สมาธิเปลี่ยนชีวิต
เรื่อง : Son Backhome e-mail : [email protected]
|
ตัดฉากจากผู้ชายผิวสี ว่าที่ผู้นำแห่งประเทศมหาอำนาจไปยังเมืองโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ซึ่งที่นี่ก็มีชายผิวสีเช่นกัน ถึงแม้เขาจะไม่ได้ลงสมัคร รับเลือกตั้งเป็นผู้นำประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ชายผิวสีคนนี้คือ เขาค้นพบสิ่งที่คนทั้งโลกควรจับตามอง นั่นคือ วิถีทางสู่สันติภาพ คุณบองกานี อึมกาก๊าเน่ (Bongani Mkakane) คือ ชายผิวสีที่เรากำลังกล่าวถึง
คุณบองกานี เป็นชาวแอฟริกันผิวดำสนิท เขา ตัดสินใจเดินทางออกจากซิบบับเว ประเทศบ้านเกิด ของตนมาหางานทำ ที่โจฮันเนสเบิร์ก และได้งานใน ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งชื่อร้านไก่ไทย อาศัยรายได้จากการทำงานเหล่านี้ส่งไปเจือจานครอบครัว เขาได้ เล่าบรรยากาศก่อนทิ้งบ้านมาอยู่โจฮันเนสเบิร์กว่า "ประเทศซิบบับเว เป็นบ้านเมืองที่กำลังล่มสลาย จากพิษสงครามภายใน เพื่อแย่งชิงอำนาจกันอย่างไม่มีวันสิ้นสุด" และจากฐานข้อมูลระบุว่า ซิบบับเว เป็นประเทศที่มีแต่ความขัดแย้งทางการเมือง อย่างรุนแรงและได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ประชาชน มีความทุกข์มากที่สุดในโลก
กล่าวกันว่า ชนผิวดำในแถบแอฟริกานั้น จริงๆ แล้วดำแต่กาย เนื่องจากว่าจิตใจของชนผิวดำ นั้นมีสัมมาทิฐิ อยู่บางประการคือ มีความเชื่อเรื่องวิญญาณ อย่างน้อยก็เชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ และบรรพบุรุษมีภพภูมิที่อยู่ของตน และยังมีความเชื่อเรื่อง "นักบวช" อีกด้วย เมื่อเห็นพระภิกษุสงฆ์ ชาวผิวดำบางคนก็จะยกมือไหว้พร้อมโน้มศีรษะพองาม เพราะพวกเขาเชื่อว่านักบวช เป็นตัวแทนด้านจิตใจและจิตวิญญาณ (Spiritual) ไม่ว่าจะเป็น ศาสนาใดก็ตาม นักบวชเป็นบุคคล ที่มีคุณค่าสำหรับ จิตใจของพวกเขา
หลังจากคุณบองกานีทำงานที่ร้านอาหารไทย ได้ระยะหนึ่งก็เริ่มสังเกตเห็นว่า เจ้าของร้านอาหารแห่งนั้น ได้ให้การต้อนรับนักบวชในชุดสีทอง นั่นคือ พระภิกษุชาวไทย ซึ่งท่านได้ไปสอนสมาธิที่ร้านอยู่เป็นประจำ บองกานีและเพื่อนๆ ได้รับโอกาสในการนั่งปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์ผู้สอนสมาธินั้นด้วย การปฏิบัติธรรมในแต่ละครั้ง บองกานีสัมผัสได้ถึง ความสงบลึกๆ ภายใน จนกระทั่งเขาได้เข้าร่วมโครงการปฏิบัติธรรมต่อเนื่องที่ชื่อว่า The Middle Way ชายหนุ่มผิวดำคนนี้ ก็ได้พบมิติใหม่แห่งการดำเนินชีวิต "พูดได้อย่างเดียวเลยว่าสมาธินำความสุขสงบ ภายในมาให้ ตอนมีประสบการณ์ ของสมาธิแรกๆ ผมก็ไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร..." คุณบองกานี เกริ่นเข้าสู่เรื่องราวประสบการณ์ภายในของตนเอง
เราคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "มนุษย์มีแสงสว่าง ในตัวเอง" แน่นอน ได้ยินครั้งแรกมันเป็นคำพูดที่สะดุดหู และมีความหมายที่น่าค้นหา แต่เราก็ยังไม่รู้ว่า แสงสว่างของมนุษย์นั้นมาจากที่ไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร แสงนั้นมองเห็นได้หรือเปล่า เราสามารถ เพิ่มแสงสว่างในตัวของเราให้มากขึ้นได้หรือไม่ และ อีกหลายๆ คำถามจากคำพูดดังกล่าว เราสามารถหาคำตอบได้จากประสบการณ์ภายในของบองกานี
"ครั้งแรกๆ ที่ผมเริ่มเห็นแสงที่กลางลำตัว เหมือนเป็นดวงดาวดวงเล็กๆ จิตใจที่เคยสับสน วุ่นวายก็นิ่งมากขึ้น แสงแรกนั้นได้กลายเป็นแสงขยาย ใหญ่ขึ้น และเป็นความรู้สึกที่พิเศษสุดๆ ซึ่งอธิบายได้ยากมาก แสงกลางตัวขยายออกไปๆ จนกระทั่งกลายเป็นแสงคลุมตัวไว้ จนผมรู้สึกเหมือนลอยอยู่ในดวงสว่างนั้น ลอยอยู่บนอากาศอย่างมีความสุข และความสงบอย่างมาก ในรอบสุดท้ายก่อนจบคอร์ส ศูนย์กลางกายของผมสว่างมากและภายในกลางดวงกลมที่สว่างจ้านั้น ตรงกลางดวงมี "จุด" ที่สว่างจ้า กว่าดวงสว่างดวงเก่าเสียอีก"
คุณบองกานี ค้นพบแสงสว่างในตนเองได้ด้วยการนั่งหลับตา วางใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย ฐานที่ ๗ อยู่เหนือสะดือขึ้นไป ๒ นิ้วมือ ซึ่งเป็น คำตอบที่บอกกับมนุษย์ทุกผู้คนได้ว่า เราทุกคนมีแสงสว่างในตัวเอง เราสามารถที่จะมองเห็นแสงสว่าง นั้นได้ด้วยการวางใจหยุดนิ่ง ณ ตำแหน่งกลางกายตรงนี้ และเมื่อใจของคุณสงบนิ่ง ได้นานเท่าใด แสงสว่างนั้นก็เพิ่มขึ้นได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
...สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นพร้อมกับการมองเห็น แสงสว่างในตนเองนั้นก็คือ ความสุขและสันติภาพ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งถ้อยคำยืนยันจากชายผิวดำคนนี้
"ที่เซาท์แอฟริกา การขาดสันติภาพเป็นปัญหา ใหญ่ การไล่ฆ่าคนผิวดำต่างชาติเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก สิ่งที่ผมหลบหนีจาก ซิมบับเวผมกลับต้องมาเจอที่นี่ แต่สมาธิทำให้ผมผ่านความรู้สึกนั้นได้ ทุกๆ เช้า ผมจะเริ่มวันใหม่ด้วยการทำสมาธิ ทำให้แต่ละวัน ของผมมีคุณค่าและความสุข"
ขอตัดฉากไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีคนที่ ๔๔ ผู้นำผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ ขึ้นกล่าวปราศรัยขอบคุณผู้สนับสนุน หลังคว้าชัยชนะ นายบารัคได้พูดอย่างหนักแน่น และกล่าวย้ำสิ่งที่อับราฮัม ลินคอล์น เคยพูดว่า "ทุกคนเป็นเพื่อนกันไม่ใช่ศัตรูกัน" เขาต้องการ ความช่วยเหลือ จากประชาชนทุกคน และจะเป็นประธานาธิบดีที่ดีของประชาชน และประชาชนที่อยู่ ทั่วโลกจะได้เห็นอรุณรุ่งวันใหม่ ของผู้นำสหรัฐอเมริกา ใครร้องหาสันติภาพจะสนับสนุน
ถ้าประธานาธิบดีซึ่งเป็นตัวแทนของคนผิวสีในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นประเทศมหาอำนาจ ได้มา ฟังคำพูดของคุณบองกานี คนผิวสีเช่นเดียวกับเขากล่าวถ้อยคำประโยคนี้ คงจะเป็นประโยชน์ต่อนโยบายที่จะ สนับสนุนให้เกิดสันติภาพอยู่ไม่น้อย
"ผมอยากจะบอกครอบครัวและเพื่อนฝูงว่า "สมาธิ" คือวิธีที่จะนำ "สันติภาพ" มาสู่เซาท์แอฟริกา และแอฟริกาทั้งทวีป แต่คุณจะต้องเริ่มที่ตัวคุณเองเสียก่อน นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะบอกแก่ทุกคน ถ้าเรา สามารถชักชวนให้ทุกคนนั่งสมาธิได้ละก็ เราจะมีสันติภาพอย่างแน่นอน"
...ดวงตะวันให้แสงแก่โลกหล้าโดยมิเคย แบ่งแยกชนชั้นหรือสีผิว แสงสว่างภายในของมนุษย์ ก็ทำหน้าที่ดุจเดียวกัน ไม่ว่าผู้ใดจะมีผิวเป็น อะไร ทุกคนสามารถมองเห็นแสงสว่างภายในได้ และแสงสว่างนั้น ย่อมนำสันติสุข และสันติภาพมาสู่ผู้คนทั้งโลกอย่างถ้วนหน้า ถ้าทุกคนในโลกได้มานั่งหลับตา และมีใจตระหนักที่จะ เฝ้ามองแสงสว่างนี้ไปพร้อมๆ กัน