ฉบับที่ ๑๖ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗

หลักการสร้างวัดพระธรรมกายของคุณยายฯ เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา พระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว)

 

 

 

เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา
พระเดชพระคุณพระภาวนาวิริยคุณ
(หลวงพ่อทัตตชีโว)

วันอาทิตย์ที่ ๓๑ เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖



             หลวงพ่อได้เล่าให้พวกเราฟังถึงเรื่องประวัติวัดพระธรรมกาย มาเป็นลำดับๆ ว่า ในการสร้างวัดพระธรรมกายนั้น คุณยายอาจารย์และพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยของเราได้ร่วมกันปรึกษาถึงหลักการสร้างวัดซึ่งหลักสำคัญส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์ที่คุณยาย ท่านได้รับการฝึกหัดขัดเกลา ควบแล้วเคี่ยวอีกจากพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ บวกกับที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยท่านก็ศึกษาค้นคว้ามาจากพระไตรปิฎกและตำรับตำราต่างๆ ท่านจึงสามารถนำหลักการของคุณยายมาใช้ในภาคปฏิบัติได้ ในที่สุด วัดพระธรรมกายก็ได้เติบโตมาด้วยหลักการนี้ วันนี้ หลวงพ่อจึงขอนำเรื่อง "หลักการสร้างวัด ฉบับสรุปสาระสำคัญ" มาฝากพวกเรา


การสร้างวัดมีหลักการที่สำคัญๆ อยู่ ๕ ข้อ ดังนี้

หลักการที่ ๑ ทีมต้องรักการปฏิบัติธรรม
              ใครที่จะมาร่วมทีมงานในการสร้างวัดนั้น จะต้องเคี่ยวเข็ญให้รักการปฏิบัติธรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ สมัยนั้นคนที่มาวัดมีหลายพวกหลายระดับมาก พวกหนึ่งเป็นผู้รักการปฏิบัติธรรมเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว พวกหนึ่งมาวัดเพราะอยากจะพิสูจน์ว่า สมาธิดีจริงหรือเปล่า อีกพวกหนึ่งมาเพราะไม่ชอบความวุ่นวาย เลยอยากจะมีวัดเงียบๆ ไม่จ้อกแจ้กจอแจ อยู่ใกล้ธรรมชาติ อารมณ์จะได้สบาย

              แต่จะเป็นพวกไหนก็ตาม ทั้งคุณยายและพระเดชพระคุณหลวงพ่อ-ธัมมชโยให้หลักการเลยว่า ต้องพยายามเคี่ยวเข็ญเขาเหล่านั้นให้รักการฝึกสมาธิภาวนา จนกระทั่งเกิดเป้าหมายชัดเจนว่า ฉันจะต้องเข้าถึงพระธรรมกายในตัวให้ได้ และต้องไปรู้เห็นธรรมะที่ลึกซึ้งทั้งวิชชา ๓ วิชชา ๘ อภิญญา ๖ ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ไล่กันไปอย่างนั้น

              เหตุที่คุณยายตั้งเป้าหมายตรงนี้ไว้ เพราะหลักในการอยู่ร่วมกันมี ๒ ข้อ คือ "ทิฏฐิสามัญญตา คือ มีทิฏฐิเสมอกัน" และ "สีลสามัญญตา คือ มีศีลเสมอกัน"

              คนเราถ้าจะไปด้วยกัน แต่ว่าเป้าหมายไม่เหมือนกัน อยู่กันคนละระดับ แล้วจะไปด้วยกันได้อย่างไร เดี๋ยวเขาก็เอาเป้าหมายไปทิ้งกลางทาง เพราะฉะนั้น จึงต้องปรับทิฏฐิให้ตรงกัน สูง ลึกซึ้งเสมอกัน

              ในขณะเดียวกันถ้าศีลของแต่ละคนยังไม่เสมอกัน คนหนึ่งพยายามรักษาศีล เพราะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่อีกคนหนึ่งศีลยังกระร่องกระแร่งอยู่ จะช้าจะเร็ว เดี๋ยวก็จะกระทบกระทั่งกัน แล้วก็ต้องแยกทางกัน

              ด้วยเหตุนี้คุณยายจึงปรับทั้งทิฏฐิและศีลให้เสมอกันด้วยการเคี่ยวเข็ญให้ทุกคนรักการปฏิบัติธรรม


หลักการที่ ๒ ฝึกทำงานเป็นทีม
              งานสร้างวัดจะเดินหน้าได้ ก็ต้องฝึกให้ทุกคนทำงานเป็นทีมให้ได้ คนเราจะดีวิเศษอย่างไร แต่ถ้าเขาไม่รักการทำงานเป็นทีม อย่าเอามาร่วมงานด้วย เพราะถ้าเอามาร่วมงานด้วย จะช้าจะเร็ว เขาจะไม่อดทนต่อการกระทบกระทั่ง เดี๋ยวก็มีเรื่องงอแง แล้วจะทำให้หมู่คณะรวน


หลักการที่ ๓ ของทุกอย่างเก็บไว้เป็นกองกลาง
              เมื่อมีญาติโยมนำปัจจัยไทยธรรมมาสนับสนุนการสร้างวัด จะต้องตั้งระบบการบริหารการเงินและทรัพย์สินไว้อย่างดี โดยมีหลักว่า ของทุกอย่างที่ได้มาต้องเอาไว้เป็นกองกลางแล้วบริหารกันไป อย่างนี้จะทำให้เกิดความเสมอหน้ากัน คือเมื่อของทุกอย่างเป็นกองกลางแล้ว เวลาใครมีความจำเป็นต้องการอะไร ก็มาเบิกไปใช้ โดยเอาไปส่วนที่น้อยที่สุด จำเป็นที่สุด เหลือนอกจากนั้นก็ไว้ตรงกลางนั่นแหละ หรืออยากจะเอาอะไรไปใช้ ก็เสนอเรื่องเข้าที่ประชุมแล้วก็จัดสรรปันส่วนกันไป นี่ก็เป็นหลักการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงวางไว้นั่นเอง


หลักการที่ ๔ ลบค่านิยมที่ผิด สร้างเอกลักษณ์ใหม่
              คุณยายและพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยท่านพยายามลบค่านิยม ที่ผิดๆ ทิ้งไป และพยายามสร้างเอกลักษณ์ของหมู่คณะให้เกิดขึ้น

              เมื่อประมาณ ๓๐ กว่าปีก่อน ถ้าคนเข้าวัดเมื่อไร เป็นต้องถูกมองว่า มีปัญหาไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง ตั้งแต่ อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารโทรม เรื่องเหล่านี้ผู้ชายไม่ค่อยกระทบเท่าไรนัก เพราะส่วนมากเข้ามาบวชเรียนกัน แต่ฝ่ายหญิงกระทบกระเทือน เพราะประมาณ ๗๐ - ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของ ผู้ที่เข้าวัดเป็นผู้หญิง ถ้าแก้ข้อกล่าวหาว่า ผู้หญิงที่เข้าวัดมาปฏิบัติธรรม คือคนที่มีปัญหาไม่ได้ ก็เท่ากับว่า กำลังสำคัญกำลังหนึ่งทีเดียวของพระพุทธศาสนาจะถูกทำลายไป

              เพราะฉะนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยจึงให้กุศโลบายว่า ต่อแต่นี้ไปต้องรณรงค์ผู้มาวัดต้องแต่งชุดขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เป็นการสร้างให้เป็นเอกลักษณ์ของหมู่คณะ แล้วถ้าจะให้ค่อยเป็นค่อยไปคงแก้ข้อครหายาก เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นประธานในงานต่างๆ ไม่ว่าจะถวายสังฆทาน ถวายภัตตาหาร ทอดผ้าป่า หรือทอดกฐินก็ตาม จะต้องแต่งชุดขาว และต้องมาพร้อมหน้ากันทั้งสามีภรรยา มาเพียงคนใดคนหนึ่งไม่ได้ เดี๋ยวจะถูกหาว่า มีปัญหา

              ในที่สุดผ่านไปได้ไม่กี่ปี ไม่เพียงแต่มีคนแต่งชุดขาวพรึบไปทั้ง วัดพระธรรมกายเท่านั้น กลายเป็นว่า คนยังแต่งชุดขาวพรึบไปทั่วสังฆมณฑลด้วย

              ผลจากการที่คุณยายให้หลักการตรงนี้ และพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยมีกุศโลบายที่เคี่ยวเข็ญว่า เวลามาปฏิบัติธรรมที่วัดต้องมา ทั้งสามีภรรยา ในที่สุด ฝ่ายหญิงถ้าจะมาวัดคนเดียว หรือฝ่ายหญิงที่ยังไม่แต่งงานจะมาวัด ก็จะไม่ถูกมองว่า มีปัญหาอีกต่อไป


หลักการที่ ๕ จัดพิธีกรรมให้ศักดิ์สิทธิ์
              ในการจัดงานวัดแต่ละครั้งต้องจัดพิธีกรรมให้ศักดิ์สิทธิ์ โดยมีหลักการว่า จะต้องทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยผู้คนที่มามีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ยิ่งคนมีความบริสุทธิ์มากเท่าไร สถานที่นั้นยิ่งเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น เพื่อให้เห็นเรื่องนี้ชัดเจนขึ้น หลวงพ่อจะขอนำเรื่องการวางศิลาฤกษ์มาเป็นตัวอย่างให้พวกเราดู

              ในการวางศิลาฤกษ์นั้น ส่วนมากจะเป็นเรื่องของการเอาฤกษ์เอาชัย เป็นการป่าวประกาศให้ประชาชนรับรู้รับทราบโดยทั่วหน้าว่า วัดจะจัดงาน แล้วก็ใช้โอกาสนี้ ระดมทุน เพื่อสร้างโบสถ์ สร้างอาคารต่างๆ อีกด้วย นี้เป็นการจัดพิธีกรรมโดยรวมๆ แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของงานจะมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับภูมิธรรมของผู้ที่มาเป็นประธาน และผู้มาร่วมงาน ถ้าท่านประธานไม่มีภูมิธรรมอะไร ก็เป็นการทำตามประเพณี การวางศิลาฤกษ์ก็ไม่ค่อยได้อะไร อาจจะเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์นิดหน่อย

              แต่ถ้าประธานมีศีลอย่างน้อยก็ศีล ๕ มีจริยวัตรงดงาม อย่างนี้ก็จะมีเทวดาตามมาลงดูแลรักษา
ถ้าประธานได้เข้าถึงธรรมะในตัว ที่นั่นก็จะบริสุทธิ์ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เพราะจะกลั่นแผ่นดินนั้นให้บริสุทธิ์ยิ่งๆ ขึ้นไป เทวดาก็จะตามลงดูแลรักษามากขึ้น

              และถ้าประธานเป็นพระอรหันต์ มีความบริสุทธิ์มาก ท่านก็แผ่เมตตากลั่นแผ่นดินตรงนั้นให้บริสุทธิ์ขึ้นมา แผ่นดินนั้นก็จะยิ่งถูกกลั่นให้บริสุทธิ์หนักเข้าไปอีก เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ก็จะยิ่งลงดูแลรักษา สถานที่นั้นก็จะมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งขึ้นไป

              คุณยายและพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ท่านเข้าใจหลักการนี้ เพราะฉะนั้นจะจัดงานวัดแต่ละครั้ง มีหลักการว่า ต้องจัดให้มีพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ ตรงตามหลักการในพระพุทธศาสนาทุกประการ

              ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็เป็นหลักการในการสร้างวัด ๕ ข้อ ที่คุณยายและพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยถ่ายทอดมา

              สุดท้ายนี้ ขอให้ลูกหลวงพ่อทุกคนมั่นในอุดมการณ์ของพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี ทั้งมีความทรหดอดทนเป็นเลิศ ทั้งมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพาน และไม่ว่าจะประกอบกิจการงานใด ก็ให้มีหลักการที่เด่นชัด สามารถกำหนดหลักการให้สอดคล้องกับหลักการในพระพุทธศาสนาได้โดยง่ายตลอดไป และด้วยอำนาจแห่งการประพฤติปฏิบัติธรรมตามหลักการในพระพุทธศาสนา ขอให้เป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป สามารถแตกฉานวิชชาธรรมกายได้โดยง่ายทุกภพทุกชาติ ตราบถึงวันที่สุดแห่งธรรมเทอญ

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล