ฉบับที่ 78 เมษายน ปี2552

ยังมีเวลา

คอลัมน์ท้ายเล่ม
เรื่อง : โค้ก อลงกรณ์
(ติดตามงานเขียนต่อเนื่อง Coke@Today ได้ที่ www.banyaibook.com)

 

 

       ขณะนี้เป็นเวลา ๔ ทุ่มกว่า เมื่อรถแล่นมาถึงทางแยก ผมนึกเดาเส้นทางอยู่ในใจว่า หลวงพ่อจะให้เลี้ยวรถ เพื่อกลับเข้ากุฏิอาคารภาวนา หรือจะให้ตรงไปเพื่อดูงานต่อ
         ถ้านึกย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงบ่าย หลวงพ่อเข้าไปยังพื้นที่บริเวณรอบมหารัตนวิหารคด เพื่อตรวจดูความพร้อม ของสถานที่จัดงานในการเตรียมงานบุญใหญ่ หลังจากนั้นจึงเดินทาง ต่อเพื่อไปคุมธรรมะให้กับชุดปฏิบัติธรรม
         เสร็จจากชุดปฏิบัติธรรม หลวงพ่อถามว่ากี่โมงแล้ว เมื่อท่านรู้ว่ายังพอมีเวลา จึงได้เดินทางเข้าไปดูงานปั้นพระที่โรงปั้น ก่อนกลับเข้ากุฏิเพื่อทำกิจวัตรส่วนตัวในช่วงเย็น
      เมื่อถึงช่วงค่ำ หลวงพ่อใช้เวลาสั้นๆ ต้อนรับคณะครูและผู้มีบุญที่เดินทางมาร่วมงานบุญ ก่อนเข้าสอนใน โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันฯ และเมื่อเสร็จการสอนในโรงเรียนอนุบาลฯ จึงได้ขึ้นรถเดินทางกลับ
         ขณะนี้เป็นเวลา ๔ ทุ่มกว่า รถชะลอความเร็วเมื่อใกล้ถึงทางแยก ผมยังตั้งใจรอฟังว่าหลวงพ่อ จะให้รถมุ่งหน้าไปเส้นทางไหน แล้วหลวงพ่อก็บอกว่าให้ตรงไปยังโรงปั้นอีกครั้ง เพื่อตรวจเช็กรายละเอียดขององค์พระ ก่อนที่จะนำไปประดิษฐานในพิธีงานบุญ
          ๕ ทุ่มกว่า ออกจากโรงปั้นพระ ระหว่างทางเห็นกลุ่มน้องๆ นักเรียนที่มาช่วยเตรียม งานบุญล่วงหน้า หลวงพ่อให้หยุดรถ แล้วท่านก็เดินลงจากรถเข้าไปทักทาย หลวงพ่อถาม ขึ้นว่า "กำลังทำอะไรกันอยู่?"
         น้องๆ ที่กำลังช่วยกันรับบุญแพ็กอาหารใส่ถุงสำหรับเตรียมให้สาธุชนที่จะมาร่วมงาน ตอบหลวงพ่อพร้อมกัน แล้วหลวงพ่อก็ถามต่อว่า มาจากโรงเรียนไหนกันบ้าง
           ทุกคนต่างบอกชื่อโรงเรียนของตัวเองด้วยเสียงที่ดัง เพราะดีใจไม่นึกว่าจะมีโอกาส ได้กราบหลวงพ่อใกล้ๆ
           เห็นใบหน้าของทุกคนที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ แล้วหลวงพ่อก็ถามว่า เหนื่อยกันมากไหม
           คราวนี้เงียบ ไม่มีเสียงตอบ ต่างคนหันมองหน้ากันไปมาแล้วยิ้ม จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะร่าเริงดังออกมาแทนคำตอบ ได้ยินหลวงพ่อพูดให้กำลังใจน้องๆ ทุกคนว่า "เราเกิดมาสร้างบารมีนะลูก เรายังอยู่ในวัยที่แข็งแรง ก็ต้องนำความแข็งแรงมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ให้เป็นบุญกุศลติดตัวเราไป หลวงพ่อขออนุโมทนากับลูกๆ ทุกคน "
            แล้วหลวงพ่อได้ให้พรต่ออีกยาว แล้วบริเวณที่รับบุญนั้นก็ดังลั่นด้วยเสียง สาธุ! แล้วหลวงพ่อก็ขึ้นรถเตรียมเดินทางต่อ
            เกือบเที่ยงคืน รถแล่นใกล้ถึงทางแยกที่เดิม ผมนึกเดาอยู่ในใจอีกครั้งหนึ่งว่า หลวงพ่อจะให้ เลี้ยวกลับเข้ากุฏิเลย หรือจะให้ไปดูงานที่จุดอื่นต่อ หากไปต่อ ก็ทำให้ผมนึกคิดไปว่าจะเป็นอย่างไรถ้าในหนึ่งวันเวลาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าเป็น ๔๘ ชั่วโมง
            หลวงพ่อก็คงมีเวลาทำงานพระศาสนาได้อีกหลายอย่าง และนั่นก็ทำให้ผมนึกอยาก ถามหลวงพ่อขึ้นมาอีกครั้งเช่นกันว่า หลวงพ่อเหนื่อยไหมครับ?
            แต่ไม่กล้า! ยังไม่กล้าที่จะถามตอนนี้ เพราะรู้สึกว่า...ยังมีเวลา!
            
เวลาในการสร้างบารมีนั้นมีพร้อมเสมอสำหรับทุกคนที่คิดเริ่มต้น แล้วจะส่งผลเมื่อไดหมั่น สั่งสมทำไปอย่างต่อเนื่อง
            แต่เวลาจะไม่เกิดประโยชน์ใดเลยกับคนที่ประมาท
       ลองย้อนกลับไปดูว่า เด็กบางคนเกิดมาก็หมดเวลาเพราะเสียชีวิตทันทีเลยก็มี เพื่อนวัยเดียวกับเราบางคน เกิดประสบอุบัติเหตุ เวลาที่เหลืออยู่แม้มีแต่ก็ไม่สมบูรณ์เสียแล้ว ครั้นจะมานั่งขัดสมาธิเหมือนกับคนทั่วไปก็ทำไม่ได้ เพราะกระดูกขาหัก ซึ่งยังมีอีกหลายๆ ตัวอย่างที่เราพบเห็น และได้บอกเราว่า อย่าได้ประมาท หากเรายังคิดว่า...ยังมีเวลา!
            คำว่า "มีเวลา" คำๆ นี้ผมรู้สึกว่าเป็นเหมือนหลุมพราง หากเราไม่ประมาทก็ทำให้เราก้าวข้าม เดินต่อไปข้างหน้าได้ แต่ถ้าหากไม่ทันสังเกต หรือไม่ทันระวังตัว ก็สามารถทำให้เราพลาดท่า ตกลงไปยังก้นหลุมของคำๆ นี้ได้เช่นกัน 
            เพราะรู้ว่า..ยังมีเวลา! เราจึงคิดเลื่อนสิ่งที่จะทำอยู่ออกไปก่อน ไม่เห็นจะต้องรีบทำให้เสร็จในตอนนี้ หรืออย่างเรื่อง ที่จะให้มานั่งหลับตาหาที่พึ่งภายในน่ะหรือ เราเพิ่งอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ เอง ไม่เห็นต้องรีบร้อน...ยังมีเวลา!
            หรือเพราะรู้ว่า...ยังมีเวลา! เราจึงพยายามเร่งมืออย่างเต็มที่เพื่อทำให้เสร็จ แล้วยังมีเวลาได้ทำอย่างอื่นเพิ่มขึ้นอีก
            หรือสำหรับบางคน ถ้าคิดจะทำสิ่งที่ดี ก็อย่าได้วิตกกังวลหรือท้อแท้ เพราะ...ยังมี เวลาที่ให้เราได้เริ่มต้น
            จึงไม่นาแปลกใจ คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ มักจะไม่ตกหลุมพรางของคำๆ นี้ ยังมีเวลา!
            
ผมได้ยินหลวงพ่อพูดเสมอว่า "เดี๋ยววันเดี๋ยวคืน หลับตาลืมตาไม่กี่ทีก็หมดไปอีกวัน นี่เรายังสร้างบุญ สร้างบารมีได้ไม่เท่าไรเลย"
            เมื่อไตร่ตรองพิจารณาดูแล้วก็เป็นจริงอย่างที่หลวงพ่อพูด ยังมีความรู้สึกว่างานบุญ แต่ละงานเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน นี่ถึงเวลาเวียนกลับมาครบรอบอีกปีหนึ่งแล้ว วันคืนผ่านไปเร็วจริงๆ
            แม้เวลาจะไม่ได้เพิ่มขึ้นเป็น ๑ หรือ ๒ เท่า แต่ยังคงมีจำกัด ๒๔ ชั่วโมงเท่าเดิมก็ตาม แต่หลวงพ่อก็ยังมีเวลาที่จะทำงานพระศาสนาไปพร้อมๆ กันในทุกด้าน ทั้งงานด้าน ปฏิบัติธรรม งานอบรม งานปกครอง งานเผยแผ่ งานเทศน์สอน และยังมีเวลาดูแลให้กำลังใจลูกๆ ในทุกๆ จุด คงไม่ต้องลังเลแล้ว หากจะถามหลวงพ่อว่า "หลวงพ่อเหนื่อยไหมครับ?"
           หลวงพ่อมองหน้าแล้วยิ้ม แล้วก็พูดว่า "เรื่องเหนื่อยไม่ต้องพูดถึง ถ้าไม่เหนื่อย เราจะได้บารมีมาจากไหน"
           ถ้าโลกที่เราเกิดมาใบนี้ คือโลกแห่งการสร้างบารมี เราก็ควรใช้เวลาที่มีอยู่ในโลกนี้ ให้เป็นบุญ ให้เป็นบารมีติดตัวเราไปให้มากที่สุด
           หลวงพ่อย้ำเสมอว่า "การสร้างบารมีคือการพักผ่อน เราเกิดมาสร้างบารมี" 
           ดังนั้น หากเราคิดที่จะพักผ่อน เราก็ควรที่จะรีบเร่งสร้างบารมี
           รถแล่นใกล้ถึงทางแยกที่เดิม นึกเดาอยู่ในใจอีกครั้งว่า ก่อนที่ราตรีนี้จะสิ้นสุดลง หลวงพ่อยังสามารถ ที่จะเดินเข้าไปทักทาย ให้กำลังใจกับชุดต่างๆ ที่มาช่วยรับบุญเตรียม งานล่วงหน้าได้อีกหลายชุด
           เพราะว่า...ยังมีเวลา!

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล