ฉบับที่ 84 ตุลาคม ปี2552

รอยยิ้มที่โค้งสุดท้าย

คอลัมท์ท้ายเล่ม

เรื่อง : โค้ก อลงกรณ์

 






 
รถแข่ง ๒ คันแล่นผ่านอากาศหนาวเย็นด้วยความเร็วสูง ฝีมือคนขับสูสีพอกัน ทั้งคู่ผลัดกันนำผลัดกันแซงตลอดเส้นทางที่คดเคี้ยว

          เมื่อเข้าสู่ช่วงสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัย แชมป์เก่าที่ขับนำอยู่หวังที่จะครองแชมป์อีกสมัย อาศัยความได้เปรียบขับกันไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายขึ้นแซง

          นี่คือเรื่องราวของภาพยนตร์ที่ผมเคยดูนานมากแล้ว แต่ยังพอจำได้เพราะผมชอบเหตุการณ์ช่วงนี้มาก พยายามเอาใจช่วยพระเอกของเรื่องซึ่งตกเป็นรองขับไล่ตามหลัง เรื่องราวชวนให้ติดตามว่าเขาจะตัดสินใจแซงขึ้นหน้าหรือไม่...อย่างไร ในเมื่อเหลือระยะทางแค่โค้งสุดท้ายเพียง โค้งเดียว ซึ่งโค้งนี้เป็นโค้งปราบเซียน นักขับที่คิดแซงโค้งนี้ไม่เคยมีใครทำสำเร็จเลยสักคน จนไม่มี นักแข่งคนไหนกล้าวัดใจแซงที่โค้งสุดท้ายนี้

........................

ผมมีโอกาสติดตามหลวงพ่อเข้าเยี่ยมนักสร้างบารมีที่ป่วยหนัก ท่านนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย มีสาย น้ำเกลือและอุปกรณ์การแพทย์ระโยงระยาง

           ทันทีที่ท่านเห็นหลวงพ่อ ใบหน้าของท่านก็มีรอยยี้มปรากฏออกมา

           หลวงพ่อพูดคุยและให้นึกถึงบุญต่าง ๆ ที่ได้ร่วมสร้างบารมีมากับหลวงพ่อ ตั้งแต่เริ่มบุกเบิก สร้างวัดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

           เมื่อได้ยินได้ฟังการทุ่มเทตั้งใจสร้างบารมีมาตลอดไม่ได้หยุดเลยของท่านแล้ว ผมก็พลอยปลื้มปีติใจไปด้วย

           ส่วนท่านเมื่อได้นึกทบทวนบุญที่ได้ทำมา ใจก็ชุ่มชื่น ท่านยี้มออกมาทั้งใบหน้าและแววตา แม้ผมเองที่แข็งแรงกว่าท่านก็ยังยี้มสวยสู้ท่านไม่ได้

           นี่คือ ยี้มที่งดงามและน่าภูมีใจที่สุดของชีวีต 

         ไม่ว่าใครก็ตามที่สร้างบารมีหมั่นสั่งสมบุญกุศลมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเดีนทางมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายของชีวีตเช่นท่าน ใบหน้าก็จะมีรอยยี้มที่สง่างามและยี่งใหญ่แบบนี้เช่นกัน

          ถ้าเปรียบการสร้างบารมีเหมือนกับการหายใจ ที่ต้องหมั่นทำอย่างต่อเนื่องไม่หยุด หยุดหายใจ เมื่อใดชีวิตก็อยู่ไม่ได้ การสร้างบารมีก็เช่นเดียวกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสั่งสมเอาบุญกุศลติดตัว ชีวิตจะได้มีพลังขับเคลื่อนสู่ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ๆ

........................

ในสนามแข่งขัน ไม่มีใครอยากพ่ายแพ้ ทุกคนต้องการเข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่ง

        ในสนามชีวิต เราทุกคนมีสิทธิ์สร้างบารมีคว้าชัยเป็นที่หนึ่งได้หมดทุกคน เพราะเราไม่ต้องไปขับเคี่ยวแข่งกับใคร คู่แข่งที่เราต้องเอาชนะให้ได้ก็คือ "ใจ" ของเรานั่นเอง

           ใจที่พอเหนื่อยก็เริ่มท้อ และสุดท้ายก็ยอมแพ้

           การเอาชนะใจให้ได้เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง

           ทุกอย่างยากที่การเริ่มต้น เมื่อเริ่มเอาชนะใจได้สักครั้งหนึ่ง ครั้งต่อ ๆ ไปก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยาก

           ชนะใจตัวเองได้ ก็ชนะได้หมดทุกอย่าง 

           ชนะความตระหนี่ที่คอยถ่วงไม่ให้เราเจริญก้าวหน้า

           ชนะวัยและสังขารที่เสื่อมโดยไม่หวั่นวิตกทั้ง ๆ ที่รู้ว่าน้ำมันกำลังหมด

           ชนะโรคภัยที่รุมเร้าทรมานจนทำให้สรีรยนต์ของเราขัดข้อง

           ชนะอารมณ์ที่แปรปรวนขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่มั่นคง

          เมื่อชนะผ่านมาได้ตลอด แม้ต้องเผชิญกับโค้งสุดท้ายของชีวิตก็ย่อมไม่วิตกกลัว เพราะมั่นใจว่าจะผ่านไปได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา จึงมีรอยยิ้มปรากฏดังเช่นที่ผมเห็นอยู่นี้ เป็นยิ้มแห่งชัยชนะที่มีค่าที่สุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ที่น่าภูมิใจไปตลอดกาล

........................

สนามการแข่งขันในตอนจบนั้น แม้ไม่ต้องดูต่อก็พอรู้ครับว่าอย่างไรพระเอกก็ต้องชนะแน่ ๆ

        ที่โค้งสุดท้าย เขาได้ยิ้มให้กับตัวเอง แล้วอาศัยจังหวะ ความเร็ว แตะเบรก เหยียบคันเร่ง ช่วงเข้าโค้ง ทำให้ขึ้นแซงรถคันหน้าในจังหวะที่เกิดช่วงห่างการหักเลี้ยว แล้วก็เร่งเครื่องเต็มที่พุ่งนำเข้าเส้นชัยได้ในที่สุด

           เสียงปรบมือดังกึกก้อง เขายี้มรับชัยชนะอย่างภาคภูมิ

           แชมป์เก่าลงจากรถเข้ามาจับมือยอมรับและนับถือใจที่สู้ของเขา

           หากไม่ยอมแพ้เสียอย่าง สี่งที่ยากที่ไม่มีใครเคยทำได้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครทำได้เลย 

           แม้ในชีวิตจรีงก็มีผู้ที่พิสูจน์ให้เห็นมานักต่อนักแล้ว

           ทุกอย่างแค่เรี่มต้นเอาชนะให้ได้ที่ใจของเราเอง

...........................................
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล