ฉบับที่ 77 มีนาคม ปี2552

โอกาสทอง ของเยาวชนผู้ได้โอกาส

ปกิณกธรรม
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ.๙/ พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ.๙

 

 

   เวลาเป็นสิ่งเดียวที่ทุกคนมีเสมอกัน ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ แล้วแต่ใครจะใช้เวลาที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ และมีคุณค่าได้มากกว่ากัน คำว่า "ไม่มีเวลา" ไม่มี ในโลก ขึ้นอยู่กับเราจะให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากกว่ากัน เรามักเอาเวลาไปเพลินกับสิ่งไร้สาระ เอาความเกียจคร้านมาเป็นข้ออ้างว่า ไม่มีเวลา หากเราจัดสรรเวลาให้เป็น เราจะมีเวลาเหลือเฟือเพื่อทำสิ่งที่ดี ชีวิตเป็นของน้อยไม่ยืนยาว จงใช้เวลาให้มีคุณค่า ด้วยการสร้างบารมีในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการบำเพ็ญเนกขัมมบารมี เป็นสิ่งที่ชาวพุทธ ทั้งหลายควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

       ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์ได้ครองราชสมบัติอยู่ที่สุทัสสนนคร ทรงพระนามว่า "สุตโสมมหาราช" พระองค์มีสนมกำนัลถึง ๑๖,๐๐๐ นาง มีพระนางจันทาเทวีเป็นอัครมเหสี มีอยู่วันหนึ่ง พระองค์ทรงมีรับสั่งกับช่างตัดผมว่า "หากเจ้าเห็นผมที่ศีรษะของเราหงอก จงรีบบอกเราด้วย" ครั้นเวลาล่วงไปหลายพันปี ช่างตัดผมเห็นพระเกศาหงอก ๑ เส้น จึงเอาแหนบทองถอนพระเกศาวางไว้ในพระหัตถ์

 

 

        พระโพธิสัตว์ทอดพระเนตรดูพระเกศาหงอกนั้น ทรงไตร่ตรองว่า "สรีระของเราถูกชราครอบงำแล้ว" จึงทรงถือ เส้นพระเกศาหงอกนั้นเสด็จลงจากปราสาทประทับ นั่งบนราชบัลลังก์ แล้วตรัสสั่งให้เรียกอำมาตย์ ประมาณ ๘๐,๐๐๐ คน มีเสนาบดีเป็นประมุขพราหมณ์ ๖๐,๐๐๐ มีปุโรหิตเป็นประธาน และชาวแว่นแคว้นอีกมากมายมาเข้าเฝ้าพลางตรัสว่า "เกศาหงอกเกิด ที่ศีรษะของเราแล้ว เราเป็นคนแก่เฒ่า ท่านทั้งหลาย จงรับรู้ว่า เราจะออกบรรพชาในวันพรุ่งนี้"

      มหาชนได้ฟังเช่นนั้นก็เกิดโกลาหล ตะลึงงันกันไปทั่ว พากันทูลทัดทานกันใหญ่ เมื่อไม่สามารถทูลทัดทานได้ ก็รีบส่งคนไปทูลพระมารดาของ พระโพธิสัตว์ให้ทรงทราบ เมื่อพระราชชนนีทรงทราบก็รีบเสด็จมาทัดทานทันที แม้พระราชบิดา ก็รีบเสด็จมาห้ามเช่นกัน พลางตรัสว่า "พ่อสุตโสม การบวชจะช่วยลูกได้อย่างไร เจ้าจะละทิ้งเราสองคน ผู้แก่เฒ่า ไม่ห่วงใยเราทั้งสองเลยหรือ สุตโสมลูกรักถึงแม้ลูกไม่มีความสิเนหาอาลัยในมารดาบิดา แต่บุตรธิดาของลูกที่ยังเล็กๆ มีอีกมาก ไม่อาจขาดลูกได้ ขอให้บุตรธิดาเหล่านั้นเจริญวัยก่อนเถิด ลูกจึงค่อยบวช" 

      พระบรมโพธิสัตว์ตรัสสั้นๆ ว่า "การพลัดพรากจากกันเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ขอพระโอรสและพระธิดาของหม่อมฉันจงเสวยสมบัติ อย่างมีความสุขเถิด ส่วนหม่อมฉันปรารถนาสวรรค์ จึงขอทูลลาออกบรรพชา ณ บัดนี้" เมื่อพระชายา ๗๐๐ นางของพระโพธิสัตว์ได้ยินข่าวการเสด็จออกผนวช ต่างรีบลงจากปราสาท แล้วพากันเข้าไปยึดข้อพระบาท ร้องไห้อ้อนวอนพระองค์ว่า "พระหทัยของทูลกระหม่อม จะตัดขาดจากหม่อมฉันทั้ง ๗๐๐ ไปเชียวหรือ ขอพระองค์ทรงเป็นที่พึ่งของหม่อมฉันในชาตินี้เถิด"

            ส่วนพระอัครมเหสีของพระโพธิสัตว์กำลังทรงพระครรภ์ ได้สดับข่าวก็รีบเสด็จมาทูลอ้อนวอนว่า "เสด็จพี่ หม่อมฉันผู้เป็นอัครมเหสีของพระองค์มีความอาลัยอาวรณ์ในพระองค์ เหตุไรเมื่อหม่อมฉันพร่ำเพ้ออยู่ พระองค์จึงมิได้ทรงมีเยื่อใย มุ่งแต่จะทรงผนวชอย่างเดียว ขอพระองค์ทรงมีความเยื่อใยในลูก ผู้ถือปฏิสนธิในครรภ์ ของหม่อมฉันด้วยเถิด ครรภ์ของหม่อมฉันแก่แล้ว ขอพระองค์ทรงอยู่รอก่อน จนกระทั่งลูกหม่อมฉัน ประสูติเถิด อย่าให้หม่อมฉัน เป็นหม้ายอยู่เพียงลำพังคนเดียวเลย"

 

 

           พระโพธิสัตว์ทรงปลอบโยนพระนางว่า "อย่าได้ทำอันตรายต่อการบรรพชาของเราเลย เรายังคงยืนยันในความตั้งใจเดิมว่า จะออกบรรพชาอย่างแน่นอน" ขณะนั้น มหาเศรษฐีประจำเมืองได้ลุกขึ้น ถวายบังคมว่า "ขอเดชะ ทรัพย์ของข้าพระพุทธเจ้า มีมากมาย ข้าพระพุทธเจ้าไม่สามารถจะนับได้หมด ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายทรัพย์ทั้งหมดนั้นแด่พระองค์ ขอพระองค์จงทรงยินดี อย่าทรงออกผนวชเลย พระพุทธเจ้าข้า"

           จากนั้นมีผู้คนมากมาย ซึ่งต่างไม่ปรารถนาจะให้พระราชาออกผนวช พากันยื่นข้อเสนอมากมาย แต่พระองค์ไม่ได้ทรงยินดีกับสิ่งเหล่านั้น ยังคงมีพระทัยมุ่งมั่นที่จะเสด็จออกบรรพชาให้ได้ พระองค์ ทรงแสดงธรรมให้เข้าใจว่า "ชีวิตนี้ถูกชรานำเข้าไป เป็นของน้อยนิด ดุจน้ำที่อยู่ในโคลน เมื่อชีวิตเป็นของ น้อยเหลือเกินเช่นนี้ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะประมาท ชีวิตนี้ถูกชรานำเข้าไปสู่ความตาย แต่คนพาลยังพา กันประมาท ถูกเครื่องผูกคือตัณหาผูกไว้แล้ว จึงไป บังเกิดในนรก เปตวิสัย อสุรกาย และเดรัจฉาน แต่เราปรารถนาสวรรค์ เราจึงตัดสินใจออกบรรพชา" 

          ด้วยพระทัยที่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ไม่ห่วงกังวลในคน สัตว์ สิ่งของรอบกายเลย พระโพธิสัตว์ทรงใช้พระขรรค์ตัดพระเมาลี แล้วเสด็จออกจากพระราชวัง ด้วยพระทัยที่ปลอดกังวล ฝ่ายพระราชมารดาบิดา พระชายา พระโอรสธิดากับหญิงฟ้อน ๑๖,๐๐๐ นาง ต่างก็เกิดพลังศรัทธาต่อปณิธานอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์ จึงพร้อมใจกันสละสมบัติติดตามพระองค์ไปด้วย ชาวเมืองมากมายพากันชักชวน ออกบวช ทั้งเมืองดูเหมือนว่างเปล่า เพราะทุกคนยินดี ที่จะออกบวชตามพระเจ้าสุตโสม พระโพธิสัตว์ทรง พาบริวารจำนวนมากมุ่งตรงไปยังป่าหิมพานต์ เพื่อ บำเพ็ญเนกขัมมบารมี ทุกท่านไม่ต้องทำมาหากิน อยู่ได้ด้วยอำนาจบุญ และศีลที่ทุกคนรักษาไว้ดีแล้ว จึงสามารถปฏิบัติธรรมกันได้อย่างสะดวกสบาย เมื่อ ละโลกแล้วต่างมีสวรรค์เป็นที่ไปกันถ้วนหน้า

            จะเห็นได้ว่า การตัดสินใจทำความดีของบุคคล คนหนึ่ง มีความหมายต่อผู้คนอีกมากมายนับไม่ถ้วน การตัดสินใจบวช ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาว ย่อมมีผลทั้งต่อตนเองและคนรอบข้างอีกมากมาย เพราะเป็นการฝึกฝนตนเองอย่างยิ่งยวด เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สูงขึ้น แล้วยังเป็นแบบอย่างแก่ อนุชนรุ่นหลังอีกด้วย เพราะนี่คือหนทางไปสู่สวรรค์ และนิพพาน

            เพราะฉะนั้น ในช่วงปิดภาคเรียนนี้ เยาวชนทั้งหลายที่ไม่ติดภาระเรื่องการเรียน ควรหาโอกาส มาศึกษาธรรมะ มาฝึกเจริญสมาธิภาวนา เพื่อบ่มเนกขัมมบารมีของเราให้แก่รอบ เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางสีขาว เส้นทางที่จะไปสู่ความสุข เป็นเส้นทาง สายเดียวที่นักปราชญ์บัณฑิตทั้งหลายในกาลก่อนได้ประพฤติปฏิบัติกัน การบวชไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่เป็นประเพณีของชาวพุทธที่มีคุณค่าสำหรับเยาวชน ถือเป็นเส้นทางอันประเสริฐของชีวิต เป็นโอกาสทองของเยาวชนผู้ได้โอกาส ที่จะทำให้เรารู้จักคุณค่าของชีวิตของความเป็นคนที่สมบูรณ์มากขึ้น ท่านหญิงควรมาร่วมอบรมธรรมทายาทหญิง ท่านชายมาบวชอบรมธรรมทายาทชาย ภาคฤดูร้อนจะไม่ร้อนรุ่มอีกต่อไป แต่จะพบความชุ่มฉ่ำเย็นทั้งกาย และใจ เป็นช่วงวันเวลาแห่งความสุขสันต์หรรษา เพราะคือช่วงเวลาแห่งการฝึกฝนตน บนเส้นทางอริยะ...

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล