ฉบับที่ 100 กุมภาพันธ์ ปี2554

เช็ดแว่น

เรื่อง : โค้ก อลงกรณ์

 



 

เช็ดแว่น

          วันหนึ่งขณะที่นำผ้าเนื้อละเอียดผืนเล็ก ๆ ที่อยู่ในกล่องใส่แว่นตาออกมาเช็ดที่เลนส์ทั้งสองข้างของแว่นแล้วต่อจากนั้นผมจะตรวจสอบความใสสะอาดด้วยการยกแว่นขึ้นมาส่องดูเอียงแว่นให้แสงกระทบกับผิวหน้าของเลนส์ มองเห็นความใสสะอาดที่ไม่มีฝุ่นเกาะไม่มีรอยนิ้วมือ เห็นแสงสะท้อนแวววาวขึ้นมาเป็นที่พึงพอใจ

              ก่อนที่การทำความสะอาดแว่นตาของหลวงพ่อเสร็จสิ้นลงผมอยากจะทดลองอะไรสักอย่าง

          เมื่อยกแว่นของหลวงพ่อขึ้นมาส่องเพื่อขออนุญาตทดลองดูว่าถ้ามองทะลุผ่านเลนส์แว่นตาของท่านออกไปยังท้องฟ้าจะเป็นอย่างไรผมจะมองเห็นอะไรบ้าง จะมองเห็นอย่างที่หลวงพ่อเห็นไหมและถ้ามองไปให้ถึงที่สุดจะไปได้ไกลสักแค่ไหน

    ผลปรากฏว่าฟ้าที่มองด้วยตาเปล่าจากที่เห็นใสกระจ่างกลับเลือนรางมองเห็นไม่ชัดเหมือนเดิมกลายเป็นฟ้าที่ฟุ้งนุ่มนวลเหมือนความฝันและระยะที่มองเห็นแทนที่จะมองได้ไกลมากขึ้นกลับมองใกล้เข้ามามากกว่าเดิม

              ทางวิทยาศาสตร์เมื่อมองผ่านเลนส์ของแว่นการที่ผมเห็นเลือนรางเช่นนี้เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

             ถ้าจะแปลกก็แปลกตรงที่แว่นที่ผมมองเห็นไม่ชัดนี้กลับช่วยให้หลวงพ่อมองเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้น

 

         การมองเห็นด้วยดวงตาเรานั้นย่อมเป็นธรรมชาติมากกว่ามองผ่านแว่นถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ผมไม่คิดที่จะหาแว่นมาใส่ แต่ถ้าหากจำเป็นต้องใส่คงเป็นด้วยเหตุผลความแก่ชรา หูตาฝ้าฟาง ยามนั้นจำเป็นต้องใส่แว่นช่วยหรือยามที่ต้องเผชิญหน้ากับแสงแดดจัดจ้าการปกป้องดวงตาด้วยการใส่แว่นตากันแดดก็เป็นความจำเป็น

         นอกจากสายตาผิดปกติ สั้น ยาว เอียง ที่จำเป็นจะต้องหาแว่นตาที่เหมาะสมมาใส่ยังมีความจำเป็นอื่นไหมที่ต้องใส่แว่น

         ขณะที่สายตายังปกติดี แว่นตาอาจจะยังไม่มีความจำเป็น แต่ยามใดที่ประสบปัญหา ยามนั้นชีวิตจำเป็นต้องอาศัย แว่นตา เข้ามาช่วย

 

      ชีวิตย่อมหนีไม่พ้นความทุกข์ บางครั้งแม้เดินผิดทาง ทำผิดพลาดไปบ้างถ้าสายตายังดีก็พอมองเห็นหนทางแก้ไขแต่แม้สายตาจะดีก็ใช่ว่าจะมองหาทางออกเจอทุกครั้งไป

         เมื่อตกอยู่ในภาวะมืดมน หาทางออกไม่เจอ การมีผู้ที่คอยช่วยส่องทางสว่างชี้ช่องทางออกที่ถูกต้องให้ เป็นเรื่องที่จำเป็นกัลยาณมิตรเป็นเสมือนแว่นตาที่ช่วยให้มองเห็นเส้นทางสว่างที่จะก้าวไปสู่จุดหมายได้ชัดเจนขึ้น  เราทุกคนจำเป็นต้องมีแว่นส่องทางชีวิต

             หลวงพ่อบอกว่าดวงตาของท่านสู้แสงจ้าไม่ไหวท่านจึงจำเป็นต้องใส่แว่นมาตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนหนังสือจากนั้นก็จำเป็นต้องใส่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

           ครั้งหนึ่งท่านเคยพูดล้อขณะที่สอนในโรงเรียนอนุบาลฯ ว่าถ้าดวงตาของหลวงพ่อสู้แสงได้ ไม่จำเป็นต้องใส่แว่นตาแล้วหรือว่าวันหนึ่งท่านลืมหยิบแว่นตามาใส่ วันนั้นนักเรียนจะยังคงจำท่านได้ไหม

          สำหรับนักเรียนอย่างผมคุ้นชินทั้งตอนที่หลวงพ่อใส่และไม่ใส่แว่นแต่นักเรียนท่านอื่นผมไม่แน่ใจ บางคนอาจบอกว่าท่านยังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
บางคนอาจดูท่านแปลกตาไปบ้าง หรือว่าผิดตาจนจำท่านไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเดิมไม่ว่าท่านจะใส่แว่นหรือไม่ก็ตาม

          ความรู้ที่หลวงพ่อนำมาเทศน์สอนยังคงเป็นเสมือนแว่นส่องทางสว่างชีวิตแก่นักเรียนอนุบาลฯ ทุกคนไม่เปลี่ยนแปลง

         โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาเป็นเหมือนแว่นตาพิเศษที่ใครก็ตามเมื่อได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้จะเป็นผู้ที่มองได้ไกลกว่าเดิมมองเห็นไปถึงนรก สวรรค์ ภพภูมิต่าง ๆ เห็นย้อนกลับไปยังอดีตถึงวิบากกรรมต่าง ๆเห็นไกลไปถึงปรโลก เห็นถึงหมู่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว

         ถ้าถามว่าที่สุดของการเห็นจะไกลได้ถึงไหนคงต้องให้ช่วยมองไปที่มุมภาพที่หลวงพ่อนำมาสอนในโรงเรียนอนุบาลฯลายเซ็นที่กำกับไว้ที่มุมล่างขวามือที่เป็นรูปคล้ายเลขแปดตะแคงน่าจะเป็นคำตอบคนที่เห็นแล้วบอกว่า สัญลักษณ์ที่เป็นเครื่องหมายนี้คือ อินฟินิตี้แว่นตานี้ช่วยให้มองเห็นความจริงของชีวิตได้ไกลกว่าที่สายตามองเห็น


         เมื่อผมเช็ดทำความสะอาดแว่นตาของหลวงพ่อเสร็จก่อนที่จะนำไปวางไว้บนโต๊ะพร้อมให้ท่านหยิบขึ้นมาใช้ผมยกขึ้นมาตรวจเช็กความเรียบร้อยอีกครั้ง

         ความใสแวววาวของกระจกแว่น ทำให้ผมมองเห็นบางอย่างที่บดบังอยู่ภายใน

         ทุกครั้งที่มีเราความฝัน มีความตั้งใจ และมุ่งมั่นที่จะทำความฝันให้เป็นจริงเรามองเห็นความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเริ่มต้นลงมือทำ


         แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทำไมบางครั้งความสำเร็จที่เห็นนั้นกลับเลือนรางพร่ามัว

       การเช็ดทำความสะอาดแว่นของหลวงพ่อทำให้มองเห็นผงฝุ่นอุปสรรคที่ปลิวมาเกาะหนาเตอะที่ผิวกระจกใจรวมทั้งเห็นร่อยรอยคราบความท้อติดฝังแน่นอยู่ ไม่ค่อยได้เช็ดทำความสะอาดเลย

         แว่นที่ไม่ใส เลนส์ที่มัวหมอง มองอะไรก็พร่ามัวความสำเร็จที่เคยเห็นก็ค่อน ๆ เลือนราง

         ก่อนที่ฝันจะจบลงด้วยการล้มเลิกก่อนความฝันที่สวยงามจะกลายเป็นฝันลม ๆ แล้ง ๆ ไปในที่สุด ลองหยุดใจเช็ดบ่อย ๆล้างคราบความท้อและผงอุปสรรคออกไปให้หมด ทำความสะอาดให้กระจกใจใสอยู่เสมอไม่ช้าความมั่นใจก็จะกลับคืนมา

         แล้วในที่สุด ความสำเร็จจะค่อย ๆ ปรากฏเป็นจริงให้ได้เห็น

.................................................

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล