ฉบับที่ 46 สิงหาคม ปี 2549

กาย-ใจ-ธรรม องค์ประกอบแห่งการเข้าถึงธรรมกายในตัวมนุษย์

 
 

เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว)


            ตลอดระยะเวลาในการสร้างวัดพระธรรมกาย มากว่าสามสิบปีนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ได้ทุ่มชีวิตทำภาวนาอย่างกลั่นกล้า และทุ่มชีวิตเคี่ยวเข็ญฝึกฝนอบรมการทำภาวนาให้แก่พวกเราอย่างเต็มที่ โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อช่วงฤดูเข้าพรรษามาถึง พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านจะเคี่ยวเข็ญอบรม การทำภาวนาให้แก่ลูกๆ ของท่านที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกอย่างเข้มข้นเป็นพิเศษ โดยกำหนดเป็นนโยบายให้เป็น "พรรษาแห่งการเข้าถึงธรรม" นั่นหมายความว่าตลอดสามเดือนนี้ ลูกของท่านทุกคนจะต้องแบ่งเวลาเพื่อทำภาวนาเป็นประจำทุกๆ วันไม่ให้ขาดอย่างไม่มีข้อแม้เงื่อนไข ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง

              ในฐานะที่หลวงพ่อตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเอง ตามคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย อย่างเคร่งครัดมาตั้งแต่แรกสร้างวัด ทำให้หลวงพ่อ มีโอกาสได้ฝึกทำภาวนาควบคู่กับการศึกษา ค้นคว้าพระไตรปิฎก มาอย่างสม่ำเสมอ และหากพบความรู้อะไร ที่เป็นประโยชน์ ต่อความก้าวหน้าใน การฝึกฝนอบรมตนเองของพวกเรา ก็จะสกัดความรู้เหล่านั้นออกมาถ่ายทอด ในภาษาที่ง่ายต่อความเข้าใจ โดยไม่มีปิดบังความรู้แม้แต่นิดเดียว

              หลังจากที่ได้พยายามพลิกพระไตรปิฎกอ่านแล้วอ่านอีกอยู่หลายเที่ยว ในที่สุดก็พบข้อความสำคัญในพระสูตรชื่อ โรหิตัสสสูตร สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ว่า

              "ธรรมะทั้งหลายที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น พระองค์ไม่ได้นำมาจากบนฟากฟ้าอากาศ ไม่ได้นำมาจากสิ่งภายนอกรอบตัว แต่ธรรมะทั้งหลายที่พระองค์ตรัสรู้ ได้มาจากภายในกายยาววา หนาคืบ กว้างศอก และมีใจครอบครอง"

              นั่นหมายความว่า องค์ประกอบจริงๆ ของมนุษย์นั้น ไม่ได้มีแค่ ๒ ส่วน แต่มีด้วยกัน ๓ ส่วน คือ
                          ๑) กาย

                          ๒) ใจ

                          ๓) ธรรม

              ถ้าหลวงพ่อบอกพวกเราอย่างนี้ ก็คงมีคำถามย้อนกลับมาถามอีกว่า

              แล้วทำไมในขันธ์ ๕ จึงสอนว่าองค์ประกอบของมนุษย์ มี ๒ ประการ คือ กาย กับ ใจ?

              ก็ขอตอบว่า การสอนธรรมะของพระพุทธองค์นั้น ต้องสอนกันเป็นขั้นเป็นตอน เพราะคนในโลกมีทั้งคนโง่ และคนฉลาด สติปัญญาไม่เท่ากัน กว่าจะทำให้ใครมีความเข้าใจว่า คนเรามีกายกับใจ ก็เป็นเรื่องยากอยู่มาก

             ยิ่งบางคนมีการศึกษามาก เลยไม่ยอมรับว่า คนเรานั้นมี "ใจ" อยู่ภายในกาย คือเชื่อว่าตายแล้วสูญ แต่ไม่เชื่อว่าตายแล้วมีการเวียนว่ายตายเกิด มี กฎแห่งกรรม เพราะฉะนั้น ในขันธ์ ๕ พระพุทธองค์ จึงสอนแค่ว่า คนเราประกอบด้วย กาย กับ ใจ

              แต่ว่าเมื่อพระองค์ได้พบกับผู้ที่เคยปฏิบัติธรรม อย่างทุ่มชีวิตเป็นเดิมพันมาก่อน ซึ่งเป็นผู้มีความเข้าใจเรื่อง กาย กับ ใจ มาอย่างดีทีเดียว แต่ว่ายังไม่บรรลุธรรม พระองค์ก็ทรงสอนให้สมกับระดับ ความรู้และประสบการณ์ของเขาว่า แท้จริงแล้ว องค์ประกอบของคนเรานั้น มี ๓ ส่วน คือ กาย-ใจ-ธรรม ส่วนว่า ธรรมะ มีรูปร่างลักษณะอย่างไร? เรื่องนี้คือเรื่องที่หลวงพ่อต้องการให้พวกเราไปดูด้วยตัวเอง

การเห็นธรรมะภายในต้องทำอย่างไร

             พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้เราปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘
                          ๑) สัมมาทิฏฐิ คือ ความเข้าใจถูกในเรื่อง ถูก-ผิด ดี-ชั่ว บุญ-บาป ควร-ไม่ควรทำ
 
                          ๒) สัมมาสังกัปปะ คือ ความคิดในสิ่งที่ถูกที่ควร โดยอาศัยสัมมาทิฏฐิเป็นหลักคิด แล้วเลือกคิดแต่สิ่งที่เป็นกุศล ส่วนสิ่งที่เป็นอกุศล ไม่ยอมคิดเลย

                          ๓) สัมมาวาจา คือ พูดแต่ในเรื่องที่ถูกที่ควร เรื่องใดที่ไม่ถูกไม่ควร ก็ไม่พูด
  
                        ๔) สัมมากัมมันตะ คือ ทำแต่ในสิ่งที่ถูกที่ควร สิ่งใดไม่ถูกไม่ควรก็ไม่ทำ
  
                        ๕) สัมมาอาชีวะ คือ เลือกประกอบอาชีพ ที่ถูกที่ควร อาชีพที่ไม่ถูกไม่ควร ถึงรายได้ดีแค่ไหน ก็ไม่ทำ

                          ๖) สัมมาวายามะ คือ เพียรละเว้นความชั่ว เพียรทำความดี เพียรทำใจให้ผ่องใส

                          ๗) สัมมาสติ คือ ตะล่อมใจของตัวเองให้เข้าไปตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางกายภายในตัว

                          ๘) สัมมาสมาธิ คือ รักษาใจให้มั่นคงไม่ หวั่นไหว ณ ศูนย์กลางกายภายในตัวอย่างต่อเนื่อง

              เมื่อเราปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ได้เต็มที่เมื่อไหร่ เมื่อนั้นเราย่อมเห็นธรรมที่อยู่ในตัว ถ้าไม่ปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ให้เต็มที่ ทำอย่างไรก็ไม่มีทางเห็นธรรมะในตัว

              มรรคมีองค์ ๘ นี้ ต้องทำให้ได้สัดได้ส่วน ไม่ใช่ทำทีละส่วน แต่ต้องทำพร้อมกันไป ๘ อย่าง จนกระทั่งกลายเป็นนิสัยประจำตัว

             การปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ อุปมาเหมือนน้ำพริก ถึงแม้ว่ามีส่วนประกอบครบถ้วน คือ กระเทียม หัวหอม กะปิ พริก เกลือ น้ำปลา น้ำตาล มะนาว แต่ถ้าใส่ครกไปแล้ว ยังไม่โขลกรวมกันให้เป็นเนื้อเดียว นั่นก็ยังไม่เป็นน้ำพริก แต่เมื่อไหร่ ตำให้แหลก และส่วนประกอบได้สัดส่วนเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อนั้นจึงเป็นน้ำพริก

              เรานั่งสมาธิมาตลอดหนึ่งพรรษา เวลาที่ใจนิ่ง ใจก็เริ่มโปร่ง เริ่มเบา ความสว่างก็เริ่มตามมา ความชุ่มอกชุ่มใจก็เริ่มมา แสดงว่ามรรคมีองค์ ๘ ที่เราตั้งใจปฏิบัติมาทั้ง ๘ อย่าง เริ่มได้สัดส่วนแล้ว

              และถ้ามรรคมีองค์ ๘ ของเราได้สัดส่วนอย่างต่อเนื่องแล้ว ในขั้นต้น เวลาที่ใจนิ่ง ใจก็เริ่มโปร่ง เบา สบาย แล้วความสว่างก็เกิดขึ้นตามมา เมื่อความสว่างเกิดขึ้นแล้ว เราก็ได้อาศัยความสว่างนั้นไปเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในใจ บางคนก็เห็นดวงปฐมมรรค บางคนก็เห็นพระธรรมกาย ซึ่งสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจเหล่านั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเรียกว่า "ธรรม"

              ใครทำสมาธิหยุดนิ่งได้มากเท่าไหร่ ก็เห็นธรรมที่ซ้อนอยู่ข้างในที่ละเอียดไปตามลำดับเท่านั้น

             เพราะฉะนั้น ในพรรษานี้ พวกเราหลายๆ คนที่ทำภาวนาแล้ว ปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ได้ถูกส่วน ก็ได้ไปเห็นด้วยตัวเองแล้วว่า องค์ประกอบของคนเรานั้น มี ๓ ส่วน คือ กาย ใจ และธรรม

              อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อก็อยากให้พวกเราไปเปิดพระไตรปิฎกอ่านพระสูตรหนึ่งชื่อ สติปัฏฐานสูตร เป็นพระสูตรที่ว่าด้วยการเห็นธรรมะภายในไปตามลำดับ

              สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ใน พระสูตรนี้ก็คือ การฝึกมรรคมีองค์ ๘ อย่างหนัก โดยเฉพาะในส่วนที่เป็น สัมมาสติ คือเมื่อฝึกสติได้ถูกส่วนแล้ว ก็จะเห็นธรรมะภายในที่ละเอียดไปตามลำดับๆ เริ่มตั้งแต่เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต และเห็นธรรมในธรรม

              ตอนนี้ เราเห็นแต่กาย ส่วนใจ แม้ยังไม่เห็น แต่ก็สัมผัสได้ ส่วนธรรมนั้น บางรูปก็ยังไม่เห็น แต่บางรูปก็เห็นแล้ว เพราะฉะนั้น หน้าที่ของพวกเรา ก็คือ ต้องไปค้นจากการเห็นภายในกันต่อไป เพราะถ้าพบทั้ง ๓ อย่างนี้ คือ กาย ใจ ธรรม ที่ซ้อนๆ อยู่ภายในได้ชัดๆ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ นิสัยไม่ดีจะหายไปหมด กิเลสมันอยู่ไม่ได้ มันกลัวจนต้องรีบหนีไปหมด

              พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (สด จนฺทสโร) ท่านปฏิบัติธรรมอย่างทุ่มชีวิตเป็นเดิมพัน ตามรอยบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านจึงค้นพบว่า ธรรมะภายในตัวคนเรานั้น มีลักษณะเป็นดวงซ้อนๆ กันอยู่

              ส่วนว่าธรรมะที่ซ้อนอยู่ในตัวเรานั้นมีมากมายขนาดไหน ก็ต้องไปเปิดพระไตรปิฎก อ่านทบทวนพระสูตรชื่อ สีสปาสูตร แล้วก็จะพบว่า

              พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเล่าให้ พระภิกษุฟังว่า ธรรมะทั้งหลายที่พระองค์ไปรู้เห็นมาจากในตัวนั้น มีมากมายเหมือนกับใบไม้ทั้งป่าประดู่ลาย ส่วนธรรมะทั้งหลายที่พระองค์เลือกมาสอน เพื่อให้ชาวโลกรู้จักลักษณะของธรรมะและ วิธีการเข้าถึงธรรมะในตัวนั้น มีเหมือนแค่ใบไม้ในกำมือ

              เพราะฉะนั้น เมื่อธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้มีมากมาย กว่าธรรมะที่พระองค์ทรงนำมาสอนชาวโลกนี้ ก็อยากจะขอเตือนว่า ถ้าพวกเรายังไม่เห็นธรรมะในตัวล่ะก็ ชาตินี้เกิดฟรี ตายฟรีเสียแล้ว

             ถ้าไม่อยากเกิดฟรี ตายฟรี ต้องรีบปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ให้เป็นนิสัยประจำตัวให้ได้ พอหลับตาทำภาวนาเมื่อไหร่ ใจจะได้หยุดนิ่งถูกส่วนทันที แล้วเราก็จะได้เห็นธรรมะในตัว และนี่คืองานที่แท้จริงของชีวิต เราเกิดมาเพื่อเข้าถึงธรรมในตัว

              หลวงพ่อนำเรื่องนี้มาบอกแก่พวกเรา ก็เพราะต้องการให้พวกเราเกิดความมั่นใจว่า "ภายในกายยาววา หนาคืบ กว้างศอก ของพวกเราทุกคนนั้น มีธรรมะอยู่ในตัวอย่างแน่นอน"

              เพราะฉะนั้น ขอให้พวกเราทุกคนตั้งใจ ประพฤติปฏิบัติตามคำแนะนำ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยอย่างสม่ำเสมอ วันใดที่วางใจตามหลักมรรคมีองค์ ๘ ได้ถูกส่วน ใจหยุดนิ่งได้สมบูรณ์ จะต้องได้เห็นธรรมะที่พระสัมมา สัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมมาก่อนอย่างแน่นอน

 
 
 
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล