ฉบับที่ ๑๖๒ เดือนเมษายน ๒๕๕๙

อากาศร้อน ใจร้อน

ข้อคิดรอบตัว
เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ) จากรายการข้อคิดรอบตัว ออกอากาศทางช่อง DMC

 

อากาศร้อน ใจร้อน

ข้อคิดรอบตัว เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ) จากรายการข้อคิดรอบตัว ออกอากาศทางช่อง DMC    อากาศร้อน ใจร้อน


สภาพอากาศร้อนมีผลต่อจิตใจของเราอย่างไร?

       สิ่งแวดล้อมภายนอก ไม่ว่าจะร้อนหรือหนาวก็ตาม ย่อมส่งผลต่อตัวเราทั้งทางบวกทางลบโดยปริยาย ถ้าในแง่ความร้อนเราทุกคนก็คงจะสัมผัสได้ว่า ในช่วงหน้าร้อน เราเดินไปเดินมาแค่นิดหน่อยเหงื่อก็ออกแล้ว ทำให้เหนอะหนะเหนียวตัว อึดอัดไม่สบายตัว ส่งผลให้รำคาญบ้าง หงุดหงิดบ้าง พอใจเป็นอย่างนี้แล้ว ถ้ามีอะไรมากระทบเข้าหน่อยก็มีสิทธิ์ที่จะเพิ่มความหงุดหงิด ความรำคาญ บางทีความโกรธก็มีสิทธิ์ที่จะมาได้เหมือนกัน

 

ในเมืองหนาว ผู้คนมีแนวโน้มอารมณ์เย็นกว่าคนในเมืองร้อนหรือเปล่า?

     ถ้าดูเผิน ๆ ก็คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่พอดูจริง ๆ แล้วกลับพบว่าไม่ใช่ ในแถบหนาวไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา หรือเอเชีย คือ แถวจีน ที่ผ่านมามีสงครามเกือบตลอดเวลาเลย มีการรบราฆ่าฟันกันมากมาย แต่ในเขตร้อนนาน ๆ เกิดสงครามทีหนึ่ง อย่างเช่น สงครามไทย-พม่า บางช่วงเว้นไปเป็นร้อยปีเพราะฉะนั้นจะบอกว่าคนในเมืองหนาวใจเย็นกว่าก็ไม่แน่เหมือนกัน

      พอดูต่อไปก็พบว่า ฝรั่งเองแท้ ๆ พอเดินเรือมาถึงย่านเอเชีย โดยเฉพาะมาถึงประเทศไทย เขางงเลยว่าทำไมคนไทยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เขาเลยตั้งฉายาเมืองไทยว่า “สยามเมืองยิ้ม” ก็แสดงว่าคนไทยอารมณ์ดีชนิดที่โดดเด่นเลย สัมผัสได้ทันที แสดงว่าอากาศร้อนไม่ได้ทำให้คนไทยรู้สึกหงุดหงิดใจร้อน เจ้าโทสะ โดยทั่วไปคนไทยกลับมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ ยิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดีจนเขาสัมผัสได้

       ลองย้อนไปดูฝรั่งบ้าง บ้านเมืองของเขาอากาศหนาว ฟ้าทึม ๆ วันไหนแดดออกคนจะดีใจมาก เพราะเมืองเขานาน ๆ จะเห็นแดดสักที และยิ่งหน้าหนาวบางทีออกจากบ้านไปไหนไม่สะดวก หนาวจัด หิมะกำลังตกเหมือนกับถูกขังอยู่ในบ้าน เหลียวซ้ายแลขวาเห็นแต่ผนัง ดูแล้วทึม ๆ บางทีหนาวยะเยือกไปถึงใจเลย ภาพวาดของฝรั่งส่วนมากเลยเป็นภาพวิวทิวทัศน์ วาดรูปแสงแดดอยู่กลางท้องทุ่งมีดอกไม้สวย ๆ แล้วแขวนผนังไว้ดูแทนของจริงแต่ของบ้านเราจะเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติบ้าง นรก-สวรรค์บ้างเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจในการทำความดี แต่ของฝรั่งเขาวาดเพื่อเชิดชูใจให้ปลอดโปร่งจากอารมณ์ที่หดหู่ ฝรั่งเขาอิจฉาเมืองร้อน เขาบอกว่า บ้านเขาลงเล่นน้ำได้ปีหนึ่งแค่ไม่กี่เดือนในญี่ปุ่นเห็นได้ชัด ติด ๆ กับวัดพระธรรมกายโตเกียวเป็นโรงเรียนอนุบาลถึงชั้นประถม ๖ โรงเรียนมีพื้นที่ไม่กว้างแบบบ้านเรา เพราะที่ญี่ปุ่นพื้นที่น้อย ราคาที่ดินแพง เขามักออกแบบอาคารเป็นทรงสูง สนามก็มีนิดหน่อย พอให้เด็กวิ่งเล่นบ้าง ขนาดสระว่ายน้ำยังไปอยู่บนยอดตึกสระนี้ปิดปีละประมาณ ๙ เดือน เพราะเล่นน้ำไม่ได้ มันหนาว เด็ก ๆ ลงมาเล่นน้ำได้ปีหนึ่งแค่ ๓ เดือน พอมาเห็นบ้านเราเล่นน้ำได้ทั้งปีเขาอิจฉาเลย เขาบอกว่าเหมือนแดนสวรรค์บ้านเราจะว่าร้อนก็ร้อน แต่ยังไม่ร้อนขนาดทะเลทราย เวลาร้อนแค่เหงื่อออก พอเข้าไปใต้ร่มไม้ ลมพัดเย็น ๆ ก็สบายดี กรุงเทพฯ ร้อนหน่อย แต่แถวชนบทไม่เท่าไร ร้อนเป็นช่วง ๆ เท่านั้นเอง ขอให้เราปรับใจเราให้ดีก็โอเคแล้วสยามเมืองยิ้มของเราเกิดขึ้นมาเพราะคนไทยเรารู้จักปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม แล้วมีหลักธรรมในพุทธศาสนาเป็นเครื่องเชิดชูใจเพราะฉะนั้นแม้อากาศจะร้อนอย่างบ้านเราก็ถือเป็นแบบร้อนพอมีสีสันชีวิต พอถึงหน้าหนาวก็ไม่ได้หนาวเอาตายเหมือนฝรั่ง หนาวพอให้เราได้หยิบเสื้อกันหนาวมาใช้ ฉะนั้นให้คิดว่าเป็นสีสันชีวิตเท่านั้น ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงถ้าเราปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิ เราก็จะอยู่ได้อย่างสบาย ๆ

 

คนใจร้อนกับคนเจ้าโทสะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร?

      ไม่เหมือนกันทีเดียว แต่มีส่วนที่คล้าย ๆ กัน คือ คนที่ใจร้อนมีโอกาสจะเป็นคนเจ้าโทสะมากหน่อย แต่ไม่เหมือนกันเสียทุกอย่าง จุดต่างสำคัญก็คือ คนใจร้อนมักจะเอาใจไปผูกกับเรื่องของงาน เมื่อทำงานอะไรก็อยากให้เสร็จเร็ว ๆ สั่งงานอะไรไปก็อยากให้ทันอกทันใจถ้าชักช้ายืดยาดรู้สึกหงุดหงิด นี่คือคนใจร้อนมุ่งที่งาน อยากให้เร็วอย่างใจ ส่วนคนเจ้าโทสะไม่ใช่เรื่องงานอย่างเดียว มันคลุมไปทั่วเลยบางทีแค่เขามองหน้าก็หงุดหงิดขึ้นมาแล้วหาว่าหมิ่นศักดิ์ศรี ยกพวกตีกันเลย มีอะไรสะกิดนิดเดียวเหมือนดินระเบิดที่พร้อมระเบิดตลอดเวลา นี่คือคนเจ้าโทสะ แต่คนใจร้อนก็มีโอกาสที่จะเป็นคนเจ้าโทสะมากกว่าคนใจเย็นใจร้อนกับเจ้าโทสะมีส่วนที่คาบเกี่ยวกัน แต่ไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียว

     แง่ดีของคนที่ใจร้อนก็มีอยู่เหมือนกันเนื่องจากใจมุ่งที่งาน คนใจร้อนจะไม่อืดอาดยืดยาด สั่งคนอื่นแล้วก็อยากให้ได้อย่างใจ คือ ใจมุ่งที่งาน ไม่ค่อยรอคนนั้นคนนี้มาทำอะไรให้ทำได้ฉันทำเลย ในเมื่อฉันยังเป็นอย่างนี้ ลูกน้องก็ต้องเป็นอย่างฉันด้วย เวลาฉันสั่งอะไรเธออย่ามาอืดอาด อะไรควรทำ ทำเลย ข้อดีของคนใจร้อนก็คือ เป็นคนเอางานเอาการ แล้วก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วย หน้าที่การงานก้าวหน้าใหญ่โต ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง

     ในแง่ของต่างประเทศ สตีฟ จ็อบส์ขึ้นชื่อลือชาเรื่องใจร้อน เรียกว่าดูจนถึงรายละเอียดทุกอย่างต้องเนี้ยบที่สุด ดีที่สุด เร็วที่สุดถ้าไม่ได้อย่างใจแล้วไม่ยอมเลย สมัยหนุ่ม ๆเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท อาละวาดจนกระทั่งบริษัทแทบระเบิด คือคนอื่นตามเขาไม่ทันเพราะเขาจี้สุด ๆ และไม่ระมัดระวังคำพูด สุดท้ายไปขัดกับซีอีโอที่ตัวเองไปเชิญมาบริหารแอปเปิล มาทำงานแค่ปีเดียวก็ขัดกับสตีฟ จ็อบส์อย่างแรงสุดท้ายพอโหวตในบริษัทปรากฏว่าซีอีโอชนะให้สตีฟ จ็อบส์ออกจากบริษัท เพราะใจร้อนมากจนคนอื่นมองว่าเป็นตัวปัญหา แต่พอสตีฟจ็อบส์ไม่อยู่จริง ๆ บริษัทก็ค่อย ๆ แย่ลง ๆ เพราะขาดนวัตกรรมใหม่ ๆ ผ่านไปไม่ถึง ๑๐ ปี สุดท้ายต้องส่งเทียบเชญิ กลับมากอบกู้บริษัทสตีฟ จ็อบส์กลับมาคราวนี้ก็กู้ได้จริง ๆ นิสัยใจร้อนยังอยู่ แต่ว่าผ่านโลกมาเยอะ ความใจร้อนลดลงบ้าง แต่การจี้ถึงที่สุดยังคงเป็นอยู่ตลอดมาจนกระทั่งเสียชีวิต นี้เป็นจุดแข็งของคนที่ใจร้อน แต่ต้องเก่งจริง ๆ ด้วยนะถ้าใจร้อนแบบบุ่มบ่ามไม่ดีแน่ ๆ

 

มีวิธีแก้ความใจร้อนอย่างไรบ้าง?

       ขอพูดเรื่องใจร้อนควบกับเจ้าโทสะไปด้วยกันเลย ตัวคุมก็คือ

      ๑. ต้องคุมด้วยศีลเสียก่อน พื้นฐานก็คือศีล ๕ เมื่อเกิดอาการใจร้อนหรือเจ้าโทสะแล้วจะต้องไม่ไปทำความเดือดร้อนให้ใคร อย่าไปล่วงละเมิดเขา จะด้วยคำพูด จะด้วยการลงไม้ลงมือ หรือการทำร้ายน้ำใจเขาด้วยเหตุใด ๆก็ตาม ต้องพยายามคุมไว้ด้วยศีลก่อน

    ๒. หมั่นนั่งสมาธิบ่อย ๆ จะเป็นตัวแก้ถ้าเราคุมด้วยศีล ใจยังไม่ได้แก้ แค่พยายามใช้สติตั้งหลักไว้ โกรธจัดแต่อย่าไปด่าเขานะอย่าลงไม้ลงมือ ศีลก็เหมือนตัวเบรก แต่ถ้าแรงผลักข้างในยังมีอยู่ไม่ได้น้อยลงมีสิทธิ์เบรกแตก เดี๋ยวอั้นไม่อยู่ก็โพล่งออกไป แล้วมานั่งเสียใจทีหลัง แต่ตอนที่เกิดเหตุคุมตัวเองไม่อยู่จะแก้และคุมตัวเองอยู่ต้องแก้ที่ใจ คือ นั่งสมาธิการนั่งสมาธิเป็นการจูนปรับใจเราให้นุ่ม นิ่งแล้วคลาย ปุ๊บปั๊บจะไปแก้เรื่องอาการใจร้อนเจ้าโทสะ แก้ไม่หาย เพราะมันติดข้ามภพข้ามชาติมา แต่อย่างน้อยจาก ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เหลือสัก ๖๐-๗๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วก็คุมด้วยศีลไปอีกชั้นหนึ่ง เริ่มจะคุมอยู่ ถ้าไม่แก้ข้างในเลยความใจร้อนยังอยู่ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เท่าเดิม จะคุมด้วยศีลอย่างเดียวเสี่ยงมาก มีสิทธิ์ที่นอตจะหลุดไปเรื่อย ๆ

 

ข้อเสียของคนใจร้อนมีผลต่อการทำงานอย่างไรบ้าง?

     มีเยอะเลย เพราะว่าเมื่อเราใจร้อน คนอื่นเขาไม่ได้อย่างใจเรา ซึ่งบางทีไม่ใช่ว่าเราถูกเขาผิด จากที่เราอยากจะได้ทันทีทันใจ พอไม่ได้ปั๊บ ก็ว่าเขาบ้าง ใช้ถ้อยคำทำร้ายน้ำ ใจเขาบ้าง ทำไมไม่เป็นอย่างนี้ ทำไมไม่เป็นอย่างนั้นซึ่งไม่ได้เป็นกับลูกน้องอย่างเดียว บางทีเป็นกับคู่ชีวิต กับลูก แล้วคำบางคำยิ่งเป็นคนใกล้ตัว
ยิ่งแรงกว่าที่ใช้กับลูกน้องอีก บางครั้งพ่อแม่ไม่ระวัง ใช้ถ้อยคำที่ทำลายน้ำใจลูก ถึงอย่างไรลูกก็รักพ่อรักแม่ แต่เหมือนเป็นแผลในใจเลยเหมือนมีปฏิกิริยาอะไรบางอย่างที่ทำให้มีปัญหาในการอยู่ร่วมกัน ไม่คุ้มเลย กับลูกน้องก็เหมือนกัน เราไปด่าเขาไม่คุ้มเลย แสดงว่าการใจร้อนเกิดโทษแล้ว

     เราใจร้อนใจเร็ว อยากให้ทุกอย่างสำเร็จและดี ก็ไปดูรายละเอียด จี้แล้วกระตุ้นอย่างใกล้ชิด พอสั่งแล้วมีการจี้ มีการติดตามงานโทร.ถามบ้าง ไปเดินดูบ้าง เห็นเขาทำไม่ถูกก็ชี้แนะเลย สอนทุกอย่าง อย่างนี้ลูกน้องไม่กล้าเฉื่อย เพราะรู้ว่าเจ้านายเอาจริง ถ้าใจร้อนอย่างนี้ยังเป็นพลังทางบวกอยู่ ต้องขีดเส้นเอาไว้ว่า “ความใจร้อนของเราต้องไม่ก้าวล่วงไปถึงขั้นทำร้ายน้ำใจของผู้อื่น” ไม่ว่าด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ตาม แค่ใช้เป็นพลังขับเคลื่อนให้ทุกอย่างรุดหน้าอย่างที่เราปรารถนาให้เร็วที่สุดเท่านั้น เราจะต้องไม่เอาความใจร้อนของเราไปสร้างโทษกับใคร ไปละเมิดใคร ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ตาม

 

ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน มีวิธีดูแลสุขภาพกายสุขภาพใจอย่างไร?

      ในช่วงหน้าร้อน ให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ช่วงอากาศแปรปรวน เช่น อุณหภูมิข้างนอก ๓๕ องศา ๓๗ องศา แต่พอฝนตกมีลมเย็นวูบเข้ามา เพียงแค่ชั่วโมงเดียวอุณหภูมิลดเหลือ ๒๕ องศาก็มี คือเปลี่ยนถึง ๑๐ องศาในเวลา ๑ ชั่วโมงเท่านั้น หรือบางทีหัวค่ำร้อนพอใกล้ฟ้าสางเริ่มเย็น ช่วงไหนที่อากาศแปรปรวนเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว คนเป็นหวัดเยอะ อากาศเปลี่ยนทำให้ไม่สบาย เพราะว่าเราปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของอากาศไม่ทัน

     เราต้องคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของอากาศ วันนี้อุณหภูมิเย็นลง เราก็ต้องดูแล้วว่าเครื่องนุ่งห่มของเราพอไหม วันนี้อากาศร้อนเราต้องหาเครื่องนุ่งห่มที่บาง ๆ ไม่ทำให้อึดอัดหรืออบอ้าวเกินไป หรืออยู่ข้างนอกร้อน แต่ที่ทำงานเรามีเครื่องปรับอากาศ เราก็ต้องเตรียมว่า ในที่ทำงานต้องมีเสื้อกันหนาว ถ้าเราปรับตรงนี้ลงตัว การป่วยเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงจะหายไปร้อยละ ๙๐ เลย เสร็จแล้วก็ต้องระวังการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิจากตัวเราเองด้วย เช่น ไปนอกบ้านมาเหงื่อโชก ถึงบ้านก็เอาพัดลมมาจ่อหรือเปิดเครื่องปรับอากาศเย็น ๆ เป่าใส่เลย เหงื่อกำลังออก ร่างกายข้างในอุณหภูมิกำลังเพิ่ม เหงื่อที่ออกมาก็เพื่อระบายความร้อน เวลาเหงื่อระเหยออกไปมันจะดูดความร้อนออกไป ทำให้ตัวเราเย็นลงนี้คือปฏิกิริยาของร่างกาย พอเราเอาพัดลมไปเป่าตอนกำลังร้อน ๆ หรือไปยืนบังหน้าแอร์แบบสะใจ เกิดอะไรขึ้นรู้ไหม ลมเย็นมาปะทะตัวเรา ร่างกายเรากำลังร้อน กำลังเหงื่อออกพอโดนความเย็นปั๊บ ลมเย็นทำให้เหงื่อระเหยเร็วขึ้น เหงื่อระเหยเร็วมันก็ดูดความร้อนไปเร็วผลก็คือร่างกายเจอภาวะอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงฉับพลัน มีโอกาสป่วย ควรระวังดี ๆ ต้องให้ร่างกายมีจังหวะในการค่อย ๆ ปรับตัวด้วย

      แล้วอาหารที่รับประทานหน้าร้อนดีที่สุด คือ อาหารขม ๆ เช่น มะระ ทำให้ร่างกายปรับตัวเรื่องความร้อนได้ดี หรือว่าแกงขี้เหล็กหรือว่าฟักบ้าง แฟงบ้าง สะเดาบ้าง พวกนี้รสขม ๆ จะช่วยทำให้เราปรับตัวในภาวะอากาศร้อนได้ดี ขอให้เราสังเกตสิ่งที่เรากินและเครื่องนุ่งห่มของเราให้ดี แล้วเราจะสามารถอยู่ในช่วงหน้าร้อนได้อย่างสบาย แข็งแรงแล้วก็อารมณ์ดีมีสุขกันทุก ๆ คน

 

ผู้ปฏิบัติธรรมจะมีวิธีวางใจหรือทำใจหยุดได้อย่างไรในสภาพอากาศร้อน?

     โดยหลักจริง ๆ คือ ให้เราเอาใจของเรามาอยู่ที่ศูนย์กลางกาย ซึ่งจะพบว่า พอเราเอาใจมาอยู่ที่ศูนย์กลางกาย แม้อากาศข้างนอกจะร้อน แต่ใจของเรากลับเย็น ศูนย์กลางกายคือจุดที่สมดุลที่สุดในทุกด้าน อยู่เมืองร้อนข้างนอกร้อน ๔๐ องศา แต่พอเราเอาใจมาอยู่ที่ศูนย์กลางกาย รู้สึกเหมือนติดแอร์ ใจสบายมีความสุข ลืมอาการหงุดหงิดเพราะเหนียวตัวใจมีสุขจากภายใน ถ้าอยู่เมืองหนาว แม้อากาศข้างนอกเย็นยะเยือกติดลบก็ตาม เอาใจมาอยู่ที่ศูนย์กลางกายเมื่อไรจะรู้สึกอบอุ่น สบายเพราะจุดนี้เป็นจุดที่สร้างสมดุลให้แก่ใจของเราแล้วส่งผลถึงร่างกายเรา ทำให้สามารถปรับตัวรับกับภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงภายนอกได้อย่างดี

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล