ฉบับที่ 41 มีนาคม ปี 2549

มาวัดวันอาทิตย์

   

 

 

เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๙


             วันอาทิตย์ เราควรจะมาวัดกัน บ้านใครอยู่ใกล้วัดไหนก็ไปวัดนั้น หรือใครมีศรัทธาที่วัดไหนก็ไปวัดนั้น เป็นสิ่งที่เราจะต้องทำกันในทุกๆ วันอาทิตย์ ไม่ใช่ว่าพอมีจานดาวธรรมแล้ว เราก็เลยถือโอกาสอยู่ที่บ้านดูผ่านทางจานดาวธรรม จริงๆ แล้ว แม้จะมีจานดาวธรรม วันอาทิตย์เราก็ควรจะมาวัด เพราะว่ามีอยู่หลายๆ กิจกรรมที่เราจะต้องทำร่วมกัน ซึ่งอยู่ที่บ้านก็ทำได้แต่ไม่สมบูรณ์ เพราะขาดการเป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีของชาวโลก ซึ่งยังขาดแคลนตัวอย่างดีๆ อยู่ เขาจะได้ดูหมู่คณะเราผ่านทางจานดาวธรรม แล้วเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำความดี และจะทำความดีได้ถูกต้องด้วย

             สิ่งที่ผ่านสื่อมา ไม่ว่าจะสื่ออะไรก็ตาม ไม่มีเรื่องราวที่เกี่ยวกับชีวิตที่แท้จริง มีแต่เรื่องบาดหมางกัน ขัดแย้งกัน ทะเลาะกัน กับเรื่องเพลิดเพลินกันไป แต่สิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตกลับไม่ได้ศึกษา ทั้งๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา เราอยู่ในโลกนี้ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น ก็หมดเวลาจากโลกนี้ไป แต่ชีวิตหลังการตายในปรโลกยาวนานมาก มีความรู้อย่างนี้ซึ่งเราต้องรู้ ไม่รู้ไม่ได้ ไม่รู้ก็ทำไม่ถูก

               สิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเรานั้น มีเรื่องราวอย่างน้อย ๓ หัวข้อใหญ่ คือ เรื่องนิพพาน ภพสาม โลกันตร์ ถามว่าเรารู้เรื่องนิพพานกันดีไหม เพราะเราต้องเกี่ยวข้องเราก็ยังไม่รู้ เราไม่รู้ว่านิพพานเป็นอย่างไร ทำไมเราจะต้องไป แล้วเรื่องภพ ๓ ภายในภพ ๓ มีอะไรบ้าง ซึ่งมีถึง ๓๑ ภูมิ ในอรูปพรหม ๔ ชั้น พรหม ๑๖ ชั้น สวรรค์ ๖ ชั้น มนุษย์ อบายภูมิ ๔ และยังแยกย่อยกันไปอีก เป็นมหานรก ๔๕๖ ขุม แล้วนอกภพ ๓ ไปยังมีอีก ด้านบนนิพพาน ด้านล่างโลกันตนรกซึ่งห่างจากขอบภพ ๓ ด้านล่างไปอีก ๓ ช่วง เราก็ไม่รู้เรื่อง


                เชื่อไหม ไปดูทุกสื่อเถอะ ไม่มีดังที่พูดนี้ทั้งหมด มีสื่อไหนบ้างเราอยู่ที่บ้านไปดูจอข้างๆ ดูเถอะ มีพูดถึงเรื่องนิพพาน ภพ ๓ โลกันตร์ ไม่มี แต่มีกล่าวเอาไว้ในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งคำสอนนี้ได้กระจายไปทุกวัดทั่วประเทศ ไปตามวัดนั่นแหละถึงจะเจอเรื่องราวเหล่านี้ ส่วนเรื่องที่เจอกันอยู่ เป็นเรื่องที่อยู่ในโลกมนุษย์ซึ่งไม่ใช่ของจริงของจังอะไร แล้วก็จะทำให้ใจหมองมากกว่าใจใส เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นจะต้องมาวัดกัน ในทุกๆ วันอาทิตย์


                เดินทางไปอบายทุกข์ทรมานทุกขั้นตอน แต่เดินทางมาวัดสุขทุกขั้นตอน บุญกุศลเกิดขึ้นเราจะได้เพิ่มบารมี ขันติบารมี วิริยะบารมี แปลว่า บารมี ๑๐ ทัศ เราจะได้ทำครบถ้วนบริบูรณ์ ทั้งทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา จะครบหมด แค่เดินทางจากบ้านมาวัดในวันอาทิตย์

                สวดมนต์ในสถานที่จริงๆ ของมหาธรรมกายเจดีย์ ความปลื้มปีติมันต่างกัน แล้วเราก็จะได้มาช่วยกันสถาปนาระบบระเบียบศาสนพิธี ว่าควรจะทำอย่างไร รุ่นต่อไปเขาจะได้ศึกษาตาม เขาจะได้เอาต้นแบบจากที่พวกเราได้ช่วยกันสถาปนานี้ เป็นสิ่งที่เขาจะได้เดินรอยตาม ก็จะเป็นทางมาแห่งบุญของเรา แม้เราละโลกไปแล้ว บุญก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการกระทำที่เป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีของเรา ในยามที่เรายังมีกายมนุษย์ นี่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นวันอาทิตย์ มารวมกันนะลูก เราจะได้เป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีให้กับชาวโลก

                 และแน่นอนช่วงนี้ใกล้ฤดูร้อน ถึงแม้อากาศอาจจะอ้าวบ้างก็ไม่เป็นไร หลวงพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรหากใครจะพัด ก็ตามสะดวก คนข้างๆ เขาจะได้เย็นไปด้วย เราก็สบาย ได้เอ็กซ์เซอร์ไซส์ มือแขนจะได้แข็งแรง สดชื่น เบิกบาน ก็ตามสะดวกอย่างนี้ ยกเว้นเปิดเครื่องมือสื่อสารเท่านั้น
                
                ถึงแม้อากาศจะร้อน แต่เราลองคิดดูผู้ที่ไปอยู่ในทะเลทราย อุณหภูมิ ๕๐ องศาเซลเซียส แต่ของเรา ลองวัดดูซิ ไม่เท่าไรหรอก เพราะฉะนั้นก็ลำบากบ้างนิดหน่อย แต่ถ้าเราไม่ลำบากอย่างนี้บ้าง เราจะได้ขันติบารมีและวิริยะบารมีมาจากที่ตรงไหนกัน มันก็ไม่ได้

 
                 ขันติบารมีเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่เราจะต้องสั่งสมทีละเล็กทีละน้อยกันไปเรื่อยๆ เพราะว่าเรายังไม่ชนะพญามาร อุปสรรคของชีวิตก็ต้องมี ถ้าเรามีขันติบารมี ก็สามารถที่จะเป็นกำแพงกั้น ไม่ให้เราทำวิบากกรรมทำสิ่งไม่ดีได้ ด้วยขันติธรรมนี่ พอหยุดมัน มันก็อยู่กับเราไม่ได้นานก็ต้องล่มสลายไป นี่เป็นเรื่องที่สำคัญ ต้องศึกษากันให้ดี เพราะฉะนั้นมาวัดกันเถอะ ในทุกๆ วันอาทิตย์

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล