ฉบับที่ 95 กันยายน ปี2553

อุบาสก - อุบาสิกาแก้ว แดนพุทธภูมิ...

บทความพิเศษ

เรื่อง : ประวีร์

 



 

อุบาสก - อุบาสิกาแก้ว

แดนพุทธภูมิ...

นักสร้างอนาคตจากวิถีพุทธที่สูญหาย

(อีกไม่ช้านาน ความทรงจำในประวัติศาสตร์
กำลังจะกลับมา เมื่อชาวพุทธอินเดียจะสร้างอดีตขึ้นมาใหม่
จากความรู้และแรงศรัทธาต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)

          การมาถึงของโครงการใหญ่เพื่อส่งต่อ คำสอนดั้งเดิมสู่อ้อมอกแผ่นดินแม่ ได้ช่วยให้ชาวพุทธอินเดียจำนวนน้อยนิด มีฐานรากในการสร้างพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองดังอดีตได้อีกครั้ง

          งานดังกล่าวเป็นที่รู้จักในชื่อโครงการ บวชอุบาสก อุบาสิกาแก้ว ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกใน ๒ เมืองของอินเดีย ตั้งแต่วันที่ ๑๙-๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ แม้ตอนแรกจะวางแผนให้แยกการอบรมอุบาสกแก้วที่เมืองมุมไบและอุบาสิกาแก้วที่เมืองกัลยัน แต่ก็ไม่สามารถทานความสนใจของชาวพุทธอินเดีย จนในที่สุดจึงมีทั้งเทพบุตร เทพธิดาเรียนรู้ร่วมกันไปทั้ง ๒ เมือง นี่คือ ระฆังแรกที่บ่งบอกความกระตือรือร้นของ คนเหล่านี้

          โซภา กัสเวียร์ ดูเผิน ๆ คือ ผู้เข้าอบรมคนหนึ่ง เพียงแต่เธอมาทั้ง ๆ ที่ไม่สมบูรณ์พร้อมเหมือนคนอื่น ฉันมีปัญหากับขา หัวเข่าเจ็บ เป็นเบาหวาน ถ้าลืมกินยาไปวันหนึ่ง อาจจะล้มที่ไหนก็ได้ เธอช่างมีใจเด็ดเดี่ยว แม้คนข้างหลังไม่เห็นด้วย อย่างไรดิฉันก็ยืนยันว่าจะมา ถ้าลมขึ้นแล้วดิฉันเป็นอะไรไป ก็แค่มาแบกศพฉันกลับบ้านเท่านั้นเอง เป็นเสียงหนึ่งของผู้รอคอยคำสอน ดั้งเดิมมาทั้งชีวิต

 




 

(กำแพงอันแข็งแกร่งยังก่อร่างจากอิฐแต่ละก้อนที่เรียงตัวกันเป็นระเบียบฉันใด

พระศาสนาจะเข้มแข็ง ย่อมเกิดจากพุทธบริษัท ๔ ผู้เป็น ๔ เสาหลักแห่งพุทธศาสนาฉันนั้น)

          แม้ที่นี่จะเป็นพุทธภูมิ แต่ต้องไม่ลืมว่า พุทธภูมิเวลานี้ไม่เหมือนครั้งพุทธกาล นับจากวันที่ ดร.อัมเบดการ์นำชาวอินเดียกว่า ๕๐๐,๐๐๐ คน ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ก็ยังไม่มีการเรียนรู้คำสอนและวัฒนธรรมชาวพุทธอย่างลึกซึ้ง มีเพียงภาพพระพุทธเจ้าที่มีอยู่ ทุกฝาบ้าน กับการสวดมนต์บูชาเพื่อบ่งบอกความ ภาคภูมิใจที่ได้เกิดเป็นชาวพุทธ ถึงวันนี้ ทุกคนต่างรอคอยอย่างใจจดจ่อและแสดงอาการดีใจ โดยไม่ปิดบังเมื่อทราบว่า พระภิกษุจากแดนไทยจะเดินทางไปถึงชุมชนชาวพุทธของพวกเขา

 


 

   ขณะที่พวกเขาไม่รู้ว่า วิธีปฏิบัติอันแท้จริงคือ อะไร แต่บุคคลที่รู้ คือ คุณครูไม่ใหญ่ และ การมาถึงของพระอาจารย์ก็เกิดขึ้นด้วยความเมตตาของท่าน ที่พร้อมสนับสนุนเต็มที่เพื่อให้พระพุทธศาสนามีแรงยืนหยัดในแดนพุทธภูมิอีกครั้ง ด้วยความร่วมมืออย่างดีของคุณกัลปนา สาโรช ชาวอินเดีย ผู้มองเห็นความสำเร็จในกิจกรรมเผยแผ่ของวัดพระธรรมกาย เธอกำลังเป็นแม่งาน ในงานที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

       ตอนที่หลวงพ่อท่านมอบหมายให้ดิฉันจัดงานนี้ ตอนนั้นมีคำถามกับตัวเองว่าจะทำสำเร็จได้อย่างไร เพราะงานนี้ต้องจัดถึง ๗ วัน และดิฉันเป็นนักธุรกิจด้วย มีหน้าที่การงานต้อง รับผิดชอบอยู่ จึงต้องแบ่งเวลาดูแลทั้ง ๒ ที่ ในตอนแรกที่ไปชวนคนมาอบรม ก็คิดว่าจะชวนสำเร็จไหม คิดไปถึงแม่บ้านที่ต้องตื่นเช้ามากขึ้น ต้องรีบทำอาหาร ทำงานบ้าน ส่งลูกไปโรงเรียน ทำให้คิดว่าพวกเขายังจะมาอบรมกันไหม ในเมื่อไม่มีใครเคยเห็นงานลักษณะนี้ในอินเดีย จึงไม่แปลกที่เสียงรำพึงของคุณกัลปนาจะเป็นเช่นนั้น

         การอบรมจัดในลักษณะไป-กลับ ไม่มีค้างคืน แต่เมื่อทุกอย่างเริ่มขึ้น กลับปรากฏว่า ชาวพุทธอินเดียตั้งใจกับงานนี้มากเข้าขั้นพิเศษ หลายคนอยู่ไกลกว่า ๘๐๐ กิโลเมตร ก็ไม่ใช่ปัญหา บางคนตาบอดยังชวนคนตาดีบวชได้ถึง ๕ คน ทำให้มีผู้เข้าร่วมวันละไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ คน เพื่อสัมผัสวัฒนธรรมชาวพุทธแบบเต็มขั้น ตั้งแต่ การกราบ การไหว้ การสวดมนต์ รวมไปถึง การทำความสะอาดและขัดวิมาน แม้เพิ่งเริ่มต้นพวกเขาก็ทำได้อย่างน่าทึ่ง แต่สิ่งที่ต้องทึ่งยิ่งกว่าคือ มาเป็นร้อย ๆ ก็ทำได้พร้อมเพรียงเป็นร้อย ๆ และกำลังยอมรับสิ่งเหล่านี้ไว้ในวิถีชีวิตของพวกเขา

         กำแพงอันแข็งแกร่งยังก่อร่างจากอิฐแต่ละก้อนที่เรียงตัวกันเป็นระเบียบฉันใด พระศาสนาจะเข้มแข็งย่อมเกิดจากมนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างเราที่ช่วยกันปฏิบัติกิจได้พร้อมเพรียงและ เป็นหนึ่งฉันนั้น นี่คือพลังหมู่ แม้จะไม่มีความหมายในพจนานุกรม แต่มีความหมายต่อพระศาสนา

 





 

        ทั้งหมดเป็นหลักประพฤติที่คงอยู่เพื่อควบคู่กับหลักธรรม...อันเป็นแก่นสารของการ เดินทางมาครั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่า ชาวพุทธอินเดียกำลังอยู่ในช่วงปฏิรูปชีวิตครั้งใหม่ เพราะสิ่งที่ ฟังจากพระอาจารย์ ทั้งการทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ ล้วนไม่เคยรู้อย่างลึกซึ้งมาก่อน โดยที่ผ่านมาพวกเขาจึงปฏิบัติอย่างผิวเผิน แต่ขณะนี้ มีชาวพุทธอินเดียปวารณาถือศีล ๘ ตลอดพรรษา

 




 

           หลังจากพระอาจารย์นำทางถึงจุดสำคัญ คือ การสอนสมาธิเพื่อเข้าถึงพระธรรมกาย แม้พวกเขาเพิ่งทำความรู้จักกับวิธีการเหล่านี้ แต่การหัดทำสมาธิให้เหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายกลับได้ผลลัพธ์ ที่น่าพอใจ บีนา อิสวา จันดระ สุวอร์กา เล่าผลพิสูจน์ที่ได้จากตัวเองว่า เป็นครั้งแรกที่ดิฉันนั่งสมาธิด้วยวิธีเข้าถึงพระธรรมกาย แต่กลับ ได้ผลดีมาก ๆ ค่ะ และจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต เพราะนั่งแล้วสบาย จนไม่อยากออกจากสมาธิเลย ดิฉันมีความรู้สึกว่า ภายในร่างกาย มีบางอย่างอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ ก็ได้เห็นดวงจันทร์เต็มดวง ดิฉัน คิดว่านี่เป็นอีกโลกหนึ่งที่มีความสุขมาก ๆ ทำให้ตัวเองลืมปัญหา ลืมความทุกข์ อยู่ในอารมณ์สุขตลอดเวลา ความสุขที่ปรากฏขึ้นทำให้เธอบอกตัวเองได้แล้วว่า พระพุทธศาสนาที่เฝ้าหวงแหนมาตลอดนั้น ดีเพียงใด แถมให้เราคิดต่อไปได้ว่า วันหลังถ้าอยากลืมทุกข์อย่างเธอ ไม่ต้องไปกินเหล้า แต่ให้เข้าสมาธิ

         โครงการนี้ ไม่ต่างจากงานรวมรุ่นของหนุ่มสาว ที่ต่างเพศ หลากวัยแต่วางใจไว้ที่เดียวกัน ซึ่งสมาธิกำลังมอบความสุขให้ทุกคนอย่างเสมอภาค ขอเพียงแค่ยอมทำ ดิฉันนั่งสมาธิได้ดีมากเลยค่ะ ทีแรกนั่งขัดสมาธิแล้วเจ็บมาก แต่ก็ ไม่ใช้เก้าอี้เลย พยายามจะนั่ง จนตอนนี้รู้สึกดี สบาย เหมือนมีพลังพิเศษที่ทำให้ชีวิตสดชื่น มาก ๆ อยากนั่งสมาธิต่อ อยากให้โครงการมีต่ออีกสัก ๑๐ วัน ทรูปาตี กรักกาเรอะ ในวัย ๖๕ ปี คือ ผู้ที่ต้องออกมาร้องสุขด้วยอีกคน

 



 

         ตราบใดที่ใจของมนุษย์ยังคงเป็นที่เก็บ ทั้งของหอมจากบุญและของเหม็นจากบาป มนุษย์ก็ยังต้องหันมามองใจตัวเองทุกวันเพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดไว้ในใจ ชาวพุทธอินเดียกำลังตระหนักดีถึง สิ่งเหล่านี้ และในเมื่อเป็นการพบประสบการณ์ด้วยตัวเองมิใช่อ่านและจำ ฝึกวิถีพุทธด้วยตนเองมิได้มาจากจินตนาการในหนังเรื่องใด สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้ จึงเป็นพลังเผยแผ่ที่จะกินใจเพื่อนร่วมชาติอีกนับพันล้านคน เพื่อนำไปสู่การค้นพบความสุขที่หายไป

          พวกเราได้ศึกษาพุทธศาสนาอย่างแท้จริงแล้ว เรียกว่าเป็นชาวพุทธที่แท้จริงแล้ว เด็กหญิงชายในวัยน่ารัก พยายามประสานสำทับก่อนจะได้กลับบ้าน ซึ่งอาจเป็นข้อสรุปที่ดีที่สุด ของการอบรมครั้งนี้

           ภายใต้เรื่องราวของสมาธิ หลักธรรม และวัฒนธรรมชาวพุทธ ยังมีความจริงอีกมาก รอการพิสูจน์จากนักปฏิบัติทั่วโลก ถือเป็นอีกครั้ง ที่เราได้เห็นประสบการณ์ของคนใจถึง ที่กล้า พาตัวเองมาพบเจอ เรียนรู้ และนำไปสู่การค้นพบความสุขบนทางที่เลือกเอง นี่จะเป็นแบบอย่างให้อีกหลายเชื้อชาติเกิดความรู้สึกว่า ศาสนาจะไม่โรยรา ถ้าการปฏิบัติไม่โรยแรง และจะเกิดกำลังใจฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ว่าผล จะเป็นอย่างไร ที่รู้ ๆ ขณะนี้ ก็คือ คนอินเดีย อีกมากในยุคหลังพุทธกาลกว่า ๒,๐๐๐ ปี กำลัง จะพบเรื่องราวแห่งความสุขดุจเดียวกัน ผ่านการทำหน้าที่ของอุบาสก - อุบาสิกาแก้วจบใหม่เหล่านี้

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล