ฉบับที่ 85 พฤศจิกายน ปี2552

ลอยกระทง ลอยกิเลส

ปกิณกธรรม

เรื่อง : พระมหาเสถียร สุรณฺณฐฺิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙

 

ลอยกระทง : ลอยกิเลส

บุญอันเลิศย่อมเจริญแก่ผู้เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เลิศ

อายุ วรรณะ ยศ เกียรติ ความสุข และพลานามัย ย่อมเจริญแก่บุคคลนั้นด้วย


ลอยกระทง : ลอยกิเลส  บุญอันเลิศย่อมเจริญแก่ผู้เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เลิศ  อายุ วรรณะ ยศ เกียรติ ความสุข และพลานามัย ย่อมเจริญแก่บุคคลนั้นด้วย

 

        พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นเอกบุรุษ อุดมเลิศ ไปด้วยวิชชา และจรณะ เป็นบุคคล ผู้ประเสริฐที่สุดในภพสาม ทรงมีพระสัพพัญญุตญาณ ที่ไม่มีศาสดาใดจะยิ่งกว่า พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งโลก และเทวโลก พร้อมทั้งพรหมโลก อานุภาพของพระพุทธองค์ มีมากมาย ดังนั้น เมื่อเราหมั่นสอดส่องใจไปถึง พระผู้มีพระภาคเจ้าและบูชาพระพุทธองค์ แม้จะทรง มีพระชนม์ชีพอยู่ หรือว่าดับขันธปรินิพพานไปแล้ว อานิสงส์ผลบุญ ก็เหมือนกัน เราจะได้บุญอย่างเกินควรเกินคาด สามารถปิดอบายไปสวรรค์ มีความสุข ในปัจจุบันกันทีเดียว

        โดยเฉพาะในช่วงนี้ ชาวไทยได้ปรารภเหตุ วันลอยกระทง ซึ่งถือว่าเป็นประเพณีที่ดีงามสืบทอด ติดต่อกันมายาวนาน ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยที่เรียกว่า ลอยประทีปหรือลอยโคม เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา หรือบูชารอยพระบาท ณ ลุ่มน้ำนัมมทานที ประเทศ อินเดีย ซึ่งมีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกว่า

 

ลอยกระทง : ลอยกิเลส  บุญอันเลิศย่อมเจริญแก่ผู้เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เลิศ  อายุ วรรณะ ยศ เกียรติ ความสุข และพลานามัย ย่อมเจริญแก่บุคคลนั้นด้วย


รอยพระพุทธบาท ณ ริมฝั่งนัมมทานที

       สมัยหนึ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นว่าพญานาคนัมมทาเป็นผู้มีจิตเลื่อมใสในพระพุทธองค์ แม้ทรงทราบว่าพญานาคเป็นเพียงเดรัจฉานที่มีอานุภาพมาก ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ในปัจจุบันนี้ แต่ก็ทรงมีมหากรุณาเสด็จไปโปรดที่บาดาลพิภพ เพื่อจะได้เป็นอุปนิสัยในการบรรลุธรรมในภพชาติต่อไป เมื่อพระองค์เสด็จไปพร้อมพระสงฆ์หมู่ใหญ่ พญานาคราชก็ปิติยีนดีรีบแปลงร่างเป็นมาณพหนุ่ม สวมใส่อาภรณ์งดงามประดุจเทพบุตรบนสวรรค์ ขึ้นมาจากนาคบาดาล มาทำการต้อนรับพระพุทธองค์ แล้วนำเสด็จเข้าสู่นาคพิภพ

      พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดพญานาคและเหล่านาคบริวาร ให้รักษาอุโบสถศีล และให้ยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะ จากนั้น พอจะเสด็จออกจากนาคพิภพ พญานาคทูลอ้อนวอนว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงประทานสิ่งที่ควรสละแก่ข้าพระองค์สักอย่างด้วยเถิด สิ่งที่พระองค์ทรงมอบให้จะได้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ของข้าพระองค์ทั้งหลาย"

        พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอธิษฐานจิต พลางแสดงเจดีย์ คือ รอยพระบาทไว้ ณ ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทา ซึ่งตามปกติของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงมี พระฉวีวรรณละเอียด สถานที่ที่ทรงเหยียบย่ำไปเป็น เหมือนสถานที่ที่รองรับด้วยปุยนุ่น รอยพระบาทยาก ที่จะปรากฏให้ใครเห็น เหมือนรอยเท้าของม้าสินธพ ที่มีฝีเท้าเร็วดุจลม มีกำลังเร็วเหยียบลงบนใบบัว น้ำก็ไม่กระเพื่อม ดังนั้น รอยพระบาทของพระพุทธองค์ จะไม่ปรากฏทั่วไป แต่ถ้าพระพุทธองค์ทรงอธิษฐานจิต ไว้ รอยพระบาทก็จะตั้งอยู่อย่างนั้นชั่วกัปชั่วกัลป์

        เมื่อมหาชนเห็นรอยพุทธบาทจะไม่เดินเหยียบ หรือก้าวข้าม เพราะถือว่าเป็นการแสดงความเคารพ ต่อพระพุทธองค์ อีกประการหนึ่ง หากมีพุทธประสงค์ จะแสดงรอยพระบาทแก่ผู้มีบุญคนใดคนหนึ่งเป็นกรณีพิเศษ ผู้นั้นจะเห็นรอยพระบาทเป็นการเฉพาะ รอยพระบาทนั้นแม้สัตว์ป่า เช่น ช้าง เป็นต้น ก็ไม่สามารถจะเหยียบย่ำให้หายไปได้ แม้มหาเมฆหรือห่าฝนใหญ่จะตกลงมาชะล้าง ก็ไม่สามารถที่จะลบ รอยพระบาทนั้นได้

        เมื่อเป็นเช่นนี้ รอยพระบาทที่พระองค์ทรงอธิษฐานให้ประดิษฐานอยู่ที่ลุ่มน้ำนัมมทานทีตลอดหนึ่งกัป จึงเป็นสถานที่ที่ศักดี์สิทธิ์ควรแก่การเคารพ สักการะ การที่บ้านเรามีประเพณีลอยกระทง ในคืน วันเพ็ญเดือน ๑๒ ก็เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธี์ ที่เราจะได้ลอยบาปออกจากใจ สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายนึกให้ละลายไปในแม่น้ำ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ใน สิ่งที่ดีงาม ที่บริสุทธิ์

 

ลอยกระทง : ลอยกิเลส  บุญอันเลิศย่อมเจริญแก่ผู้เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เลิศ  อายุ วรรณะ ยศ เกียรติ ความสุข และพลานามัย ย่อมเจริญแก่บุคคลนั้นด้วย

 


กำเนิดประเพณีลอยกระทง

        วันลอยกระทงของทุกปีจะตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูน้ำหลาก มีน้ำขึ้นเต็มฝั่ง ทำให้เห็นสายน้ำอย่างชัดเจน วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวง ทำให้สามารถเห็นแม่น้ำ ที่มีแสงจันทร์ส่องกระทบลงมา เป็นภาพที่ดูงดงามเหมาะแก่การชมเป็นอย่างยี่ง

        ประเพณีลอยกระทงนั้น ในแต่ละประเทศ แต่ละศาสนา ต่างมีความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป เช่น ลอยกระทงเพื่อล้างบาป ลอยกระทงเพื่อขอขมา พระแม่คงคา หรือขอบคุณสายน้ำที่ให้อาบ และดื่มกิน เป็นต้น สำหรับชาวพุทธโบราณผู้มีจิตใจงดงาม เมื่อปรารภเหตุจะทำการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นว่า วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง ราตรีสว่างไสว น้ำใสไหลเย็นเต็มตลิ่ง อากาศในฤดูนี้เย็นสบาย เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะลอยกระทงเพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งประเพณีนี้มีมาแต่สมัยพระร่วง ซึ่งมีเรื่องเล่าสืบ ๆ กันมาว่า "เมื่อสมเด็จพระร่วงเจ้า ได้เสด็จฯ ทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศก็ทรงพอพระราชหฤทัย จึงโปรดให้ถือเป็นเยี่ยงอย่าง และให้จัดประเพณีลอยกระทงขึ้นเป็นประจำทุกปี ดังพระราชดำรัสที่ว่า.. ตั้งแต่นี้สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์วันเพ็ญเดือน ๑๒ ให้ทำโคมลอยเป็นรูปดอกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาท นัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน" พิธีลอยกระทงจึงเปลี่ยนรูปแบบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

        ในฐานะที่เราเป็นพุทธศาสนิกชน ควรปรารภ เหตุนี้ด้วยการชำระกาย วาจา ใจให้สะอาดบริสุทธิ์ โดยนึกถึงพระรัตนตรัย ทำใจให้หยุดนิ่ง จุดประทีป ในกระทงบูชาพระรัตนตรัย

        นับจากนี้ไปการลอยกระทง...ไม่ใช่ลอยเพื่อความสนุก สนานกันเฉย ๆ การลอยกระทง... ไม่ควรเป็นเพียงงานนักขัตฤกษ์ที่มีงานมหรสพรื่นเรีงเท่านั้น การลอยกระทง... ไม่ใช่เป็นเพียงลอยเพื่อเสี่ยงทาย เสี่ยงรัก หรือหาคู่ ที่หนุ่มสาวชักชวนกันไปอธิษฐานแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อย่างนั้นไม่ได้ประโยชน์อะไร เมื่อ จะต้องเสียเวลา เสียเงินตรา ก็ควรให้เป็นทางมาแห่ง บุญกุศลติดตัวเราข้ามชาติ

ลอยกระทง : ลอยกิเลส  บุญอันเลิศย่อมเจริญแก่ผู้เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เลิศ  อายุ วรรณะ ยศ เกียรติ ความสุข และพลานามัย ย่อมเจริญแก่บุคคลนั้นด้วย

 

ลอยกระทง : ลอยกิเลส

        เวลาลอยกระทงให้เจริญพุทธานุสติ นึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ข้าพเจ้าลอยกระทงเพื่อบูชา พระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ที่หาดทรายรีมแม่น้ำ นัมมทานที ลอยไปก็นึกอธิษฐานให้กิเลสอาสวะหลุดลอยไปจากใจของเราด้วย ถ้ายังไปนิพพานไม่ได้ ก็ขอให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่แต่ในสุคติภูมิ ให้สมบูรณ์ ด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จนกว่าจะบรรลุมรรคผลนิพพาน อย่างนี้เรียกว่าทำถูกหลักวิชชา ได้ทั้งบุญ ได้ทั้ง ความบันเทิงใจ และได้อานิสงส์ใหญ่

        นอกจากนี้ ท่านใดที่ลอยโคมประทีป ก็ให้นึก น้อมถวายเป็นพุทธบูชา โดยส่งใจถึงพระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศา ของพระพุทธเจ้า

        กลางคืน..วันเพ็ญเดือน ๑๒

        กลางลำน้ำ..สว่างไสวด้วยแสงเทียน กลาง กระทงที่ล่องลอยไปบูชาพระพุทธบาท

        กลางท้องฟ้า..สว่างไสวด้วยประทีปโคมลอยที่กำลังล่องลอยขึ้นไปบูชาพระจุฬามณี

        กลางใจของทุกท่าน..ขอให้สว่างไสวด้วยแสงธรรมที่สอดส่องไปถึงพระพุทธองค์

 

    กระทงน้อย    ธูปปัก        เปลวเทียนส่อง

    ละลิ่วล่อง    ลอยเลาะ    ลำธารไหล

    ลอยกระทง    ลอยกิเลส    ออกจากใจ     

    ล่องลอยไป    น้อมบูชา    พระพุทธองค์

    ขอให้ความ    ไม่ลงรอย    จงลอยลับ     

    ขอให้ทุกข์    จงเลือนดับ    เหมือนล่องหน

    ขอให้สุข    ล่องลอยมา    ในบัดดล    

    ทุกแห่งหน    จงสุขสันต์    วันลอยกระทง..

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล