ฉบับที่ 41 มีนาคม ปี 2549

ศาสนาบูรณาการของ ส.ว. ผ่องเล่งอี้

สัมภาษณ์พิเศษ : ลิ่วเฉลิมวงศ์
email: r_luck072 @yahoo.com
Photo by : Charoen Studio



       มีคนจำนวนมาก รู้จักท่านส.ว. ผ่อง เป็นอย่างดีในฐานะที่ท่านเคยเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ ที่มีผลงานในอดีตไว้ท่วมท้น และที่สำคัญใครๆ ก็รู้ว่า ท่านเป็นนักปกป้องพระพุทธศาสนาตัวจริง !!

            แต่ทว่า .. จะมีคนสักกี่คน ที่ได้รู้ถึงความคิดและมุมมองของท่าน ในขณะที่ท่านดำรงตำแหน่ง ส.ว.. ในวุฒิสภา

            จากโจทย์เริ่มต้นข้อนี้ ทำให้ทีมงานเรา หอบกล้องขึ้นรถเพื่อขออาสาเป็นตัวแทนประชาชน ในการขออนุญาตเข้าสัมภาษณ์ท่าน ณ ห้องรับรอง ๑ ในรัฐสภา ว่าตลอดระยะเวลาเกือบ ๖ ปี ของการดำรงตำแหน่ง ท่านต้องทำอะไรบ้าง และมีความคิดหรือมุมมองใดในการแก้ไขปัญหาของประเทศได้สัมฤทธิผลอย่างไร .. ?

            “ ที่จริงแล้ว ส.ว. ก็มีหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย และควบคุมการทำงานของรัฐบาลแทนประชาชน ซึ่งคนที่สามารถสมัครเข้ามาเป็น ส.ว. ได้นั้นจะต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า ๔๐ ปี และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ประชาชนให้การยอมรับ และหากได้รับเลือกแล้ว มีวาระในการดำรงตำแหน่งครั้งละ ๖ ปี แต่จะเป็น ส.ว. ๒ สมัยติดต่อกันไม่ได้ ต้องเว้นระยะเวลาไปอีก ๖ ปี จึงจะสมัครใหม่ได้ ”

หลังจากที่ท่านได้รับการไว้วางใจจากประชาชนเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะส.ว. กว่า ๒๐๐ คนทั่วประเทศ สิ่งที่น่าสนใจตามมาก็คือ ทำไมท่านถึงได้สมัครเป็นประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา ศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมวุฒิสภา ถึง ๒ สมัย อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศึกษา ศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมวุฒิสภาอีกด้วย

            “ เพราะอาคิดว่า ปัญหาที่ประเทศชาติเรากำลังประสบอยู่ และที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด ก็คือปัญหาศีลธรรมด้านสังคม เพราะปัญหานี้เป็นต้นตอก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอย่างมากมาย อาจึงอยากมาแก้ไขปัญหาและพัฒนาตรงจุดนี้ โดยการปลูกฝังและพัฒนาศีลธรรม ให้แก่เยาวชนของชาติ ให้ได้มากที่สุด โดยใช้หลักพุทธวิธี ซึ่งอาเคยใช้ได้ผลมาแล้วในสมัยที่เป็นผอ . อุทยานแห่งชาติ และใช้เรื่อยมา จนได้เป็นอธิบดีกรมป่าไม้ ”
         
          ภาพลักษณ์ของท่านส.ว. ผ่อง ในสายตาทุกคน มักจะมองว่าท่านคือ บุรุษผู้สามารถสร้างแรงกระเพื่อมทางด้านศีลธรรมได้อย่างสุดเหวี่ยงคนหนึ่ง !!

            “ ที่จริงอาก็ไม่ใช่คนมีความเก่งอะไรมาก แต่อาศัยที่ว่าอาทำด้วยใจ ที่อยากเห็นคนบนโลกมีศีลธรรม จึงอาสาขอเป็นตัวแทนชาวพุทธมาทำงานผลักดันให้ศีลธรรมหยั่งรากลึกสู่จิตใจเยาวชน อย่างเช่น กำหนดให้พระภิกษุสามารถเข้าไปมีบทบาท ในแต่ละสถานการศึกษา โดยการเสนอให้พระภิกษุสงฆ์ เข้าไปเป็นคณะกรรมการทาง การศึกษาของโรงเรียนต่างๆ ตามกฎหมาย เพราะทุกวันนี้ มีปัญหาว่าเยาวชนไทยของชาติ ห่างไกลศีลธรรมกันเหลือเกิน ดังนั้นเราต้องเปิดโอกาสให้พระ เข้าไปมีส่วนในการปลูกฝัง ศีลธรรมกับเยาวชนอย่างใกล้ชิดขึ้น ในสถานการศึกษา และได้ออกจดหมายเพื่อเชิญชวน และสนับสนุนให้มีการสอบตอบปัญหาธรรมะ “ ทางก้าวหน้า ” จนยอดของนักเรียนทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง ๔ ล้านกว่าคน
          
         อีกทั้งยังสนับสนุนการตอบปัญหาธรรมะ “ ทางก้าวหน้า ” ระดับครูอาจารย์ทั่วประเทศ สาเหตุที่สนับสนุนตรงนี้ เพราะคิดว่าหากเราเริ่มแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศโดยการทำให้คนมีศีลธรรมแล้ว ปัญหาอื่นๆ จะถูกแก้ไขไปเองโดยอัตโนมัติ อาอยากให้คนไทยถือศีล ๕ ได้หมด หากทำได้จริงๆ ปัญหาโจรผู้ร้าย ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาแหล่งมั่วสุมในแหล่งอบายมุขก็จะลดลงไปมาก ซึ่งหากแก้ไขปัญหาอย่างนี้ จะมีผลพวงให้เราสามารถ แก้ปัญหาลงไปถึงระดับลึก และตรงจุดที่สุดคือแก้ไขปัญหาครอบครัวได้หมด ”

             ทำไมอาถึงเชื่อนักว่า การแก้ไขปัญหาโดยเอาศีลธรรมสู่เยาวชนจะได้ผล

            
 “ ตั้งแต่อาได้เข้าวัดพระธรรมกาย ในช่วงรับราชการเป็นผอ .  อุทยานแ ห่งชาติ ขณะนั้นข้าราชการลูกน้องของอามีปัญหามาก คือกินเหล้า ติดอบายมุขกันมาก จนทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ  และก่อให้เกิดปัญหาต่างๆตามมาอีกมากมาย อาจึงขออนุญาตพระเดชพระคุณหลวงพ่อ นำข้าราชการมาอบรมที่วัด   โดยการพามาวัดหลายรุ่นอย่างต่อเนื่อง รุ่นหนึ่งก็ประมาณ ๑๐๐ กว่าคน                 

              

          แต่ในทีแรกก็มีลูกน้องของอาหลายคนไม่เข้าใจนึกต่อว่าอาอยู่ในใจ ว่าทำไมต้องพาเขามาทำอะไรแบบนี้แต่พอเขาได้มาอบรมมาอยู่จนจบ โครงการอบรม ปรากฏว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย ยอมเลิกเหล้า และรักษา ศีล ๕ ด้วยตนเองด้วยความเต็มใจ และก็มาขอขอบคุณอากันใหญ่ เพราะชีวิต เขา ดีขึ้น  และเมื่อพวกเขากลับจากการอบรมกันแล้วก็ตกลงกันเองว่าจะจัด ให้มีการ สวดมนต์นั่งสมาธิกันก่อนทำงาน และหลังเลิกงานทุกๆ วัน
          
          
ซึ่งพอทำ อย่างนี้ ปรากฏว่า ประสิทธิภาพ การทำงานของลูกน้องแต่ละคนดีมากขึ้นอย่าง แตกต่างจากเมื่อก่อน คือไม่เมาเวลางาน ไม่โกง ไม่มีปัญหาการทะเลาะ กับชาวบ้านในท้องที่แถมยังสามารถทำตัวให้ชาวบ้านรักและเข้ากับชาวบ้านได้ดี และสามารถทำให้ชาวบ้าน มาช่วยกันปกป้องดูแลพื้นที่ป่าอีกด้วย
          

          จากการที่อาพิสูจน์กับตัวเองแล้วการพัฒนาศีลธรรมคนมันได้ผลเกินคาด ขนาดนี้ อาจึงเชื่อมั่นมากกว่าการแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยการเริ่มพัฒนาที่ศีลธรรม จะช่วยแก้ไขปัญหาของประเทศได้มาก ”

 ซึ่งนอกจากการพัฒนาปลูกฝังศีลธรรมสู่เยาวชนแล้ว ก็มีงานทางด้านอื่นๆ ที่เป็นการบูรณาการศาสนาอีกมากมาย

    “อาได้ผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมาย ไม่ให้เอาพื้นที่ของวัดมาจัดสรรทำเป็นพื้นที่อย่างอื่น และส่งเสริมสนับสนุนโครงการเปลี่ยนวัดร้างให้เป็นวัดรุ่ง หรือแม้แต่เรื่องวีซ่าพระที่จะไปต่างประเทศเพื่องานด้านศาสนา ก็จัดส่งเสริมให้มีความสะดวกยิ่งขึ้น ”


บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล