ฉบับที่ ๑๓๘ เดือนเมษายน ๒๕๕๗

ชีวิตดีเพราะมีล็อกเกตคุณยาย

 

อานุภาพคุณยาย
เรื่อง : กองบรรณาธิการ

 

ชีวิตดีเพราะมีล็อกเกตคุณยาย

 

 

ล็อกเกตคุณยายของคุณเบญจา เลาหะกาญจนศิริ

คุณเบญจา เลาหะกาญจนศิริ

 

    คุณเบญจา เลาหะกาญจนศิริ อาชีพนักธุรกิจ เป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรี ก่อนเข้าวัดพระธรรมกาย คุณเบญจามีร้านขายทอง แต่ทำไปทำมากลับจนลงเรื่อย ๆ แถมมีหนี้สินอีกกว่า ๑๐ ล้านบาท ตอนนั้นเธอทั้งทุกข์ทั้งเครียดจนอยากหนีไปบวชชี 


    ในช่วงที่คิดว่าจะบวชชีนี้เอง เธอฝันว่า มีแม่ชีท่านหนึ่งมาหา แล้วพูดว่า “มาทางนี้สิหนู” จากนั้นไม่นานก็มีกัลยาณมิตรมาชวนเธอเข้าวัดพระธรรมกาย พอไปถึงวัดพระธรรมกาย เธอก็ประหลาดใจที่เห็นรูปคุณยายในวัด เพราะคุณยายที่อยู่ในรูปก็คือแม่ชีที่ไปเข้าฝันตามเธอไปวัดนั่นเอง เมื่อเห็นแบบนี้เธอก็เกิดความศรัทธาเชื่อมั่นในวัดพระธรรมกายโดยไม่มีข้อกังขาใด ๆ เลย แม้ในช่วงที่เธอเข้าวัดใหม่ ๆ ราว ๆ ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ - ๒๕๔๑ เป็นช่วงที่วัดโดนโจมตีอย่างหนักก็ตาม เธอกลับรู้สึกดีที่ได้เข้าวัดช่วงนั้น เพราะทำให้เธอได้ทำบุญหล่อรูปเหมือนคุณยายด้วยทองคำองค์แรก ซึ่งเธอได้ทำอย่างเต็มกำลัง โดยนำทองที่ร้านไปหล่อ และชวนญาติพี่น้องทำไปหลายบาททอง 

 

ล็อกเกตของข้าพเจ้าไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใดทุกมุมโลก ข้าพเจ้าขอเติม  ความศักดิ์สิทธิ์ให้มีฤทธิ์มีเดช คุ้มครองป้องกันภัยให้ลูกหลานให้มีความสวัสดีมีชัยยิ่ง ๆ ขึ้นไป มีสมบัติมหาสมบัติเอาไว้กินไว้ใช้ไว้ทำบุญทำทานไม่รู้จักหมดสิ้น


    จากนั้นเธอก็เอาล็อกเกตคุณยายที่เจ้าหน้าที่วัดมอบให้มาใส่กรอบห้อยคอมาตลอดเป็นเวลาถึง ๑๗ ปีแล้ว นับตั้งแต่ห้อยล็อกเกตคุณยาย เธอก็สัมผัสได้ว่า คุณยายตามคุ้มครองดูแลเธอตลอดเวลา ที่เธอกล้ายืนยันอย่างนี้ก็เพราะว่า ขนาดเธอไปทำมาหากินไกลถึงอเมริกา คุณยายก็ยังตามไปดูแล 


    ครั้งหนึ่งเธออยากเป็นประธานกองทำบุญที่ศูนย์เวอร์จิเนีย ซึ่งต้องใช้เงิน ๑,๕๐๐ เหรียญ แต่เธอมีเงินในบัญชีแค่ ๗๐๐ เหรียญเท่านั้น เธอจึงอธิษฐานขอกับล็อกเกตคุณยายว่า “ลูกอยากทำบุญครั้งนี้จริง ๆ ขอให้ลูกมีเงินครบ ๑,๕๐๐ เหรียญ เป็นอัศจรรย์นะคะคุณยาย” 


    หลังจากอธิษฐานได้ไม่นาน เธอก็พบสิ่งที่ไม่คาดฝัน คือ อยู่ ๆ ก็มีเงินในบัญชีเพิ่มขึ้นมาอีก ๘๐๐ เหรียญ จนครบ ๑,๕๐๐ เหรียญ ตามที่ตั้งใจจะทำบุญ จนปัจจุบันนี้เธอก็ยังไม่รู้เลยว่าเงินนี้มาจากไหน ใครโอนมา และที่เหลือเชื่อไปกว่านั้นก็คือ หลังจากที่ทำบุญไปไม่นาน เธอก็อธิษฐานขอกับล็อกเกตคุณยายอีกว่า “ให้ลูกเคลียร์ปัญหาหนี้สินที่เมืองไทยได้สักทีนะคะ” 


    จนกระทั่งวันหนึ่งเธอฝันว่า คุณยายไปเยี่ยมเธอที่ศูนย์เวอร์จิเนีย ในฝันเธอดีใจมาก รู้สึกว่าคุณยายไม่ทอดทิ้งลูกหลานที่อยู่ไกลถึงต่างประเทศ และรู้สึกอบอุ่นมากเพราะคุณยายยอมให้เธอนอนหนุนตัก แล้วท่านก็เมตตาลูบศีรษะและบอกว่า “กลับมาอยู่เมืองไทยได้แล้ว” 


    พอตื่นขึ้นมาเธอก็อดประหลาดใจกับเรื่องที่เธอฝันไม่ได้ แต่ก็ยอมทำตามที่คุณยายบอก คือ กลับมาเมืองไทย เมื่อเธอกลับมาก็พบกับจุดเปลี่ยนของชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะอยู่ ๆ ที่ดินที่เธอประกาศขายมานานเป็นเวลาสิบปีเกิดขายได้ขึ้นมา จนเธอมีเงินเคลียร์หนี้สิน      กับธนาคารที่เคยค้างไว้กว่าสิบล้านบาทได้ทั้งหมด แถมมีเงินเหลือทำกิจการบ้านจัดสรรด้วย 


    จากเหตุการณ์ที่เธอได้พบ ทำให้เธอรู้สึกว่าคุณยายมีบุญคุณกับเธอมากเหลือเกิน            เริ่มจากตามเธอเข้าวัด ทำให้เธอได้เป็นต้นบุญตามญาติพี่น้องเข้าวัด และที่ปลื้มมากที่สุดก็คือ การพาหลานชายมาบวชถวายให้เป็นลูกหลวงพ่อได้ ๙ พรรษาแล้ว และที่สำคัญตั้งแต่เธอห้อยล็อกเกตคุณยาย ก็เหมือนมีคุณยายคอยตามดูแลเธอตลอดเวลาจริง ๆ จนตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่า ทำไมคุณยายท่านถึงเน้นย้ำกับลูกหลานว่า “เวลาไปไหนให้เอาล็อกเกตยายติดตัวไปด้วย” เพราะท่านจะได้ตามคุ้มครองดูแลลูกหลานของท่าน

 


ล็อกเกตชุดสุดท้ายสำหรับผู้มีบุญ


    ล็อกเกตคุณยายรุ่นแรกผลิตในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ ตอนที่คุณยายเป็นประธานกฐินครั้งแรก ขณะที่ท่านอายุครบ ๘๐ ปี โดยมีพระครูปลัดวันชัย สีลวัณโณ เป็นผู้ประสานงานการผลิตตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นสุดท้าย ซึ่งเป็นชุดที่ใช้มอบเป็นของที่ระลึกในงานสลายร่างคุณยาย และนับจากนั้นก็ไม่ได้ผลิตอีกเลย เพราะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและพระครูปลัดสีลวัณโณก็เริ่มอาพาธแล้ว  


    สมัยก่อนพระครูปลัดสีลวัณโณต้องไปควบคุมการผลิตเองแทบทุกวัน เพราะการทำล็อกเกตมีหลายขั้นตอน เช่น ต้องเข้าเตาเผา ต้องทำวันที่มีแดด เพราะต้องเอามาตากแดด แล้วถ้าทำในปริมาณมาก ๆ เตาก็ระเบิด ซึ่งในช่วงนั้นก็ระเบิดไปหลายเตา จนต้องอธิษฐานขอบารมีคุณยายเพื่อให้งานเสร็จทันเวลา ถึงจะทำต่อได้ 

 

 

    เนื่องจากการผลิตล็อกเกตเป็นงานฝีมือที่ทำยาก ต้องใช้ช่างฝีมือทำทุกขั้นตอน และ         ไม่ค่อยมีใครรับทำในปริมาณมาก ๆ เพราะแต่ละชิ้นต้องใช้ความพิถีพิถันและความประณีตสูง      ที่สำคัญตอนนี้พระครูปลัดวันชัย สีลวัณโณ ซึ่งเป็นผู้ประสานงานการผลิต ท่านมรณภาพไปแล้ว วัดพระธรรมกายจึงไม่ได้ผลิตล็อกเกตอีกเลย


    อย่างไรก็ตามสำหรับลูกหลานคุณยายที่อยากได้ล็อกเกต ขณะนี้ยังมีล็อกเกตชุดสุดท้ายของคุณยายเหลืออยู่ แต่มีจำนวนจำกัด ล็อกเกตนี้จะมอบให้ผู้ที่ร่วมบุญหล่อรูปเหมือนคุณยายด้วยทองคำเอาไว้พกติดตัว เพื่อเป็นเครื่องตรึกระลึกนึกถึงบุญจากการหล่อรูปเหมือนคุณยายด้วยทองคำ ล็อกเกตชุดนี้เป็นชุดเดียวกับที่มอบเป็นของที่ระลึกให้เจ้าภาพในงาน       สลายร่างคุณยายเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๕ และเป็นล็อกเกตชุดสุดท้ายของคุณยายจริง ๆ 

 


เอายายไปอยู่ด้วยนะ


    ในสมัยที่คุณยายยังมีชีวิตอยู่ ท่านให้ความสำคัญกับล็อกเกตมาก ตอนที่ท่านรับแขกที่ครัวยามา ท่านเป็นผู้มอบล็อกเกตให้เจ้าของบุญด้วยมือของท่านเอง ขณะมอบท่านจะพูดว่า “เอายายไปอยู่ด้วยนะ” และท่านมักพูดกับคนใกล้ชิดด้วยความรักและห่วงใยว่า “เวลาจะ  เดินทางไปไหนมาไหนให้เอายายติดไปด้วย ยายอธิษฐานทุกวันว่า ล็อกเกตของข้าพเจ้า     ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใดทุกมุมโลก ข้าพเจ้าขอเติมความศักดิ์สิทธิ์ให้มีฤทธิ์มีเดช คุ้มครองป้องกันภัยให้ลูกหลาน ให้มีความสวัสดีมีชัยยิ่ง ๆ ขึ้นไป มีสมบัติมหาสมบัติเอาไว้กินไว้ใช้ ไว้ทำบุญทำทานไม่รู้จักหมดสิ้น”


    เมื่อใครได้รับล็อกเกตคุณยายแล้ว หากทำถูกหลักวิชชา คือนำล็อกเกตมาไว้ที่ศูนย์กลางกาย และอธิษฐานขอบารมีคุณยาย ก็จะสมปรารถนา ดังที่มีผู้เจอเรื่องราวอันมหัศจรรย์กันมากมาย รวมทั้งคุณเบญจาซึ่งเป็นหนึ่งในพยานบุคคลที่ขอยืนยันว่า ตั้งแต่เธอห้อยล็อกเกตคุณยายมา ๑๗ ปี และตามระลึกนึกถึงท่านเสมอ ท่านไม่เคยทอดทิ้งเธอเลย แม้เธอไปอยู่ไกลถึงต่างประเทศ ท่านก็ตามไปคุ้มครองช่วยเหลือ แม้ท่านละสังขารไปแล้ว ก็ยังตามดูแลเธอ จนเธอหมดหนี้      หมดสิน เหลือกินเหลือใช้ ตามที่ท่านเคยอธิษฐานไว้จริง ๆ 

 


สุขในฌานเมื่ออยู่กับคุณยาย


    สำหรับลูกหลานคุณยาย นอกจากจะได้ร่วมหล่อรูปเหมือนคุณยายด้วยทองคำ ซึ่งจะได้รับล็อกเกตอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณยายไปอยู่ด้วยแล้ว ยังสามารถร่วมจารึกชื่อ-สกุลของเราและหมู่ญาติลงบน “แผ่นทองอยู่กับยาย” ที่จะนำไปประดิษฐานในแผ่นฌาน (ฐานของรูปหล่อทองคำของคุณยาย) ซึ่งเปรียบประดุจรัตนบัลลังก์ของท่านได้อีกด้วย


    การที่ชื่อ-สกุลของเราและหมู่ญาติได้เข้าไปอยู่ในแผ่นฌานของคุณยาย จะทำให้เรามี
สายบุญเชื่อมกับท่าน ท่านไปไหนก็จะเอาเราไปด้วย และจะคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุขในฌาน
ของท่านตลอดไป ซึ่งสุขในฌานนั้นพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) เคยกล่าวไว้ว่า เป็นสุขนักหนา อะไรจะไปสู้ ดังที่ปรากฏในพระธรรมเทศนาของท่าน (มรดกธรรม กัณฑ์ที่ ๑๓ หน้า ๑๗๑) ว่า 

 

 

“สุขในฌานอะไรจะไปสู้ ในภพนี่ไม่มีสุขเท่าถึงดอก สุขในฌานนะ 
สุขลืมสมบัตินั่นแหละ สมบัติกษัตริย์ก็ไม่อยากได้ 
สุขในฌานนะ สุขนักหนาทีเดียว” 

 

 

    เรียนเชิญลูกหลานคุณยาย ร่วมพิธีถวายปัจจัยไทยธรรมพระสังฆาธิการกว่า ๓๐,๐๐๐ วัด และพิธีหล่อรูปเหมือนคุณยายอาจารย์ฯ ในวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี..

 

 

 

 

 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล