านสายตาอย่างช้าๆ ด้วยความเข้าใจพร้อมกับความคิดที่โลดแล่นเข้ามาว่า เราได้ข้อคิดอะไรจากการพูดคุยกับพลบ้าง.. ซึ่งผมว่า เรากำลังจะได้อะไรมากกว่า การเรียนรู้ชีวิตของเด็กติดยาที่สามารถ เลิกได้ ซึ่งบางทีเรื่องของพล อาจทำให้เราได้คิดที่จะให้อะไรกับเด็กรอบข้าง หรือลูกสุดที่รักในบ้านของเราได้มากกว่า ความรักที่ไม่มีวิธีการที่ถูกต้องก็ได้..? 
u ช่วยเล่าประวัติ..ก่อนติดยา?
พ่อกับแม่ผมเลิกกัน ผมมีพี่น้อง ๓ คน เป็นคนสุดท้อง พี่น้อง ๓ คน ไม่มีใครติด มีผมติดคนเดียว มันเครียดทางบ้าน เรื่องอะไรต่อมิอะไร เจอแม่ก็ว่าผม ผมเลยประชด เกิดการเครียดแค้น ไปพึ่งยาดีกว่า เฮ้ย..ลองดูอันนี้ดีกว่าเผื่อจะหายเครียด เลยลองครั้งแรกก็ ๑ ตัว 
u เพื่อนชวนครั้งเดียวหรือชวนหลายครั้ง จึงลอง?
ก็ชวนหลายครั้ง คิดเหมือนกัน แต่มันคิดหาทางออกทางอื่นไม่ได้ เป็นเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่ ม.๑ แล้ว เพื่อนติดมาก่อน และก็เป็นเอเย่นต์ด้วย 
ผมติดยาม้าจากเริ่มแรกนะ ก็เสพ แต่มันก็ตัว สองตัว ลักษณะสีเหมือนกะปิ แต่เม็ดเล็กกว่ายาพารา ครั้งแรกที่ผมเล่นนะ ก็ ๘๐ บาท ต่อมาก็ ๑๐๐ และ ๑๒๐ เวลาเล่นก็เล่นที่ห้องน้ำที่โรงเรียน คือเผาใส่ฟรอยด์แล้วดูดเอาควัน ความรู้สึกตอนนั้น ก็คลายเครียดสบายหน่อย รู้สึกปลอดโปร่ง
u แล้วอยู่ได้นานไหม เม็ดหนึ่ง?
โอ้โห..นอนไม่หลับยันเช้า พอเช้าก็หมดฤทธิ์แล้ว ต้องไปโรงเรียนก็ปลุกยายขอเงินไปโรงเรียน อ้างซื้อโน่นซื้อนี่ ซื้อหนังสือเล่มล่ะ ๓๕๐ บาท พอติดมากๆ จากวันละเม็ด ก็เปลี่ยนเป็นวันละ ๓-๔ เม็ด เงินไม่พอซื้อ ก็ไปขอเงินยาย ยายไม่มี ก็ตียาย ว่ายาย ไม่มีเงินไม่ได้ ต้องไปหามา เพราะยายรักเราที่สุด ยังไงก็ต้องให้ แต่พอติดมาก ติดจนไม่ไว้แล้ว เลยไปหาพี่ที่เป็นเอเย่นต์ เพื่อเอาของ ลองเอามาปล่อยกัน แล้วเราก็ได้เปอร์เซ็นต์ เช่น เราปล่อย ๑๐๐ ตัว ๕๐ ตัว เราก็ได้ฟรีๆ ๑ ตัว พอนานๆ เข้า ก็ส่งเลย กลางคืนไม่นอน กลางวันไม่หลับ ลุยทำจนกระทั่งเห็นเพื่อนที่แนะนำเราติดคุก ติดประมาณ ๑๕ ปี 
u ที่กล้าทำร้ายยายที่เรารักที่สุด ตอนนั้นคิดยังไง?
มันคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนกับคนบ้า ต้องเอาให้ได้ มองยายเหมือนกับว่าเป็นขี้ข้าคนหนึ่ง พูดไม่เพราะด้วย เรียกอีเลย ส่วนยายก็น้ำตาไหล ถึงยายร้องไห้เราก็ไม่สนใจ กระชากกระเป๋ามาดู มีเท่าไหร่ มี ๘๐๐ ก็เอามา ๓๐๐ ตอนนั้นเรียกว่าเป็นโจรไปเลย 
u ทำไมตำรวจถึงรู้ล่ะว่าเพื่อนขาย?
เพราะมันเดินคนเดียว แล้วตัวผอมแห้งเห็นกระดูก ลักษณะดูก็รู้ว่าติดยา 
u ตอนส่งของทำยังไง?
เราก็ส่งใส่หนังสือเรียนให้ แล้วเงินก็ใส่กลับมาในหนังสือ เวลาอาจารย์ที่โรงเรียนเจอแล้วเกิดสงสัย มักจะถามว่าทำอะไร ก็บอกว่า อ๋อ...การบ้าน ขอยืมมาดู
u อาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้นรู้หรือเปล่า?
ตอนนั้นไม่รู้ เพราะกำลังจะจบ ม.๓ พอดีเลย จบแล้วก็มาติดหนักๆ แล้วกลายเป็นคนส่งเอง ตอนนั้นเพื่อนผมเริ่มโดนจับ ผมก็เริ่มหวาดผวา ผมกลัว ผมไม่ยอมติดคุก 
u ตอนนั้นยายรู้บ้างหรือยังว่าเราติด?
รู้เลยว่าขาย ซึ่งผมปิดมา ๕ ปีเต็ม พอปีที่๕ เพื่อนฝูงไม่มีเหลือแล้ว โดนจับหมด ยายก็บอกว่า เลิกนะ ไม่เลิกโดนจับนะ ยายไม่มีเงินประกันนะ 
u แล้วยายเอารายได้มาจากไหน? ตอนขอเงินยายมากๆ 
ก็ขายหมากขายพลู ได้วันละประมาณ ๕๐ บาท 
u พี่สองคนรู้หรือเปล่าว่าเราติด?
รู้ แต่ก็ปล่อยเพราะว่า มันติดจนช่วยอะไรไม่ได้แล้ว 
u ตอนที่เราติดอยู่ ปีที่ ๑ - ๕ เรามีความรู้สึกลึกๆ ไหมว่าเราอยากเลิก?
อยากเลิกซิพี่ เพราะเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น ไม่ได้หลับไม่ได้นอน จนร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก ติดจนถ่ายเป็นเลือด ตอนไม่ได้กินยาก็เหมือนกับคนที่ไม่มีแรง เหมือนคนจะหลับ 
u เคยโดนจับไหม?
เคยครั้งหนึ่งนะพี่ ตำรวจไล่จับ พอคิดว่าจะเลิก ทำเป็นครั้งสุดท้าย ตำรวจไล่จับเลย ไล่แบบกระโดดหลบขึ้นหลังคาบ้านนี้ บ้านโน้น ตำรวจจับไม่ได้ ก็รอดไป ตอนนั้นก็กลัวแล้ว ขอโทษยายที่ทำไปทั้งหมด ขอเลิกยาย มือสั่น เพราะว่าตำรวจมาเคาะบ้านแล้วไม่เจอ เพราะชื่อผมดังแล้ว 
u เพื่อนในกลุ่มเป็นอย่างไรบ้าง?
เพื่อนที่ติดที่ขายด้วยกัน มันบอกว่าเป็นเพื่อนตาย ผมไม่มีใคร พอมาอยู่ในดงนี้แล้วต้องรักกันเอง ผมไว้ใจนะ แต่ตอนมันโดนจับ ไม่ใช่เพื่อนตาย มันหักหลัง ซัดทอดมาที่ผม แต่ก่อนคุยกันว่า ถ้าโดนจับไม่ซัดทอด แต่ที่ไหนได้มันหลอกผม
u ตอนคิดเลิกทำยังไง?
มีแต่คนดูถูก เขาก็บอกว่าน้ำหน้าอย่างนี้หรือจะเลิกยาได้ ก็บอกเขาว่าต้องเลิกได้ เพราะติดคุกมันทรมานมากนะ เลยบอกให้ยายพาไปถ้ำกระบอก มีการเซ็นต์ยินยอม จะให้อะไรก็ต้องทำ จะถูกตีก็ต้องยอม แต่ผมไม่โดนล่ามโซ่นะ 
ตอนนั้นผมกลัว กลัวจนตัวสั่น ตอนแรกที่เข้าไปคิดว่าสวรรค์ แต่ไม่ใช่ นรกชัดๆ เลย ข้าวจะกินก็ไม่ให้กิน ให้กินดอกบัวเป็นอ่างเลย เหมือนกับยาขม วันแรกข้าวปลาไม่กิน เอาออกหมดเลย เขาเรียกว่าหักดิบ พอวันที่สอง ก็มาถามว่า กล้าเลิกหรือเปล่า ให้สาบาน แล้วให้ฝังตะกรุด.. ถามว่าตะกรุดเป็นไงบ้าง ผมไม่เคยรู้จัก เขาก็บอกว่าชุบเกลือ มะนาว ตอนฝังเอามีดกรีดฝังเอง ส่วนเขาก็ทำพิธีอะไรของเขาก็ไม่รู้ 
u ตอนสาบาน สาบานยังไง?
สาบานว่า ลูกจะไม่กลับไปนะ ถ้ากลับไปขอให้มีอันเป็นไป จะไม่ค้า ไม่ขายชาติ เขาบอกว่า ถ้าเลิกไม่ได้เขาบอกว่าต้องมีอันเป็นไป ถ้าตายนะเขาบอกว่าสภาพศพก็จะดูไม่ได้ แต่ถ้าไม่ตายก็จะพิการเหลือแต่ตัว ขาไม่มี 
ตอนไปเลิก ก็มีกันในกลุ่ม ๘ คน ยอมกรีดเอาตะกรุดฝัง ปวดแสบปวดร้อน กินแต่ดอกบัวทุกวัน จนผมอ้วน ขนาด คนเอาอาหารมาให้ เขาก็ไม่ให้กิน บอกให้เอากลับไป เพราะว่าไม่กินเด็ดขาด ต้องกินดอกบัว คือตำเหมือนกับตำยาแล้วก็มีเม็ดบัว ให้ทำอะไรก็ทำ 
u สาบานด้วยกัน ๘ คน แล้วเลิกได้ทุกคนไหม?
ตายกันหมด เพราะกลับไปได้สักระยะ ใจมันอ่อน กลับไปเล่นใหม่ เลยเป็นไปตามที่สาบานไว้ ตายไม่ดี หัวหายหาไม่เจอ มีอันเป็นไปครบทุกคน 
ตอนที่ผมรู้ข่าว ใจมันหายเหมือนว่าเรากำลังจะเป็นรายต่อไป กำลังใจมันไม่พอ ซึม.. กลัว.. อยากกลับไปหามันใหม่ เพราะเครียด แล้วยิ่งมีแต่คนดูถูกบอกผมว่า น้ำหน้าอย่างนี้มันเลิกไม่ได้ ยิ่งทำให้แทบไม่เหลือกำลังใจ แต่ผมเข้าใจนะว่า ๗ คนที่กลับไปติดใหม่เพราะไม่มีใครยอมรับมันด้วย คนรอบข้างนี้สำคัญมาก แต่โชคดีที่มาเจอยายแถวบ้าน คนหนึ่ง ซึ่งผมก็ไม่รู้จัก คือเดินผ่านแถวบ้าน ยายก็เห็นเรานั่งซึม เขาก็ถามว่าเป็นอะไร ผมก็บอกว่า ผมเพิ่งเลิกยามาใหม่ ใครๆ ก็นึกว่าผมคงเลิกไม่ได้ ยายก็บอกว่า ไปกับยายดีกว่า ไปวัดกับยาย ก็มาเจอคนที่มีบุญอย่างยายมาช่วยผม ชุบชีวิตของผมใหม่ ทำให้ผมเข้าวัดตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๑ วันอาทิตย์นะ 
u คิดอย่างไร? ถึงเข้าวัด
มาวัดแล้วรู้สึกว่าผิดกับทุกที่ที่เคยไป มันนิ่ง มันสงบ คือใจมันสงบ ผิดกับที่อื่นที่สนุกแต่ร้อนๆ คนที่นี่ก็ดี ยิ้มแย้ม ผ่องใส เหมือนเราเจออะไรมาเยอะ พอมาที่วัดมันเหมือนมาถึงที่สุดแล้ว มันหยุดได้ รู้สึกชอบ มาแล้วสบายใจ
u มาวัดเกี่ยวอะไร? กับเลิกยา
อย่างที่บอกคือมานี่แล้วใจมันสงบ มาถึงก็เห็นเขาปฏิบัติธรรมกัน เราก็ทำตามที่หลวงพ่อบอกแนะนำเราให้นั่งสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ต้องกลับไปเจอปัญหาเดิมๆ ทำให้เรารู้จักปล่อยวาง พูดง่ายๆ คือ ใจมันมีอย่างอื่นเข้ามาแทนความกลัว ความกังวลมันถูกแทนที่ เมื่อก่อนไม่มีกำลังใจ มีแต่ความไม่มั่นใจ วนเวียนในใจตลอดเวลา ว่าให้กลับไปหามันอีก
พอมาที่นี่ เหมือนอยู่อีกโลก มีแต่คำทักทายสวัสดีครับ สวัสดีค่ะ..ด่าพ่อ ด่าแม่ พูดกูมึงไม่มี รู้สึกภูมิใจ ไม่เคยเจอ แบบนี้ก็มีด้วย บรรยากาศที่นี่ มันสงบสุข.. มาแล้วรู้สึกว่าชีวิตเรามีค่า
u ได้ข่าวว่าเคยบวชสามเณรแก้ว คิดว่าบวชแล้วได้อะไรบ้าง?
บวชแล้วเหมือนเกิดใหม่ เคยคิดลึกๆ เหมือนกับว่าคนดีจริงๆ เขาต้องเป็นยังไง พอมาบวชแล้วได้คำตอบ คนดีจริงไม่ใช่แค่เข้ากับเพื่อนได้ เพื่อนยอมรับ ตอนผมอยู่ ร.ร.หรือตอนติดยา ก็เข้ากับเพื่อนได้ เพื่อนยอมรับ แต่ก็ไม่ได้เป็นคนดี พอบวชแล้วรู้คำตอบเลยว่า คนดีจริงต้องทำตามหลักของพระพุทธเจ้า คือ ทาน ศีล ภาวนา พอเราอบรมเสร็จได้หลักอย่างนี้ พอลาสิกขาออกไปแล้ว เรามีหลักแล้วทำให้เราดำเนินชีวิตได้ถูก เดี๋ยวนี้ก็ทำบุญที่วัด ถือศีล ๕ อย่างน้อย วันพิเศษหน่อยก็ถือศีล ๘ แล้วก็นั่งสมาธิทุกวันไม่ขาด โดยมียายคอยให้กำลังใจและแนะนำอยู่ตลอด
u ตอนมาวัดเป็นช่วงสื่อมวลชนโจมตีพอดี รู้สึกยังไง?
ผมว่าไม่จริง เพราะที่เห็นมันไม่ใช่ บางคนพูดว่าเป็นศิษย์ธรรมกายเหรอ ผมตอบว่า วัดพระธรรมกายชุบชีวิตให้กับผม เหมือนให้เกิดใหม่อีกชาติ ไม่งั้นผมคงเหมือนเพื่อนที่สาบานไว้ทั้ง ๗ คน ที่ตายกันไปหมดแล้ว แล้วผมกลับรู้สึกภูมิใจอีกต่างหาก ทุกวันนี้ เวลาผมขึ้นรถเมล์สาย ๕ คนเก็บตั๋วนะ เขาบอกว่าไม่เก็บล่ะ บอกว่าพูดจาน่ารักดีต่างจากเมื่อก่อน เขาถามว่าใครสอน ก็บอกว่า หลวงพ่อที่วัดพระธรรมกายสอนว่า ต้องพูดจาไพเราะ อย่าพูดโกหก พูดกูพูดมึงไม่ดี ก็พอเขาจ่ายตั๋ว ก็บอกว่าขอบคุณมากครับ เจอผู้ชายก็บอกว่าขอบคุณมากพี่ เจอผู้หญิงก็บอกว่าขอบพระคุณมากครับ ตอนที่มากับยาย กระเป๋าก็ถามว่ามากับใคร เราก็บอกว่ามากับยาย เขาก็บอกว่า หลานยายพูดเพราะนะ ไปฝึกมาจากไหน ยายก็บอกว่า ฝึกที่วัดนี้แหละ
u เข้าวัดแล้ว ยายแท้ๆ เห็นด้วยไหม?
ดีใจมากครับ ยายพูดว่า มาวัดก็ดีแล้วนะ ไปถ่ายบาปซะ อย่าเอาบาปมาไว้ติดตัว วัดไหนก็ได้ที่เอ็งชอบ เอ็งเห็นว่าดีได้ทั้งนั้น
u ผลการปฏิบัติธรรมเป็นยังไง?
ตอนนี้นั่งสมาธิสม่ำเสมอ เพราะหลวงพ่อท่านสอนธรรมะดีมากๆ ทำให้เราอยากนั่ง ตอนนี้ผมติดจนเป็นนิสัย ตอนแรกๆ ก็ไม่เห็น เลยอธิษฐานบอกหลวงพ่อ พอนั่งๆ ไปครั้งหนึ่งเคยเห็นดวงแก้ว ปกติแล้วไม่เคยเห็น พอเห็นก็ปีติ มีความสุขมากพอพี่ที่พนาวัฒน์ เขาบอกว่าธรรมะใช้ได้ เราเลยมีกำลังใจขึ้นมามาก เลยติดใจ ทีนี้ไม่ยอมละ ลุยตลอด พยายามนั่งสมาธิให้ได้มากๆ แล้วตอนนี้มาช่วยยายเป็นผู้นำรถ จัดรถชวนคนมาวัดด้วย ตัวเราต้องธรรมะดีก่อน 
u มาวัดทุกอาทิตย์เลยรึเปล่า?
มาประจำ ยายมา เราก็มา ชอบ เพราะพอมาฟังหลวงพ่อทีไร กลับไปนั่งฟิตทุกครั้งเลย 
u เปรียบเทียบความสุขที่ได้จากสมาธิกับตอนเสพยา ต่างกันอย่างไร?
ตอนยาออกฤทธิ์ มันทำให้เรา active ขยันแหลก ดูมีอะไรทำ แต่พอยาหมดฤทธิ์ ก็งัวเงีย ไม่มีแรง ทำให้อยากเสพอีก ต่างกับสมาธิมาก มันเงียบสงบ มีความสุข พอเลิกจากสมาธิ แล้วมันสดชื่น เบิกบาน ใจมันมีพลัง อยากทำแต่สิ่งดี รู้สึกว่าชีวิตไม่ต้องเป็นทาสอะไร ชีวิตมีค่าในตัวเอง แม้ไม่มีอะไรเลย ก็มีความสุขได้ เสพยาเสียแต่เงิน ทำให้คนที่รักเราน้ำตาตก แล้วเราก็ทำร้ายคนที่เรารักอย่างควบคุมมันไม่ได้ 
ความเป็นอยู่ตอนนี้ ก็อยู่บ้านกับพี่ ๒ คน แม่ไม่อยู่เพราะแม่แยกไปอยู่ที่อื่น แล้วก็มียายที่พามาวัดพระธรรมกายดูแล ตอนนี้ลุงกับยายคอยส่งให้เราเรียน และคอยหนุนหลัง การที่ผมเลิกยาได้เพราะว่า กำลังใจเป็นหนึ่งนะพี่นะ มีกำลังใจเป็นหลัก ซึ่งกำลังใจก็คือ ลุงกับยายเชื่อมั่นว่าผมต้องทำได้ ทำให้อยู่กับลุงกับยายแล้วอุ่นใจ มั่นใจ ว่าต้องเลิกได้ แล้วยิ่งเขาพาเรามาวัดกำลังใจยิ่งท่วมท้น 
u วางแผนอนาคตอย่างไร?
อนาคตของผม ต้องตอบแทนบุญคุณยายกับลุง แท้จริงผมอยากเรียกเขาว่าพ่อกับแม่เลย แต่ไม่กล้าเรียก แล้วคิดว่า อยากบวชตอบแทนคุณยายท่าน
u คิดว่าวัดพระธรรมกายให้อะไรกับสังคม?
ให้ซิพี่ แบบผมนี่ไง เหมือนเกิดใหม่ ให้ชีวิตผมทั้งชีวิต ตอนนี้ใจผมสงบมาก มุ่งเรียนให้จบเร็วๆ ไม่กลับไปหายาอีก 
u อยากฝากอะไรไว้ไหม? 
ถ้าไม่อยากให้ลูกติดยานะ เสาร์-อาทิตย์ พาลูกไปวัดดีกว่า วัดไหนก็ได้ ที่เห็นว่าดี เด็กจะได้ซึมซับ จิตใจสงบ แต่ถ้าอยากให้ผมแนะนำ อยากให้มาวัดพระธรรมกาย อย่าไปเชื่อข่าว ต้องมาดูด้วยตา..

พล ไม่ใช่คนน่ากลัวหรือน่ารังเกลียดอย่างที่คิด จากที่ผมสัมผัสได้ เขาซื่อ และอ่อนโยน.. จนทำให้ผมรู้สึกว่ายังมีเยาวชนไทยอีกจำนวนมาก ที่เป็นแบบเขา.. 
ความซื่อบริสุทธิ์ของเขา บางคนอาจคิดว่า สิ่งนี้อาจเป็นดาบสองคมต่อตัวเด็กเอง ถ้าเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี มาเจอสภาพอย่างพลในตอนแรก ก็อาจมีชีวิตที่ไร้อนาคตไปเลยก็ได้ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเขามีต้นแบบที่ดี ทำสภาพสังคม สภาพแวดล้อมให้ดี เขาก็จะได้ดีไปเลย.. 
ดังนั้น เราต้องร่วมสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับเขา โดยการเป็นต้นแบบ และลงมือทำดี ด้วยตัวคุณเองก่อน ตามหลักที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ คือ ทาน ศีล ภาวนา และพาลูกหลาน คนในครอบครัวเข้าวัดปฏิบัติธรรม ให้เขาซึมซับสิ่งดีๆ ให้เขาเห็น และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีตั้งแต่เล็ก ซึ่งถ้าเราทำได้อย่างนี้ ก็เท่ากับเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาเยาวชนของชาติ อย่างที่ได้ผลเช่นเดียวกับรายของพลมาแล้ว

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล