ฉบับที่ 76 กุมภาพันธ์ ปี 2552

หัวใจพระโพธิสัตว์

พระธรรมเทศนา

             ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็ต้องถือว่าพวกเรามีหัวใจเป็นหนึ่งเดียวกัน นั่นคือเราเข้าวัดปฏิบัติธรรม โดยการนำของคุณครูไม่ใหญ่ (พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย) เพื่อที่จะพาตัวของเราเองให้พ้นจาก ความเป็นบ่าวเป็นทาสของมาร แต่เรายังไม่พอใจเพียงแค่นั้น เรายังตั้งใจจะพาชาวโลกให้หลุดพ้นไปให้ถึงที่สุด แห่งธรรมพร้อมๆ กับเราให้ได้ด้วย หลวงพ่อก็ขออนุโมทนาบุญกับพวกเราทุกคนนะ
การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเรื่องยาก

            ธรรมดาของคนส่วนมากในโลกนี้ เมื่อตกอยู่ในภาวะที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรค มักไม่ค่อยมีกำลังใจที่จะชักชวนคนอื่น ให้มาร่วมฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วย โดยเฉพาะอุปสรรคใหญ่ๆ ถึงขนาดที่ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
           หรือไม่อย่างนั้นเมื่อตนเองสามารถฝ่าพ้นอุปสรรคไปได้แล้ว ก็มักจะไม่ได้เหลียวหลังย้อนกลับมาชวนผู้อื่น ให้พยายามช่วยตัวเอง เพื่อที่จะข้ามพ้นอุปสรรคตามมาให้ได้ด้วยเช่นกัน
          เพราะเหตุนี้เอง การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จึงถือเป็น เรื่องยากอย่างยิ่ง เท่าที่ประวัติศาสตร์โลกได้จารึกไว้ ในหนึ่งกัป๑ จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมาบังเกิดอย่างมากที่สุดเพียง ๕ พระองค์ นอกนั้นก็มีเพียงกัปละ ๔ พระองค์บ้าง ๓ พระองค์บ้าง ๒ พระองค์บ้าง หรือมีเพียง ๑ พระองค์เท่านั้น ซึ่งถือว่ามีจำนวนน้อยมาก ถ้าเทียบกับจำนวนของสัตวโลกที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏ
          ยิ่งกว่านั้นคือ บางกัปไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแม้พระองค์เดียวมาบังเกิดขึ้นเลย กัปนั้นก็กลายเป็นสุญญกัปไป เพราะหาผู้ที่มีกำลังใจจะฝ่าฟันอุปสรรค คือกองทุกข์ที่ท่วมโลกไม่ได้
         ในประวัติศาสตร์ของโลกยังจารึกอีกว่า บางช่วงไม่ได้มีเพียงสุญญกัปเท่านั้น แต่ยังมีสุญญอสงไขยกัปอีกด้วย นั่นคือระยะเวลายาวนานเป็นอสงไขย หรืออสงไขยกัปเลยทีเดียว ที่ไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมาบังเกิดขึ้น ตรงนี้ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งของสัตวโลก เพราะจะต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในทะเลทุกข์ไปนานแสนนาน
          ส่วนกัปที่เรามีชีวิตอยู่ในขณะนี้ มีชื่อตามหลักวิชาการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้เอาไว้ว่า ภัทรกัป ซึ่งแปลว่า กัปที่เจริญ ในกัปนี้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นแล้ว ๓ พระองค์ ส่วนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเราคือ พระสมณโคดม เป็นองค์ที่ ๔ และต่อไปในภายหน้าก็จะมีอีก ๑ พระองค์
         แต่ถึงแม้จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมาบังเกิดขึ้นถึง ๔ พระองค์แล้ว ในโลกนี้ก็ยังมีทุกข์ท่วมโลกอยู่ ไม่ต้องพูดถึงกัปที่เป็นสุญญกัปเลยว่า โลกนี้จะย่ำแย่และสัตวโลกจะประสบกับความทุกข์มากมายเพียงใด

หัวใจพระโพธิสัตว์
          การเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยทั่วไปมักจะสอนชาวพุทธให้ตั้งใจสร้างบุญกุศล ซึ่งเป็นการสอนที่ถูกต้อง และถ้าหากพระอาจารย์ท่านใดมีความหนักแน่นในธรรม ท่านก็จะเคี่ยวเข็ญให้ ลูกศิษย์ฝึกสมาธิให้มาก แล้วก็สอนให้ตั้งใจปราบกิเลส สร้างบุญ สร้างบารมีไปเรื่อยๆ วันหนึ่งข้างหน้า ก็จะหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปได้
            แต่ครั้นหลวงพ่อได้มาพบพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยและคุณยาย (คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง) ท่านทั้งสองค่อยๆ ชี้ให้หลวงพ่อได้ตรองตามว่า โลกของเรานี้จะหาผู้ที่มีหัวใจนักสู้ หัวใจนักสร้างบารมีที่มีกำลังใจ ฝ่าทะเลทุกข์ แล้วตั้งใจจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ให้ข้ามทะเลทุกข์ไปด้วยนั้นยากแสนยาก
           ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ได้จารึกไว้ถึงบุคคลผู้ที่ตั้งความปรารถนาจะไปเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเบื้องหน้าหลายท่านด้วยกัน ท่านแรกคือ พระยาลิไท๒ พระองค์ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรืองเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติ ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือไตรภูมิพระร่วง ซึ่งมีเนื้อหาด้านพระพุทธศาสนา ขึ้นมา
           พระมหากษัตริย์องค์ต่อมาคือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ทรงอธิษฐานให้ได้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเบื้องหน้าเช่นกัน ด้วยอานิสงส์ที่พระองค์ทรงปกป้องพระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่กับประเทศไทย
           พระมหากษัตริย์อีกพระองค์หนึ่งที่ทรงจัดให้มีการสังคายนาพระไตรปิฎกในประเทศไทย หลังจากที่ช่วงนั้น สภาพบ้านเมืองประสบปัญหา หลายด้านและตกต่ำลง แล้วทรงตั้งจิตอธิษฐานขอไปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเบื้องหน้า นั่นก็คือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
           การที่จะมีผู้ตั้งใจมั่นที่จะไปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเบื้องหน้านั้น เราก็รู้ว่าเป็นเรื่องยาก เพราะเพียงแค่จะมาศึกษาธรรมะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้เพียงเท่านี้ก็ยังถือว่ายากแล้ว
          แต่คุณยายของเราท่านได้พยายามอบรม และปลูกฝังลูกศิษย์อยู่เสมอว่า ในการเข้าวัดปฏิบัติธรรมนั้น อย่าคิดแค่จะเอาตัวเองให้รอดเพียงคนเดียว ท่านสอนให้ดูตัวอย่างการสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และสอนลูกศิษย์ให้ ตั้งความปรารถนาไปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเบื้องหน้า
           ในตอนนั้นหลวงพ่อได้ถามคุณยายว่า คนธรรมดาทั่วไปจะไปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเบื้องหน้าได้หรือไม่
           คุณยายท่านบอกว่า เราทุกคนมีสิทธิ์คิดได้ แต่ต้องตั้งปณิธานไว้ให้ดี ถ้าหากสั่งสมบุญบารมี ไปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ เป็นพระอัครสาวกก็ยังดี และหากเป็นพระอัครสาวกไม่ได้ แต่ได้เป็นพระอสีติสาวกก็ยังดี
            แต่ถ้าเป็นพระอสีติสาวกไม่ได้ อย่าคิดจะเป็นเพียงพระสาวกธรรมดา อย่างน้อยพวกเราต้องเป็นพระสาวกที่ได้อภิญญา จึงจะสามารถช่วยชาวโลกได้
            คุณยายท่านเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ลูกหามาอย่างนี้ จนกระทั่งลูกศิษย์ทุกคนมีใจใหญ่ กล้าที่จะตั้งเป้าหมายชีวิต ไปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเบื้องหน้า เพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์เข้าพระนิพพาน และได้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอน ของคุณยายที่ศึกษามาจาก พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (สด จนฺทสโร) มาอย่างไม่มีตกหล่น เพื่อสร้างบุญสร้างบารมีให้ได้มากๆ ตลอดมา
            หลวงพ่อตั้งใจเดินตามท่าน ความจริงต้องเรียกว่าพยายามวิ่งตามมากกว่า ถึงอย่างนี้แล้ว ก็ยังตามท่านไม่ทัน แต่ด้วยวิธีการสอนที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาของคุณยายและคุณครูไม่ใหญ่ ท่านค่อยๆ บอก ค่อยๆ สอน แล้วก็ค่อยๆ ตั้งเป้าหมายให้ จึงทำให้หลวงพ่อมีกำลังใจทั้งวิ่งและทั้งเดินตามท่านมาจนถึงทุกวันนี้
(อ่านต่อฉบับหน้า)

 
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล