ฉบับที่ 37 พฤศจิกายน ปี 2548

สถาปนาพุทธอุทยานนานาชาติ สืบสานตำนานบั้งไฟพญานาค

 

โดย อุบลเขียว

 

             แม่น้ำโขง มีต้นกำเนิดจากประเทศทิเบต ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน มีความยาว ๔,๔๒๕ กิโลเมตร ยาวเป็นอันดับ ๓ ของโลก รองจากแม่น้ำอะเมซอน และแม่น้ำแชร์ ไหลผ่าน ประเทศจีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม

            สองฟากฝั่งลุ่มแม่น้ำโขงเป็นถิ่นอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอารยธรรมรุ่งเรืองมานานนับพันปี ได้โยงใยไปสู่การเกิดประเพณี วัฒนธรรม และพิธีกรรมความเชื่อต่างๆ ตลอดจนการเกิดปรากฏการณ์ ลูกไฟอัศจรรย์กลางลำน้ำโขง ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ซึ่งเป็นวันออกพรรษาของทุกปี และมีความเชื่อมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาลว่า ดวงไฟงดงามเหล่านี้ คือ              การถวายประทีปเป็นพุทธบูชาของพญานาค

             ถึงแม้จะมีผู้แสดงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ว่าเป็นการรวมตัวของแก๊ส และอาศัยปัจจัยอื่นเสริม แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้เชื่อถือ เพราะพบเห็นกันเป็นปกติ สืบต่อกันมายาวนานหลายชั่วอายุคน และนี่คือสิ่งเร้นลับในลำน้ำสายนี้ ท้าทายให้ผู้คนมาพิสูจน์ต่อไป ตราบกระทั่งถึงปัจจุบัน

            ซึ่งช่วงเทศกาลวันออกพรรษาประจำปีนี้ ชาวพุทธต่างร่วมบำเพ็ญบุญใหญ่เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา

พิธีตักบาตรบนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว

             บรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำโขง ในเช้าวันอังคารที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๘ งดงามด้วยสายหมอกสีขาวปกคลุมไปทั่วเวิ้งน้ำ มองเห็นเป็นทางยาวสุดสายตา ให้ความรู้สึกชุ่มเย็นไปทั่วอาณาบริเวณ ผสานดวงใจศรัทธา ของสาธุชนหลายหมื่น ในพิธีตักบาตรช่วงเทศกาลวันออกพรรษา สาธุชนนั่งเรียงรายเป็นระยะทางกว่า ๑.๒ กิโลเมตร ทำให้สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งนี้ เปรียบดังสะพานเชื่อมใจพี่น้องสองฝั่งเข้าไว้ด้วยกัน โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ภาษา และเผ่าพันธุ์

            จังหวัดหนองคาย ร่วมกับ กระทรวงแรงงาน ได้จัดให้มีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน นับพันรูป และปล่อยนกสันติภาพจำนวน ๒๒ ตัว ณ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ในช่วงเทศกาลวันออกพรรษา พิธีในช่วงเช้า เริ่มตั้งแต่เวลา ๖.๓๐ น. ประธานจัดงาน คือ นายสุพจน์ เลาวัณศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวรายงาน จากนั้นประธานในพิธี คือ คุณหญิงอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวเปิดงาน และทำการปล่อยนกสันติภาพจำนวน ๒๒ ตัว

            ในครั้งนี้ได้รับความเมตตาจาก พระเดชพระคุณพระเทพมงคลรังษี เจ้าคณะจังหวัดหนองคาย เป็นประธานสงฆ์ พร้อมด้วยคณะพระภิกษุสงฆ์ จากวัดทั่วจังหวัดหนองคาย เดินทางมาเป็นเนื้อนาบุญให้กับญาติโยม

             เมื่อถึงเวลาอุดมมงคล คณะสงฆ์นับพันรูปแปรแถวรับบาตรสาธุชน พี่น้องชาวลาวที่มาร่วมตักบาตรในวันนี้ ต่างยิ้มแย้มแจ่มใสในชุดประจำชาติ เกล้ามวย นุ่งผ้าซิ่น เฉวียงบ่าด้วยผ้าทออันงดงาม บรรจงใส่บาตรด้วยความเคารพเลื่อมใสใน พระรัตนตรัยอย่างสูงยิ่ง เช่นเดียวกับพี่น้องชาวไทย ที่ต่างน้อมนำข้าวปลาอาหารที่จัดเตรียมมาอย่างประณีต ใส่บาตรพระด้วยใจที่ชุ่มชื่นเบิกบานในบุญ

             เส้นทางคณะสงฆ์ นำด้วยขบวนรถบุพชาติอัญเชิญ พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร เพื่อระลึกถึงวันนี้เมื่อกว่าสองพันห้าร้อยปีที่แล้ว ครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงเปิดภพ ๓ ให้ทั้งมนุษย์ เทวดา และสัตว์นรก ได้มองเห็นซึ่งกัน และกัน พุทธานุภาพอันน่าอัศจรรย์นี้ ก่อให้เกิดสัมมาทิฏฐิไปทั่วชมพูทวีป

            หลังจากเสร็จสิ้นพิธีตักบาตร เหล่าสาธุชนเดินทางไปยัง พื้นที่สถาปนาพุทธอุทยานนานาชาติ ซึ่งตั้งอยู่กิโลเมตรที่ ๖๒ ณ อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ประชาชนเดินทางมาจากทั่วสารทิศ ส่งผลให้ถนนมิตรภาพสายอุดรธานี-หนองคาย คลาคล่ำไปด้วยรถราเต็มท้องถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่ออำนวยความสะดวก ในการเดินทางให้กับผู้ที่สัญจรไปมา

พิธีสถาปนาพุทธอุทยานนานาชาติ

             ความเป็นมาของบุญสถานสำคัญแห่งนี้ เนื่องจากมติที่ประชุมพุทธนานาชาติ ในวันวิสาขบูชา ๒๕๔๘ ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับการเสนอให้เป็น "ศูนย์กลางพุทธศาสนาแห่งโลก" นั่นย่อมหมายความว่า นับแต่นี้เป็นต้นไป ประเทศไทยของเราจะต้องมีบทบาท และกิจกรรมเพื่อแสดง ความเป็นผู้นำทางด้าน พระพุทธศาสนาในระดับนานาชาติมากขึ้น

            แต่ในขณะเดียวกัน พบว่ายังขาดแคลนความพร้อมทั้งในส่วนของสถานที่ และบุคลากรอยู่อีกมาก จนกระทั่ง โครงการพุทธอุทยานนานาชาติ ได้บังเกิดขึ้นทันเวลา เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจ และเป็นแหล่งปลูกฝังศีลธรรม ของชาวพุทธทั่วโลก ซึ่งสามารถรองรับมหาชน ได้เป็นเรือนแสน จึงนับเป็นนิมิตหมายอันดี ของการสถาปนาสันติสุขแห่งธรรม ให้สถิตมั่นคงบนผืนแผ่นดินไทย

 

             เริ่มตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ น. ท่านประธานในพิธี คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ปี 2548 กล่าวเปิดงาน และมอบใบประกาศเกียรติคุณ ให้กับหน่วยงาน และองค์กรที่สนับสนุนโครงการ

             จากนั้นท่านประธานสงฆ์ คือ พระเดชพระคุณพระเทพมงคลรังษี เจ้าคณะจังหวัดหนองคาย นำนั่งสมาธิ กลั่นแผ่นดิน เพื่อให้ทุกอณูของพื้นที่แห่งนี้ เป็นบุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์ ที่พร้อมจะเป็นทางมาแห่งมหากุศล ของชาวพุทธจากทั่วทุกมุมโลก

             พื้นที่บริเวณปลูกต้นสนสงบนิ่ง เมื่อเหล่าผู้มีบุญหลับตาเจริญภาวนา นึกน้อมนำต้นสนมหามงคล มากลั่นให้ใส ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ทุกรายละเอียดปรากฏเกิดขึ้นอย่างเด่นชัด ต้นสนประดิพัทธ์ ต้นเล็กๆ ที่ลำต้นเรียวบาง กำลังถูกปลูกสร้างเพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา รับรู้ได้ถึงกระแสใจที่แผ่ขยาย เบิกบานด้วยความปีติ

             จากนั้น ผู้แทนสาธุชน คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ปี 2548  กล่าวคำทอดผ้าป่าต้นสนแด่ท่านประธานสงฆ์ ประธานในพิธี คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ปี 2548 ปลูกต้นศรีมหาโพธิ์ และ ฯพณฯ คุณหญิงอุไรวรรณ เทียนทอง ปลูกต้นไทร และผู้มีเกียรติพร้อมด้วยเหล่าสาธุชน ร่วมปลูกต้นสนโดยพร้อมเพรียงกัน

           เปลวแดดยามบ่ายที่ร้อนอบอ้าว ยังต้องยอมแพ้ต่อดวงบุญที่ชุ่มเย็นใสสว่าง ของพวกเราทุกคน ต่างพกพาใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เบิกบานงามลดวัยกันถ้วนหน้า ร่วมกันปลูกต้นสนต้นเดียวกันเป็นกลุ่มใหญ่ เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ความอิ่มเอิบใจ หลายคนช่วยกันประคองไม้สนเขียวไสว วางลงในหลุมที่ขุดเตรียมไว้ รดน้ำชุ่มเย็นให้กับต้นสนที่เพิ่งหยั่งรากลงดิน พร้อมอธิษฐานจิตน้อมถวายเป็นพุทธบูชา

             มองดูต้นสนที่เพิ่งปลูกเสร็จสิ้น จินตนาการว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ต้นสนเหล่านี้จะเติบใหญ่ พร้อมให้ร่มเงาแก่ผู้มาปฏิบัติธรรม เหมือนดังธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เหมือนไม้ใหญ่ คอยแผ่กิ่งก้านใบร่มรื่น พร้อมให้ความร่มเย็นแก่ผู้มาพักพิงเสมอ

พิธีเทเหล้า-เผาบุหรี่

             ในช่วงเย็น เวลา ๑๕.๓๐ น. เป็นพิธีเทเหล้า-เผาบุหรี่ เนื่องในเทศกาลงดเหล้าเข้าพรรษา ท่านประธานในพิธี คือ คุณลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน และส.ส บัญชีรายชื่อ ประธานกรรมาธิการเด็ก เยาวชน สตรีและผู้สูงอายุ นำสาธุชนประกอบพิธีหักดิบตัดใจ จากมหันตภัยร้ายของสุรายาเสพติด ซึ่งงานในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่จำนวนมาก ร่วมปฏิญาณตนไม่ข้องเกี่ยวกับ สิ่งเสพติดให้โทษตลอดไป จากนั้นช่วยกันเท ทุบ ขวดสุรา และเผาทำลายบุหรี่ ด้วยความคึกคักสนุกสนาน ทุกภาพแห่งพิธีการสำคัญ ล้วนเป็นการสร้างค่านิยม ที่ถูกต้องให้เกิดขึ้นในสังคม และเป็นต้นแบบแห่งความดีสากล ที่ทุกคนสามารถทำได้

พิธีจุดประทีปถวายเป็นพุทธบูชา

             ภาคค่ำ เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นพิธีจุดประทีปโคมเอก และพิธีจุดโคมลอยฟ้า ถวายเป็นพุทธบูชา โดยท่านประธานในพิธี คือ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ปี 2548 รับดวงประทีปจากคณะสงฆ์ เพื่อจุดเป็นปฐมเริ่ม แล้วส่งความสว่างต่อๆ กันไป เหมือนดวงใจที่แผ่ขยายความสว่าง แห่งธรรมอย่างไม่มีสิ้นสุด

             ดวงประทีปดวงเดียว เมื่อถูกลมพายุพัดกรรโชกย่อมมอดดับลงได้ง่ายดาย แต่เมื่อดวงประทีปนับร้อย นับพันดวงมารวมกัน ไม่ว่าจะมีลมพายุพัดแรงสักเพียงไหน ย่อมไม่อาจทำให้ดวงไฟสันติภาพที่เกิดจาก ความสมัครสมานสามัคคีของชาวพุทธในครั้งนี้ มอดดับลงได้

             การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ การเกิดขึ้นของดวงประทีปแห่งโลก ที่พร้อมจะขจัดความมืดมิด ของอวิชชาให้หมดสิ้นไป แสงสว่างจากดวงประทีป ดุจดังพระปัญญาธิคุณอันสว่างไสว ของพระพุทธองค์ ส่องนำทางให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้มองเห็นเป้าหมายชีวิตอันแท้จริง

             การที่พวกเราทุกคนได้ร่วมกันจุดโคมประทีป ให้สว่างไสวทั้งบนผืนดินและผืนฟ้า ย่อมเป็นสัญญาณแห่งสันติธรรม อันอำไพได้บังเกิดขึ้น พร้อมใจกันตั้งจิตอธิษฐาน ภายใต้แสงนวลกระจ่างแห่ง เพ็ญจันทร์ในคืนวันมหาปวารณา ให้พุทธอุทยานนานาชาติแห่งนี้ บ่งบอกเรื่องราวของพระพุทธศาสนา และความเป็นมาแห่งบั้งไฟพญานาค ให้ผู้มาเยือนได้รู้ซึ้งถึงคุณค่า ของการบูชาบุคคลที่ควรบูชา ดังเช่น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมดังพุทธพจน์ที่ว่า อปฺปมาโณ พุทฺโธ พระพุทธเจ้า มีคุณไม่มีประมาณ

www.kalyanamitra.org

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล