ฉบับที่ 49 พฤศจิกายน ปี 2549

อะไรที่ทำให้ต้องเปลี่ยนใจ..ชีวิตสุดขั้ว เกลียดวัดสุดขีด

อะไรที่ทำให้ต้องเปลี่ยนใจ
เรื่อง : ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์e -mail : [email protected] ภาพ : เจริญ เพ็ชรกิจ

 

 

 

" ไม่ชอบวัดนี้เลย..!! พระที่นี่เป็นอยู่สบาย..อยู่กันบนคอนโดฯ แถมทำบุญวัดนี้ ยังต้องแย่งกันเข้าแถวทำบุญ อีกทั้งยังต้องทำบุญที่ละเยอะๆ รู้สึกว่าคนมาวัดนี้ งมงายหนักมาก ทำไมไม่เดินทางสายกลาง..."

 

          รู้สึกกับวัดพระธรรมกาย ไม่ดีตั้งแต่ทำหน้าที่รับ-ส่งแฟนมาวัดนี้ ตอนจีบกันใหม่ๆ ตอนนั้นผมต้องเอาใจแฟน เพราะเขาศรัทธาวัดนี้มากตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษา แต่บอกตรงๆ ตอนนั้น ผมทั้งฝืนใจ ทั้งจำใจมาส่งเขามากๆ ต่อมาภายหลังจากแต่งงานกันแล้วไม่นาน ผมก็ปฏิเสธที่จะมาส่ง และไม่ยอมมาวัดนี้อีกเลย ปล่อยให้ภรรยามาวัดคนเดียว และเรามักจะทะเลาะกัน เรื่องวัดบ่อยมาก เพราะทิฏฐิเราไม่ตรงกันเลย ผมคิดเสมอว่า.. ภรรยางมงาย ถูกหลอก ถูกล้างสมอง บ้าทำแต่บุญ ทำทีละมากๆ ไปแต่วัดถี่ๆ เหมือนกับคนติดอะไรสักอย่าง ไม่รู้จักเดินทางสายกลาง ตอนนั้นเราไม่เข้าใจกันรุนแรงมาก เหมือนมีชีวิตกันคนละขั้ว คือ ภรรยาเอาแต่บุญไปแต่วัด ผมก็เอาแต่กินเที่ยว ตามประสาผู้ชาย เมามันในชีวิตสุดเหวี่ยง ลองอบายมุขทุกรูปแบบ จนต้องตัดสินใจแยกกันอยู่ กับภรรยาระยะหนึ่ง แล้วหันไปทำธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่เราก็ไม่ได้เลิกกันนะครับ...

                 จนกระทั่งผ่านไปนานถึง ๔ ปี วันหนึ่งผมกลับมาหาภรรยาที่บ้าน บังเอิญมาเปิดทีวีดู ปรากฏว่าดูได้อยู่ช่องเดียว เป็นช่องแปลกๆ คือ มีพระออกมาเทศน์สอนในจอทีวี ทำให้ผมประหลาดใจมาก เพราะพระรูปนั้น คือ หลวงพ่อธัมมชโย แห่งวัดพระธรรมกาย จึงทำให้รู้ว่าภรรยาเอาจานดาวเทียม ถ่ายทอดธรรมะของวัดมาติดที่บ้าน ที่เรียกกันว่า "ช่อง DMC" แต่ผมก็ลองเปิดใจฟังท่านสอน ด้วยความที่อยากรู้ว่า พระที่โดนโจมตีหนักๆ ขนาดนี้ ท่านจะพูด จะสอนอะไรบ้าง.. จะไม่ดีเหมือนข่าวที่ลงขนาดไหน...

                 พอผมนั่งฟังท่านสอนสักระยะหนึ่ง ก็รู้สึกฉงนว่า นี่หรือ..! พระที่ข่าวด่าว่าโจมตี ทำไมท่านถึงสอนได้ดีมากขนาดนี้ ท่านสอนน่าติดตามจนผม ต้องติดตามฟังท่านสอนอย่างต่อเนื่องทุกวันเป็นอาทิตย์ จากนั้นผมก็เริ่มรู้สึกศรัทธาท่าน และนึกทบทวนตัวเองว่า ชีวิตที่ผ่านมาของผมทำผิดพลาดไปมาก ท่านสอนให้เรารักบุญ กลัวบาป ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส ท่านสอนให้ผมเห็นโทษภัยของบุหรี่ สุรา และอบายมุขทั้งหลาย สอนจนผมสำนึก และยอมตัดใจหักดิบ เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เลิกเที่ยวทันที ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ผมกินเที่ยวหนักมาก แถมใครจะมาห้าม ผมก็ไม่ยอมเลิก แต่พอมาฟังหลวงพ่อแล้ว รู้สึกบอกไม่ถูก คือ รู้สึกซาบซึ้ง สำนึกผิด และตกลงกับตัวเองว่า ถึงเวลาต้องเลิกสิ่งไม่ดีแล้ว จากนั้นผมก็ยอมเปิดใจมาวัดกับภรรยา ลองไปนั่งสมาธิที่พนาวัฒน์ ๗ วัน จึงทำให้ผมได้เข้ามาสัมผัสวัด อย่างแท้จริงว่าวัดนี้เป็นอย่างไรกันแน่ เป็นไปตามข่าวไหม..? จากนั้นผมก็แทบเปลี่ยนไปเป็นคนละคน คือ ผมเข้าใจวัดมากขึ้น รู้ว่าวัดมีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ คือ สร้างคนให้เป็นคนดี ทำให้อะไรที่เคยทำไม่ดี ผมหักดิบเลิกทำหมด จึงทำให้ทุกวันนี้ผมมีความสุข เหมือนเกิดใหม่ในทางแห่งความดี และก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นขนาดนี้ จึงทำให้ผมรักวัดและศรัทธาหลวงพ่อมาก ผมจึงตัดสินใจบวชถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อ รุ่น ๖๒ ปี เพื่อทดแทนคุณที่คำสอนท่านให้ชีวิตใหม่กับผม...

ทุ่มทำบุญจนสุดตัว ทำในสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ยาก เวลาบุญส่งผล ก็จะทำให้เขารวยอย่างอัศจรรย์ได้

                

ช่วงที่ผมมาบวชนี่เอง ทำให้ผมมีโอกาส ได้มาเรียนรู้ ความเป็นอยู่ของ พระที่นี่อย่างลึกซึ้ง จึงมารู้ว่า พระที่นี่ไม่ได้เป็นอยู่สบาย ตามที่ลงข่าวโจมตีเลย


เพราะท่านต้องตื่นตั้งแต่ตี ๔ ครึ่ง สวดมนต์ นั่งสมาธิ ออกบิณฑบาต ทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลัง ออกเทศน์สอนตามศูนย์ปฏิบัติธรรม บางรูปก็ต้องเรียน ต้องศึกษาพระบาลีให้จบ ปธ.๙ ตกดึกก็ไปนั่งสมาธิถึงเที่ยงคืน กว่าจะได้จำวัดก็ดึกดื่น...

                 รวมถึงเรื่องที่กล่าวหาว่า พระที่นี่อยู่คอนโด อยู่ตึกสูง ๖ ชั้น ลองคิดดูเถิดครับ พระที่นี่มีมาก ถึงเกือบ ๒,๐๐๐ รูป จะให้มาสร้างกุฏิตามแนวราบกับพื้นเป็นหลังๆ ถามว่าต้องใช้เนื้อที่มากเท่าไรถึงจะพอ แต่ถ้าสร้างตึก ๖ ชั้นแบบเป็นห้องโล่งๆ ที่เรียบง่าย สามารถให้ พระจำวัดกันทีละหลายๆ รูปต่อหนึ่งห้องอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ผมว่าก็เป็นการประหยัดเนื้อที่ดีมากๆ นะครับ และยังเป็นการก่อให้เกิดประโยชน์สูง ประหยัดสุดอีกด้วย... 

                 ส่วนเรื่องการทำบุญ เมื่อผมมาศึกษาที่นี่จริงๆ ถึงได้มารู้ว่า เขาไม่ได้บังคับเลยว่า ใครจะทำ เท่าไร ใครมีมากก็ทำมาก ใครมีน้อยก็ทำน้อย เพราะของอย่างนี้ใครจะมาบังคับใคร ไม่ได้หรอก แต่คนที่มาวัดส่วนมาก เขามักจะทำบุญกันทีละเยอะๆ ด้วยความสมัครใจกันเอง เป็นเพราะเขาได้มาศึกษาธรรมะ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เข้าใจเรื่องการทำบุญมากขึ้น คือ ถ้าทำบุญตามกำลัง เวลาบุญส่งผลก็ส่งตามกำลัง แต่ถ้าทำบุญ เต็มกำลัง เวลาบุญส่งผลก็เต็มกำลัง หรือการตัดใจทำในสิ่งที่ทำได้ยาก เวลาจะได้อะไร ก็จะได้ครอบครอง ในสิ่งที่คนทั่วไปครอบครอง ได้ยากเช่นกัน เหมือนการทำบุญของ มหาทุคตะในสมัยพุทธกาล คือ ทุ่มทำบุญจนสุดตัว ทำในสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ยาก เวลาบุญส่งผล ก็ทำให้เขารวยอย่างอัศจรรย์ ได้ในสิ่งที่คนทั่วไปได้ยาก หรือเราคงเคยได้ยินที่เขาพูดๆ กันว่า คนมาวัดพระธรรมกาย..แล้วรวย ก็จริงนะครับ เพราะบุญ.. ถ้ายิ่งทำ ผลบุญก็จะยิ่งดึงดูดสิ่งดีๆ มาสู่ชีวิต เพราะขนาดผมเองตั้งแต่มาทำบุญเต็มกำลัง เราก็สามารถขยายร้านได้อย่างไม่น่าเชื่อ...

                 ทุกวันนี้.. ผมมีชีวิตที่เปลี่ยนไปมาก ทำให้มานั่งนึกย้อนดู รู้สึกว่า เมื่อก่อนผมน่าจะยอมเปิดใจยอมมาศึกษา มาฟังธรรมะตั้งแต่แรก ไม่น่าปิดกั้นตัวเอง หลงเชื่อข่าว แล้วเกลียดวัดขนาดนี้ เลย ทำให้ทุกวันนี้ คำที่ผมเคยว่าไว้กับภรรยาหลายๆ อย่าง ก็สะท้อนกลับมาสู่ตัวเองเกือบหมด อย่างเช่น เพื่อนๆ จะถามผมว่า ทำไมไม่เดินทางสายกลาง ไปแต่วัด ถือแต่ศีล ผมก็ขอตอบว่า ..ผมก็ทางสายกลางนะครับ เพราะการรักษาศีล ๕ เป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้ว ผมไม่ได้เป็นปุถุชน แล้วมาถือศีล ๒๒๗ ข้อเมื่อไร และการที่ผมเปลี่ยนเป็นคนดี ไม่ขี้เหล้าเมายา ไม่เที่ยว ชีวิตครอบครัวก็ดีขึ้นทุกด้าน แล้วนี่ไม่ดีตรงไหนหรือครับ..? 

                 สุดท้ายนี้.. แม้ผมพูดยาวกว่านี้ ก็คงยังไม่หมดข้อสงสัยกันหรอก เพราะเมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนี้แหละ เคยเกลียดวัด ว่าวัด ด่าวัดสารพัด แต่ปัจจุบันนี้ ชีวิตผมกลับได้ดีเพราะวัด เพราะหลวงพ่อ ผมจึงไม่อยากให้หลายๆ คนพลาดโอกาสดีๆ ที่จะได้รับอะไรดีๆ มาสู่ชีวิตไป ผมอยากให้ลองมาศึกษาและพิสูจน์ความจริงเอาเองดีกว่าครับ...

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล