ฉบับที่ 96 ตุลาคม ปี2553

ครูคือใคร ครูผู้กุมชะตาชีวิตคนทั้งโลก

พระธรรมเทศนา

 



 

"ครูคือใคร"

ตอนที่ ๒

เรียบเรียงจากโอวาทพระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว)

ครูผู้กุมชะตาชีวิตคนทั้งโลก

        ครูคนแรก คือ พ่อแม่ ทำหน้าที่ป้องกันมิจฉาทิฐิ

        ครูคนที่ ๒ คือ ครูในโรงเรียน มีหน้าที่แก้ไขส่วนที่ไม่ดีและป้องกันแววที่ไม่ดีแก่ ลูกศิษย์

        ครูคนที่ ๓ คือ สมณะ มีหน้าที่ดับมิจฉาทิฐิล้วน ๆ

        แน่นอนว่า ถ้า ๓ คนนี้รวมอยู่ในคนเดียวได้ วิเศษมาก แต่ยาก

        ถ้าทั้ง ๓ คนนี้อยู่ในตัวคนเดียวไม่ได้ เช่นนั้นทั้ง ๓ คนต้องมาช่วยกัน

        เพราะฉะนั้น มีแต่ศาสตร์อย่างเดียวไม่พอ คือ มีวิชาการเลี้ยงชีพและรักษาสุขภาพไม่พอ ต้องมีวิชาการด้านศีลธรรมด้วย คนที่อบรมตัวเองมาดี บอกเขาแค่นี้เขาก็ไปทำได้ แต่ที่ยากคือ คนที่เสียไปแล้ว จะแก้ไขให้ปิดนรกเปิดสวรรค์ได้เป็นเรื่องหนัก จะมีศาสตร์อย่างเดียวไม่ได้

         ก่อนที่จะให้คนอื่นทำได้ ตัวเองต้องทำได้ก่อน
        เพราะฉะนั้น ในทุกสายอาชีพ แพทย์ วิศวกร สถาปนิก เภสัชกร กว่าจะเรียนศาสตร์ ของเขาจบก็หนักแล้ว แต่กว่าจะเปลี่ยนศาสตร์เป็นศิลป์ได้ไม่ใช่ง่าย

        กว่าแพทย์จะรักษาคนไข้ได้ วิศวกรจะก่อสร้างได้ สถาปนิกจะออกแบบได้ นี่เป็น ศิลป์ขั้นต้น เอาวิชาความรู้มาเปลี่ยนเป็นฝีมือ คือเอาความรู้ดิบ ๆ มาใช้งานให้สร้างประโยชน์สุข ในการดำรงชีพได้ นี่เป็นศิลป์ขั้นต้นที่ยังต้องฝึกแทบตาย

        แต่การจะปิดนรกเปิดสวรรค์ได้ จะต้องใช้ศิลป์อีกขั้นหนึ่งที่จะเปลี่ยนความรู้ขั้นต้น มาใช้สร้างบุญได้ เพราะว่าต้องฝึกนิสัยอายความชั่วกลัวความบาปให้เกิดขึ้น ภาษาพระ เรียกว่า มีหิริโอตตัปปะหรือเทวธรรม นี้คือศิลป์ตัวจริง เป็นศิลป์สำหรับปิดนรกเปิดสวรรค์ ผู้ที่จะสอนศิลป์ขั้นสูงนี้ได้ ก็ต้องเป็นครู

        แต่ศิลป์ขั้นสูงสุด คือ เปิดนิพพาน ผู้ที่ทำได้คือสมณะ นั่นคือโคตรของศิลป์

        คนที่จะเป็นครูอาจารย์ได้ก็ต้องมีศาสตร์และศิลป์ที่เหนือกว่าลูกศิษย์
        ๑. ต้องรู้จริง ทำได้จริง ความประพฤติดีเยี่ยมจริง สามารถตั้งหลักฐานได้ และ ปิดนรกเปิดสวรรค์ให้ตัวเองได้
        ๒. สอนให้ลูกศิษย์ทำได้จริง ความประพฤติดีเยี่ยมจริง ตั้งหลักฐานได้ และปิดนรก เปิดสวรรค์ให้ตัวเองได้ ในหนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึงในระดับนี้
    ๓. สอนในระดับที่เปิดนิพพานให้ตัวเองและลูกศิษย์ได้ เป็นเรื่องของสมณะ จะไม่พูด ถึงมาก หากจะพูดถึงก็จะพูดในลักษณะเหนือฟ้ายังมีฟ้า เพื่อจะแก้ไขมิจฉาทิฐิระดับลึก ๆ ของลูกศิษย์ ก็ต้องไปเอาศิลป์ชั้นสูงของสมณะท่านมาแก้ไข เพื่อว่าไปเจอลูกศิษย์แสบ ๆ เราหักเขาไม่ลง ก็คว้าข้อมือเขาไปหาสมณะ ครูคนที่ ๓ ช่วยดัดสันดานให้

        เพราะฉะนั้น การที่ใครจะเป็นครูดีมีทั้งศาสตร์และศิลป์ได้ ก็ต้องปฏิบัติตามวุฒิธรรม

วุฒิธรรม ๔
        ครูที่จะเป็นครูดีได้ก็ต้องได้ครูที่มีศาสตร์และศิลป์ฝึกอบรมให้ นั่นคือ ต้องฝึกตัวเอง ตามหลักวุฒิธรรม ได้แก่
        ๑. ต้องหาครูดีให้พบ
        ๒. ต้องฟังคำครูดีให้ชัด
        ๓. ต้องตรองคำของครูดีให้ลึก
        ๔. ต้องปฏิบัติตามคำของครูดีให้ครบ

        แต่การที่เรามองเรื่องนี้ไม่ออก เพราะเราจะเอาแต่การทำมาหากินในโลกนี้ ไม่ได้คิดถึง ชีวิตหลังความตายในโลกหน้า ทั้ง ๆ ที่ศาสดาในแต่ละศาสนา ได้มองไปถึงเรื่องนรกสวรรค์ กันทุกศาสนา

        เพราะฉะนั้น ครูที่มองแต่ชีวิตปัจจุบันอย่าไปเอามาเป็นครู เพราะไม่มีศิลป์ที่จะ ปิดนรกเปิดสวรรค์ให้ลูกศิษย์ได้

        แต่ที่โลกยุคปัจจุบันนี้เกิดความผิดพลาด ก็เพราะมองอาชีพครูเป็นเพียงผู้มีความรู้ ในเรื่องนั้น ๆ แล้วไปจ้างมาสอนหนังสือ ไม่ได้มองว่าครูต้องเป็นผู้ที่สามารถเปลี่ยนศาสตร์ ที่รู้ให้เป็นศิลปะในการดำรงชีพได้ ถ้ายังทำไม่ได้เรียกว่าผู้มีความรู้ แต่ยังไม่ใช่ครู

        บางทีพอเห็นเขาจบปริญญาตรีด้านนั้นด้านนี้ก็ไปเอาตัวเขามา แต่ยังไม่ได้ศาสตร์และศิลป์ในการเลี้ยงชีพด้วยซ้ำ แล้วก็คิดว่าเขาเป็นเรือจ้าง ไปเอาเขามาเป็นครู มาบรรจุ มาสอน ก็ได้แต่คนที่เป็นลูกจ้างสอนหนังสือแต่ยังไม่ใช่ครู พวกนี้ขายแต่ค่าแรงในการ พายเรือจ้าง ไปยืนสอนหน้าชั้นปาว ๆ ขายความรู้ แต่ยังไปไม่ถึงขั้นศิลป์

        ชาวโลกที่ตำหนิครูว่าเป็นคนพายเรือจ้าง ก็แสดงว่าคนที่ตำหนิก็ไม่รู้จักครูจริง ๆ

        ใครที่มีอาชีพเป็นครูแล้วไม่ได้รับเกียรติจากลูกศิษย์ ก็อย่าไปโทษลูกศิษย์ ฟ้อง ว่าการเอาความรู้มาเปลี่ยนเป็นความสามารถให้แก่ลูกศิษย์ของตัวเองยังไม่มี ยังไม่ต้องพูดถึงศิลปะในเรื่องการปิดนรกเปิดสวรรค์ให้ลูกศิษย์ ซึ่งเป็นศิลปะขั้นสูงกว่านั้นมากมาย นัก

        เพราะตัวเองยังดูไม่ออกว่า เราไม่มีศิลปะแห่งความเป็นครู จึงเป็นได้แค่เรือจ้าง ศิลปะแห่งความเป็นครูไม่ใช่เรื่องธรรมดา

        เพราะฉะนั้น เมื่อก่อนนี้เอกชนก็ตาม รัฐบาลก็ตาม จะรับใครเป็นครูจะต้องคัดแล้ว คัดอีก คนที่ฉลาดที่สุดต้องเลือกมาเป็นครู และยังต้องมาทดสอบว่า รักความเป็นครูจริง หรือไม่ ถ่ายทอดความรู้ให้ลูกศิษย์ได้จริงหรือไม่ โรงเรียนฝึกหัดครูจึงจำเป็นต้องเกิด ขึ้นมา แต่วันนี้มักง่าย เอาของดีที่มีอยู่แล้วไปโยนทิ้ง แล้วมองว่าครูเป็นแค่ลูกจ้างสอน หนังสือ คัดเลือกใครมาเป็นก็ได้ เท่ากับเป็นการประจานว่าตัวเองโง่ และดูถูกภูมิปัญญาของพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายด้วย

ครูที่มีศาสตร์และศิลป์
        ท่านที่เป็นครูอยู่แล้ว ก็ต้องสำรวจตัวเองว่า ตัวเองอยู่ในระดับไหน
        ๑. มีศาสตร์ แต่ไม่มีศิลป์
        ๒. มีศาสตร์ และมีศิลป์ปิดนรกเปิดสวรรค์ให้ตัวเองได้
        ๓. มีศาสตร์ และมีศิลป์ปิดนรกเปิดสวรรค์ให้ลูกศิษย์ได้

        ครูประเภทที่ ๓ นี้ สมัยโบราณมีมาก แต่ยุคนี้เรามองข้ามศีลธรรม ครูประเภทนี้จึงหายไปจากสังคมจนจวนจะหมดอยู่แล้ว

        ครูประเภทที่ ๓ นี้ เวลาเดินไปบนถนน ทั้งพ่อทั้งลูกจูงมือกันมาเห็นท่าน ก็จะบอกว่าครูท่านนี้ไม่ใช่แค่ครูของลูกเท่านั้น เป็นครูของพ่อด้วย เป็นเพื่อนของปู่ด้วย ที่พ่อมีความรู้มาสอนลูกได้ทุกวันนี้ก็เพราะได้ครูท่านนี้สอนมา ไม่ใช่เฉพาะพ่อเท่านั้น ปู่ของลูกก็ได้ครูท่านนี้คอยช่วยเหลือกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนแล้ว

        ครูประเภทที่ ๓ นี้ ลองนึกดูว่าภาระท่านจะหนักแค่ไหน เพราะต้องแก้ไขความเป็นมิจฉาทิฐิ ที่กว่าจะรู้ว่าตัวเองมีก็ยังยาก เพราะฉะนั้น ท่านเหล่านี้แบกภาระหนัก แต่ ท่านก็ทำสำเร็จ และเพราะท่านทำสำเร็จ เมื่อท่านไปถึงไหนเขาถึงเรียกท่านว่าปูชนียบุคคล ท่านเป็นคนที่ควรกราบไหว้จริง ๆ เพราะคนเราอย่าว่าแต่จะแก้ไขนิสัยเลว ๆ ให้คนอื่นเลย แก้ให้ตัวเองยังยาก อย่าว่าแต่แก้ไขตัวเองเลย แค่จะรู้ว่าตัวเองมีนิสัยเลว ๆ ก็ยังยาก แต่ท่านเหล่านี้รู้ จึงแก้นิสัยให้คนทั้งหมู่บ้านได้ ทำให้ทั้งย่านนั้นอยู่กันอย่างสงบ

        ความสงบของสังคมไม่ได้ตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ต้องได้ครูมาสอน ครูที่สอนได้ก็เหมือนเทวดาเดินดินมาเสกคนให้เป็นคนดี

        เทวดาท่านนี้น่าอัศจรรย์จริง ๆ ท่านก็มีปากเดียว มี ๒ มือเหมือนกับคนทั้งหลาย แต่ว่าถึงเวลาทำงาน เทวดาที่มี ๔ แขน ๘ มือสู้ท่านไม่ได้ เพราะท่านมีมากกว่านั้น เพราะเมื่อท่านพูดอะไรขึ้นมา คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขาเชื่อถือ เพราะว่าท่านปิดนรกเปิดสวรรค์ ให้ตัวเอง ให้คนรุ่นปู่ ให้คนรุ่นพ่อ ให้คนรุ่นลูก เพราะฉะนั้น เวลาท่านทำอะไร แม้ตัวท่าน มีแค่ ๒ มือ แต่คนทั้งบ้านทั้งเมืองต้องลงมาช่วยท่าน

        ท่านไม่ได้มีร้อยมือ พันมือ ท่านมีแค่ ๒ มือ แต่อาศัยที่ใจของท่านมีธรรมวินัย และมีใจแห่งความกรุณาของความเป็นครูอยู่เปี่ยมล้น ดูว่าท่านตัวเล็กนิดเดียว แต่ว่าท่านมีศาสตร์มีศิลป์ถึงทำได้

        ครูที่ปิดนรกเปิดสวรรค์มีหลายท่าน แต่ที่ช่วยให้คนอื่นรอดด้วยมีน้อย แต่ที่ท่านทำได้ เพราะท่านมีศาสตร์และศิลป์
ครูที่มีศาสตร์และศิลป์ไม่ได้เกี่ยงอายุมากหรือน้อย ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ ผู้หญิงหรือ ผู้ชาย มีปริญญาหรือไม่มีปริญญา แต่ท่านมีศีลธรรมพอจะอบรมตัวท่านให้บริสุทธิ์ และก็มี ความรู้ทางโลกอยู่พอประมาณ แล้วก็สามารถเปลี่ยนคำพูดของท่านมาเป็นความรู้ที่ใช้ในการ ปิดนรกเปิดสวรรค์ได้ ทุกคำพูดของท่านจึงมีแต่ความบริสุทธิ์ มีแต่ความกรุณา เพราะใจท่านมีศีลธรรมและเปี่ยมด้วยความเป็นครู

        ปัญญาทางโลกจะมากหรือน้อยก็ไม่เกี่ยง แต่ท่านมีปัญญาที่คนทั้งโลกขาดแคลน คือ ปัญญาในการปิดนรกเปิดสวรรค์ และมีความกรุณาที่มนุษย์ขาดแคลน ท่านเห็นแก่ความอยู่รอดของคนทั้งบ้านทั้งเมือง มองคนทั้งบ้านทั้งเมืองเหมือนกับลูกหลาน เหงื่อแต่ละหยด ของท่านแฝงด้วยความบริสุทธิ์ ไม่มีความคิดร้าย ๆ ออกจากใจท่าน ไม่มีคำพูดร้าย ๆ ออกจากปากท่าน ไม่มีการกระทำร้าย ๆ ออกจากตัวท่าน อย่าว่าแต่ตัวท่านศักดิ์สิทธิ์เลย แค่รอยเท้าของท่านก็ศักดิ์สิทธิ์แล้ว

        นี่คือครูที่มีศาสตร์และศิลป์ที่ชาวโลกรออยู่ ต้องช่วยกันสร้างขึ้นมาเยอะ ๆ ถ้าไม่รู้จะสร้างจากไหน ก็สร้างตัวเอง ฝึกตัวเองให้เป็นครูที่ปิดนรกเปิดสวรรค์ขึ้นมา โลกก็จะมีครู ที่มีศาสตร์และศิลป์เพิ่มขึ้นเอง

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล