ฉบับที่ 39 มกราคม ปี 2549

Super Monk พุทธบุตรนักปราชญ์แห่งคีรีวงศ์

 

"ความประทับใจ คือ ที่หลวงพ่อมีวันนี้ได้ ก็เพราะ มีหลวงพ่อวัดปากน้ำ
ไม่มีหลวงพ่อวัดปากน้ำ หลวงพ่อก็คงไม่ได้ไปอยู่กรุงเทพ"

เรียบเรียงโดย : วิกานดา ลิมป์ธนาภิลัคน์

           อรุณรุ่งของเช้าวันใหม่มาเยือนอีกครั้ง เผยให้เห็นสีทองอร่ามตาขององค์พระเจดีย์ ที่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาดาวดึงส์ แห่งเมืองนครสวรรค์ ได้อย่างชัดเจน เป็นภาพที่นำความปลื้มปีติ แก่ผู้พบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เช่นเดียวกับการ เผยแผ่ธรรมะแห่งองค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปสู่สาธุชนทั้งหลายของพุทธบุตร แห่งบุญสถานนาม "คีรีวงศ์"

            พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เมตตาเล่าถึงสภาพวัดให้ฟังว่า " ที่วัดคีรีวงศ์ เดิมมีพระธุดงค์ พบซากวัตถุโบราณ ก็สงสัยว่าจะเป็นวัดร้าง จึงแจ้งกรมการศาสนา และกรมศิลปากรทราบ และมาสำรวจปี พ.ศ.๒๕๐๗ สำหรับพระธุดงค์ชวนญาติโยมมาสร้างกุฏิเล็กๆ อยู่ ๔-๕ หลัง แต่ถูกต่อต้านจากประชาชน ที่เขาครอบครองที่อยู่ ก็เลยอยู่ไม่ได้ องค์อื่นน่ะไม่มีใครอยากมาหรอก สมัยนั้นอยู่บนป่าบนเขา น้ำประปา ไฟฟ้าไม่มี สถานที่วัดคีรีวงศ์นี้มีเนื้อที่มาก มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน ถ้าหากมาพัฒนาให้เจริญแล้ว ก็สามารถทำประโยชน์ ให้แก่พุทธศาสนา และประชาชนได้มาก หลวงพ่อตั้งใจจะสร้างสำนักปฏิบัติธรรม ก็เลยตัดสินใจเสี่ยงบารมีรับนิมนต์มา"

           นอกจากนี้ นายสนิท กมุทชาติ ซึ่งเป็นช่างก่อสร้างวัดคีรีวงศ์ได้เล่าว่า" วัดคีรีวงศ์นี้เป็นวัดที่มีแต่ป่า มีศาลากุฏิเล็กๆ มุงสังกะสีเป็นเพิงเล็กๆ ไม่ใหญ่โตมุงกระเบื้องอย่างนี้หรอก"            

             เมื่อครั้งยังเป็นสามเณร พระเดชพระคุณพระวิกรมมุนี หรือสามเณรบุญรอดในขณะนั้น ได้มีโอกาสไปศึกษานักธรรมบาลีที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ

             โดยการสนับสนุนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ (สด จนฺทสโร) จนสามารถสอบเปรียญธรรมประโยค ๓ ได้สำเร็จ
            
             ต่อมา เมื่อท่านได้รับมอบหมายให้มาฟื้นฟูวัดคีรีวงศ์ ซึ่งเป็นวัดร้างที่มีกลุ่มคน หลายกลุ่มเข้ามาครอบครอง และแสวงหาผลประโยชน์อยู่ก่อนแล้ว แต่ท่านก็ยังคงมุมานะ ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา อย่างต่อเนื่องท่ามกลางความขัดแย้งโดยมีเมตตาธรรมเป็นเกราะป้องกันภัย

            อุปสรรคที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เจอนั้นมีทั้งปัญหาจากภายใน และภายนอกพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เล่าว่า " ตอนที่หลวงพ่อมาอยู่ ๓ เดือนนั้น มีปัญหาภายในก็มีทหาร กับแม่ชีมาตั้งตัวเป็นผู้วิเศษมาหาผลประโยชน์ ส่วนปัญหาภายนอกก็ถูกต่อต้าน จากคนที่ต้องการครอบครองที่ดิน พอออกพรรษาหลวงพ่อจึงประกาศยกเลิก ไม่ให้มีการรักษาคนป่วย ไม่ให้เสดาะเคราะห์ต่อชะตาอีก ต้องการจะมุ่งสร้างเป็นสำนักปฏิบัติธรรมเผยแผ่ธรรมะ

 

 

           ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นวัด ไม่มีกำแพง มีผู้ครอบครองที่ดินวัดอยู่ จะขายที่ดินในเขตวัดให้คนอยู่อาศัย หลวงพ่อก็ห้าม เขาก็ไม่เชื่อ หลวงพ่อเลยคิดทำกำแพงป้องกันไม่ให้คนมารุกล้ำ มีคนหนึ่งที่เป็นข้าราชการตำรวจ ซึ่งมีบ้านติดกำแพงมาคัดค้าน ตอนกลางคืนเราปักหลักไว้ แล้วเขาก็มาถอนทิ้ง กลางวันเราก็ให้ช่างทำต่อ จนมีปัญหาคือ เขากั้นปิดทางไม่ให้คนเดิน ต้องร้องเรียนไปถึงอธิบดีกรมตำรวจสมัยนั้น เขาก็เปิดทางให้ ต่อมาเขาก็ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ พอตอนเย็นเขาก็กินเหล้าและยิงปืนขู่เป็นประจำ ต่อมาเขาจ้างมือปืนมาเก็บ แต่แคล้วคลาดเพราะมาพบสามเณรก่อน ภายหลังคนที่คิดร้าย ๔-๕ คนก็มีอันเป็นไปหมด เป็นอัมพาตบ้าง โดนยิงตายบ้าง เป็นมะเร็งตายบ้าง เป็นตับแข็งตายบ้าง ในระยะ ๒ ปีก็ตายหมด"

            ด้วยความรักในการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน และความพากเพียรในการสั่งสอน อบรมพุทธบริษัท ๔ มาโดยตลอด ทำให้วัดที่อดีตเคยร้างแห่งนี้เป็นสถานที่รองรับผู้แสวงบุญจากทุกสารทิศ และเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ประจำจังหวัดนครสวรรค์ดังที่ ท่านตั้งใจไว้ได้สำเร็จ

             ไม่เพียงแต่การพัฒนางาน พระศาสนาภายใน วัดคีรีวงศ์เท่านั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อยังสนับสนุนงานของการคณะสงฆ์ เช่น การจัดประชุมคณะสงฆ์ในวาระต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมายจากกรมการศาสนา รวมทั้งเป็นทนายแก้ต่างให้แก่พระศาสนาตลอดมาอีกด้วย

             " พูดถึงรายการดาวธรรม หลวงพ่อคิดว่าถ้าหากมีมากๆ จะเป็นประโยชน์ในด้านกระตุ้นจิตใจ ของคนเราให้รู้สึกสำนึกในเรื่องบุญบาป หรือการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องบ้าง เพราะว่ารายการโทรทัศน์ทั่วๆ ไป เป็นรายการส่งเสริมเรื่องราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ความมัวเมาลุ่มหลงมาก จนทำให้จิตใจคนเราตกต่ำ แต่ว่ารายการดาวธรรมนี้เป็นรายการ ที่ยกระดับจิตของคนให้สูงขึ้นด้วยสติ สมาธิ ปัญญา คือ ทำให้โลภะ โทสะ โมหะ มันลดน้อยลง เพราะทำให้กลัวบาป แล้วก็อยากทำบุญกุศล ทำความดี

             การเผยแผ่ธรรมะของวัดพระธรรมกาย หลวงพ่อเคยติดตามผลงาน มาตั้งแต่เริ่มสร้าง ตั้งแต่เป็นศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม สมัยที่มีหนังสือพิมพ์สื่อมวลชนโจมตี ว่าวัดสอนผิด หลวงพ่อก็มีหนังสือคัดค้าน ไปหลายแห่ง ตอนนั้นชี้แจงไปฝ่ายบ้านเมืองด้วย ฝ่ายคณะสงฆ์ด้วยว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านก็สอนเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา วัดพระธรรมกายก็สอนเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา และส่งเสริมเรื่องการศึกษา การปฏิบัติ และการเผยแผ่ธรรมะว่าผิดได้อย่างไร เพราะฉะนั้นการทำงานจิตใจ ต้องมั่นคง ถ้าเราทำดีแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะเด่นจะดัง หลวงพ่อก็ขอให้ญาติโยมสาธุชน หรือว่าลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นพระสงฆ์ มีความรักสามัคคีกัน และช่วยผนึกกำลังทำงานเผยแผ่ธรรมะ และทำงานปกป้องพระพุทธศาสนา ส่งเสริมศีลธรรม คุณธรรมเพื่อช่วยเหลือประเทศชาติ และสังคมชาวโลกนี้ ให้เกิดความสงบเย็น และอยู่ด้วยกันด้วยความเป็นสุข หลวงพ่อคิดว่าถ้าทำได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก"

 

 

               ๔๐ ปีแห่งการทุ่มเทชีวิตพลิกผืนป่าให้เป็นธรรมสถาน เพื่อการประพฤติปฏิบัติธรรม ดังที่เห็นเป็นวัดคีรีวงศ์ ในวันนี้ พระเดชพระคุณพระวิกรมมุนี ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กระนั้นท่านก็ไม่เคยหวั่นไหว ต่ออุปสรรคใดๆ ยังคงสรรสร้างมรดกธรรม ที่มีคุณค่ายิ่งต่อพระศาสนาและแผ่นดินเกิด ให้อนุชนรุ่นหลังได้ปลื้มปีติ และสืบสานงานเผยแผ่ธรรมะ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป

             ด้วยผลงานที่มีคุณค่ายิ่งเช่นนี้ อาจกล่าวได้ว่าพระเดชพระคุณพระวิกรมมุนี คือเพชรแท้ในพระพุทธศาสนา ที่เปล่งประกายสดใสงามจับตาจับใจ เป็นพุทธบุตรต้นแบบ ที่ควรค่าแก่การสักการะบูชาอย่างแท้จริง

          หากผู้นำบุญท่านใดต้องการแนะนำข้อมูลดีๆเกี่ยวกับพุทธบุตรก็สามารถติดต่อมาได้ทางอีเมลล์ [email protected] ขอกราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านล่วงหน้าค่ะ 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล