ฉบับที่ 48 ตุลาคม ปี 2549

แกรี สเตรช ดาวดังแห่งฮอลลีวูด ผู้ปลีกตัวจากโลกมายา เพื่อค้นหาโลกแห่งความจริงภายใน

สมาธิเปลี่ยนชีวิต

เรื่อง : Son Backhome

 

 

              ผลงานการแสดงทั้งจากภาพยนตร์และละครกว่า ๕๐ เรื่อง ในอาณาจักรมายาระดับโลก นามว่า "ฮอลลีวูด" อาจจะทำให้หลายๆ คนรู้จักดาวดังผู้นี้ในบทบาทการแสดงที่แตกต่างกันไป แต่ในเรื่องราวของเขานับจากบรรทัดนี้ คือ เรื่องจริงของแกรี สเตรช ผู้หลงใหลโลกแห่งความจริงที่อยู่ภายใน และยืนยันว่า "แม้ต่างชาติ ต่างศาสนา แต่ศูนย์กลางกาย ไม่ต่างกัน" ..และ นี่คือ เรื่องราวชีวิตจริงจากถ้อยคำของดาวดังท่านนี้

               "ผมแกรี สเตรช ตั้งแต่ผมอายุแค่ ๑๐ ปี ปัญหาที่เกิดในชีวิตได้กลายเป็นรอยแผลในใจผมตลอดมา ผมกลายเป็นเด็กเกเร ทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียน ส่งให้ผมได้เข้าไปอยู่ในค่ายมวย และทำให้ผมได้เป็นนักมวยอาชีพเมื่ออายุเพียง ๑๖ ปี ชกไปชกมาจนได้เป็นแชมป์โลก แล้วก็เบื่อวงการจึงแขวนนวมตอนอายุ ๒๖ ปี แล้วไปเป็นนายแบบของเวอร์ซาเช

 

 

            ช่วงหนึ่งผมได้ไปที่นิวยอร์ก วันหนึ่งผมกำลังเดินเล่นรอบๆ แมนฮัตตัน ผมเห็นหญิงสูงวัยคนหนึ่ง พยายามจอดรถตรงที่จอด อยู่ๆ ก็มีชายหนุ่ม ๒ คน พยายามจะแย่งที่จอดรถของเธอ และชาย ๒ คนนั้นพูดจาหยาบคายมาก พร้อมกับเอากำปั้นทุบรถเธอ ผมเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจเดินเข้าไป ชายคนหนึ่งดึงมีดออกมา ผมจึงพูดว่า "คุณจะทำอะไรน่ะ คุณจะแทงผมเพียงเงินแค่ ๒๐ เซนต์ (๘ บาท ค่าที่จอดรถ) เนี่ยะนะ" "ใช่! ชั้นกำลังจะฆ่าแก" ผมจึงตรงดิ่งไปหาแล้วบอก "เอาเลย..แทงมันตรงนี้สิ เพียงคุณทำให้มันเป็นแค่รูเล็กๆ ผมก็จะได้ฉีกคุณเป็นชิ้นๆ" ได้ยินดังนั้นชายหนุ่มทั้ง ๒ ก็หนีกระเจิงไป ผู้หญิงสูงวัยคนนั้นหันมาขอบคุณผม และมันช่างบังเอิญเหลือเกิน เพราะเธอเป็นผู้ฝึกสอนนักแสดงที่มีชื่อเสียง เธอชวนผมไปที่สตูดิโอของเธอ ผมบอกเธอว่า "ผมอยากเป็นนักแสดง" เธอตอบว่า "เริ่มงานวันจันทร์เลย" นั่นคือก้าวแรกของการก้าวมาสู่โลกมายา "ฮอลลีวูด" ของผม ผมได้เข้าร่วมแสดงหนังและละครรวมกว่า ๕๐ เรื่อง (ในนั้นเป็นบทเด่นในภาพยนตร์จำนวน ๑๖ เรื่อง และผม ได้สร้างหนังเองจำนวน ๒ เรื่อง)

 

 

             จนกระทั่งผมได้มา ประเทศไทยเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ มีคนชวนผมมา ที่วัดพระธรรมกาย ตอนที่ผมเห็นวัด และผู้คนที่นี่ ผมทึ่งและประหลาดใจมาก ที่คนจากทั่วเอเชีย และทั่วโลกมาที่นี่ จนผมอยากทำสารคดีเรื่องราวที่นี่เพื่อเปิดเผยให้คนทั่วโลกได้เห็นว่า คุณควรจะเห็นเส้นทางชีวิตของตัวเอง ผมว่ามันวิเศษมาก ผมอยากให้ทั่วโลกได้เห็นภาพนี้ พวกเขาควรจะได้เห็นวัฒนธรรมที่ดีงาม ถ้าเขาได้มองเห็นวิถีชีวิตที่ดีของผู้อื่น เขาจะมีทางเลือก ดังนั้นการเปิดเผยเป็นสิ่งสำคัญ ผมจะมีความสุขมากเลย เพราะผมจะได้ทำในสิ่งที่ดีงาม ถ้าผมเปลี่ยนคน ๑ คนให้ดีขึ้นได้ ก็คงเป็นสิ่งที่มีค่า ที่นี่ผมได้เจอคนดีๆ ทั้งนั้น ทุกคนเป็นคนดี ที่นี่ผมไม่เห็นการต่อสู้ ไม่เห็นใครทำร้ายใครเลย ผมประทับใจมากๆ และผมได้ไปกราบหลวงพ่อด้วยครั้งแรกที่เห็นท่าน ผมรู้สึกว่า หลวงพ่อมีความพิเศษเฉพาะตัว ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร แต่ผมรู้สึกตรึงใจตั้งแต่แรกเห็น แปลกนะ ราวกับผมได้รู้จักท่านมานานแล้ว อยู่กับท่านแล้วรู้สึกสบายใจมาก ผมไว้วางใจในตัวท่านในทันที ท่านพูดเพียงนิดหน่อยในช่วงเวลานั้น ผมปลื้มมากที่ได้อยู่กับท่าน ซึ่งมันทำให้ผมภูมิใจ และอัศจรรย์ใจไปเป็นสัปดาห์ ผมคิดว่า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมสามารถเรียนรู้ จากหลวงพ่อได้ ช่างเป็นประสบการณ์ที่วิเศษมาก

            ผมโชคดีมากที่ได้มานั่งสมาธิ มันค่อนข้างยากตอนที่ผมเริ่มหัดนั่ง ผมก็อดทนนั่งไปกว่า ๒-๓ สัปดาห์ ความรู้สึกยากก็หายไป ผมชอบมาก ผมก็คงเป็นเหมือนคนส่วนมากในโลกที่ไม่เคยนั่งสมาธิมาก่อน ดังนั้นผมเห็นปุ๊บ จึงอยากลอง โอ้โห..มัน วิเศษจริงๆ หลังจากนั่งสมาธิ ผมรู้สึกเหมือนยกกระเป๋าออกจากหลัง ผมรู้สึกเบาลง พึงพอใจกับชีวิตมากขึ้น สมาธิช่วยล้างใจผม บางครั้งแค่ความสงบ ก็เป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว จิตใจได้พักผ่อนและผมมีพลังมากขึ้น เป็นประโยชน์มาก ดีเยี่ยมเลย ผมนั่งสมาธิทุกวัน วันละ ๒ ครั้ง ถึงแม้งานจะยุ่ง ตลอดวัน แต่ผมจะหาเวลานั่งสมาธิให้ได้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ผมรักการนั่งสมาธิมาก ผมชอบมากๆ เลย ผมคิดว่า การนั่งสมาธิเท่ห์ดี

                เมื่อก่อนการดื่ม (เหล้า เบียร์ ไวน์) เป็นเรื่องใหญ่ ผมไม่เคยคิดจะเลิก แต่การนั่งสมาธิช่วยให้ผมเลิกดื่ม ผมคิดว่า คนเราหาโอกาสดื่มกันมากไป พอมีความสัมพันธ์ไม่ดี (มีความทุกข์) ก็อยากดื่มให้ลืม เพื่อหาทางผลักความทุกข์ออกไป แต่มันใช้ไม่ได้หรอก มีแต่ยิ่งแย่ลง การนั่งสมาธิสามารถ มาแทนที่ความอยากดื่ม ผมไม่คิดถึงการดื่มอีกเลย มันรู้สึกพิเศษมากสำหรับผม นี่คือ การเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ เพื่อนผมชื่อเดวิด วินเทอร์ เป็นผู้กำกับหนังถามผมว่า "คุณไม่ดื่มแล้วเหรอ" "ใช่ ผมไม่ดื่มอีกเลยนับตั้งแต่มาวัด"

                       งานของผมต้องเดินทาง เจอคนมากมาย จึงยากมากที่จะเจอ กับความพอดีของชีวิต ผมพบว่า สมาธิ เพียงครึ่งชั่วโมงจากที่ทำงาน ในบ้าน ในโรงแรม หรือบางทีก็บนเครื่องบิน ทำให้สบายขึ้นมาก ผมมักต้องพูดคุยกับคนรอบๆ ตัว ดังนั้นก็ ถึงเวลาที่ผมอยากฟังตัวเองบ้าง สมาธิทำให้ผมหยุด และมีโอกาสหายใจ ผมนั่งสมาธิก่อนจะตัดสินใจธุรกิจ เอาใจไปจรดอยู่ที่ศูนย์กลางกาย ในกลางท้อง ก่อนจะตัดสินใจว่า ควรทำอะไรลงไป ถ้าใจผมไปอยู่ตรงกลางท้องสักหน่อย ผมจะสามารถคิดและมองทุกอย่างได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ผมคิดว่า ทุกคน ในโลกน่าจะรู้จักสมาธิ เพราะตอนนี้โลกสับสน อลหม่าน เด็กที่เกิดมาพร้อมสงคราม โตขึ้นมา กับปืนในมือ พวกเขาคิดว่า มันเป็นสิ่งที่ปกติ ทั้งๆ ที่ไม่ปกติ ผู้คนน่าจะมีเวลาหาความสงบให้ตัวเอง โลกก็จะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น พวกเขาจะเห็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม

                       ถ้าวันหนึ่ง.. ผมมีไมโครโฟนและอยู่ที่ UN (สหประชาชาติ) กระจายเสียงไปทั่วโลก สิ่งแรกที่ผมอยากพูด คือ ศาสนาไม่ฆ่าใคร การเมืองไม่ ฆ่าใคร ปืนไม่ฆ่าใคร แต่ "คน" ต่างหากที่ฆ่าคน โลกไม่ดีขึ้นเลย เราไม่อาจต่อสู้ รบราฆ่าฟัน เพื่อสันติภาพ เราน่าจะเริ่มรักผู้อื่น และยอมรับผู้อื่นที่แตกต่างจากเรา ไม่ควรมาทะเลาะกัน เพียงเพราะเห็นว่าเราแตกต่างกัน เราควรจะมีชีวิตโดยช่วยเหลือกัน ที่นี่เรายินดีต้อนรับทุกศาสนา แค่มานั่งข้างๆ กันแล้วก็ทำสมาธิ ถ้าเราพบความสงบใน ตัวเอง เราก็จะสงบกับคนอื่น แม้ศาสนาจะแตกต่าง แต่เราอยู่ในโลกใบเดียวกันได้ ผมคิดว่า ผู้นำของโลก ควรจะนั่งลงและมาคุยกัน ตอนที่ผมเล่นหนังเรื่อง "อเล็กซานเดอร์" ซึ่งเกี่ยวกับสงครามครั้งใหญ่ มันทำให้ผมนึกถึงว่า ถ้าเราเรียนรู้จากอดีตจะพบว่า "สงคราม" ไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย แต่ถ้าเราพบ สันติภาพกับตัวเองเสียก่อน คุณจะมองเห็นโลก ในภาพที่ไม่เหมือนเก่า เราจะยอมรับ และรักคนอื่น และจะใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างกลมกลืน ท่ามกลางความแตกต่างระหว่างกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

            ขอบพระคุณหลวงพ่อที่ได้แนะนำให้ผมรู้จักสมาธิ และยังทำให้ผมเลิกเหล้าได้ โลกใบนี้จะเปลี่ยนแปลง ไปในทางที่ดีขึ้นได้จริงๆ หากทุกคนได้ทำสมาธิครับ"

           จากเรื่องราวของแกรี เป็นเครื่องยืนยันว่า แม้มีความแตกต่างทางศาสนา แต่เราอยู่ในโลกใบเดียวกันได้ ถ้าทุกชาติ ทุกศาสนา แค่มานั่งสมาธิข้างๆ กัน เมื่อเราพบความสงบในตัวเองโลกจะสงบและมีสันติสุขอันไพบูลย์

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล