ตราบใด...ที่ธงชัยแห่งพระอรหันต์ยังคงโบกสะบัดพลิ้วไหว
              ตราบนั้น ...นับรบแห่งกองทัพธรรม ยังคงเดินหน้าต่อไป บนเส้นทางการสร้างบุญบารมี

            เพราะเส้นทางสายนี้ คือ เส้นทางแห่งความดีที่ทุกคนมีเป้าหมายร่วมกัน ในการผนึกกำลังศรัทธา เพื่อสถาปนาสิ่งที่บังเกิดขึ้นได้ยาก ให้ปรากฏขึ้นได้ นั่นคือ ลานจอดรถรองรับผู้มีบุญจากทั่วทุกมุมโลก ที่ตั้งใจเดินทางมาแสวงบุญ ณ ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาและวิชชาธรรมกาย

ซึ่งสาธุชนหลายหมื่นคน พร้อมใจกันสร้างบุญใหญ่ ในพิธีทอดกฐินบรมจักรพรรดิ ประจำวันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๘ ณ สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี นับเป็นมหากาลทาน ที่ ๑ ปี ทำได้ครั้งเดียวเท่านั้น

             ในช่วงเช้า เวลาประมาณ ๐๖.๓๐ น. เป็นพิธีตักบาตรพระภิกษุสงฆ์นับพันรูป โดยท่านประธานพิธีตักบาตร คือ กัลฯ ดร.ประกอบ และ กัลฯวรรณา จิรกิติ เมื่อคณะสงฆ์แปรแถวเพื่อรับบาตร เหล่าสาธุชนนั่งเรียงรายในชุดขาวสะอาดตา พร้อมรอยยิ้มแห่งความปีติ ที่จะได้สร้างมหาทานบารมี ในวันบุญใหญ่ต่างบรรจงน้อมนำข้าวปลาอาหาร ที่ตระเตรียมมาอย่างประณีต ใส่บาตรพระภิกษุสงฆ์ ด้วยดวงใจที่ชุ่มชื่น เบิกบานในบุญ

             ๐๙.๓๐ น. พิธีในภาคสาย พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประธานสงฆ์ นำสาธุชนนั่งสมาธิเจริญภาวนา กลั่นใจให้ใส สะอาด บริสุทธิ์ เพื่อรองรับบุญใหญ่ในวันนี้

            จากนั้นเป็นพิธีถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน แด่คณะสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ ผู้แทนสาธุชน คือ กัลฯ วิชัยและ กัลฯ สมชาย เบญจรงคกุล นำกล่าวคำถวายภัตตาหาร

      ช่วงบ่าย เข้าสู่พิธีทอดกฐินบรมจักรพรรดิ ท่านประธานกฐินประจำปีนี้ คือ กัลฯ บุญชัย เบญจรงคกุล นำริ้วขบวนมหาเศรษฐีคู่บุญ ค้ำจุนพระพุทธศาสนา และวิชชาธรรมกาย อัญเชิญผ้าไตรจากบริเวณทางเข้า ๑ สู่ศูนย์กลางพิธี

    กฐินทาน นับเป็นมหากาลทานที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากเมื่อกระทำไปแล้ว มีอานิสงส์ต่อเนื่องยาวนาน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจพลาดโอกาสบุญสำคัญเช่นนี้ ปรารถนาจะเป็นประธานกฐินสักครั้งหนึ่งในชีวิต ดังจะเห็นได้จาก ภาพริ้วขบวนผู้มีบุญจำนวนมาก ใช้เวลาเดินร่วมชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น คือ แรงบันดาลใจของผู้ที่ได้พบเห็น ถึงความเป็นปึกแผ่นมั่นคง ในบวรพุทธศาสนา ได้กลายเป็นกลไกหลักสำคัญ ที่ผลักดันเหล่าพุทธบริษัท ให้หันมารวมพลังกันสร้างความดีอย่างไม่มีข้อแม้เงื่อนไข

         และที่โดดเด่นที่สุด คือ การจำลองชุดมหาลดาปสาธน์ ของนางวิสาขามหาอุบาสิกา ครั้งสมัยพุทธกาล โดยนางแบบกิตติมศักดิ์ กัลฯ ชนันภรณ์ รสจันทร์ Miss Thailand Universe 2005 ซึ่งเครื่องประดับอันสวยงามตระการตานี้ นับเป็นที่สุดแห่งอานิสงส์ ของฝ่ายหญิง ในการถวายผ้าไตรจีวรอันเลิศ แด่ทักขิไณยบุคคล ซึ่งในสมัยพุทธกาลมีสตรีเพียง ๓ ท่านเท่านั้นที่ได้สวมใส่ ทุกอณูของเนื้อผ้าล้วนถักทออย่างประณีต มีความอ่อนช้อย และวิจิตรงดงามอย่างมาก เรียกเสียงปรบมือและอนุโมทนาไปตลอดเส้นทาง

        จากนั้นเป็นการรับถวายปัจจัย ร่วมบุญกฐินบรมจักรพรรดิ ยอดนักสร้างบารมีทั้งภายใน และต่างประเทศ มาร่วมถวายปัจจัยกันเป็นกลุ่มเป็นคณะ เบิกบานบุญบันเทิงกันอย่างมาก ต่างชูซองปัจจัยทางมาแห่งบุญ และป้ายชื่อทีมด้วยความปีติ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มจังหวัด กลุ่มมหาวิทยาลัย กลุ่มมลรัฐในต่างประเทศ ต่างปีติปลื้มใจในมหาทานที่ทำได้โดยยาก หลายคนทำหน้าที่อย่างสุดชีวิต สุดกำลัง หลายคนนำทรัพย์ที่เก็บออมมาตลอดชีวิต เพื่อนำมาฝากฝังไว้ในพระศาสนา เพราะเห็นประโยชน์สูงสุดใน การสร้างอริยทรัพย์ให้ติดตัวไปทุกภพทุกชาติ   คำพูดสักล้านคำ คงไม่อาจบรรยายความรู้สึกภาคภูมิใจได้หมดสิ้น ด้วยสองมือที่ประคองผ้าไตร ซึ่งเป็นประดุจธงชัยของพระอรหันต์ คือสองมือที่ตั้งใจทำหน้าที่ยอดกัลยาณมิตร อย่างไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคอันใด ทุกย่างก้าวดูองอาจ สง่างาม เปี่ยมด้วยรอยยิ้มแห่งความปีติ ที่กลายเป็นต้นแบบต้นบุญ ให้กับชาวโลกไปอีกนานแสนนาน

        จากนั้น พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประธานสงฆ์ นำสาธุชนนั่งสมาธิ เจริญภาวนา เมื่อถึงเวลาสว่าง ท่านประธานกฐินบรมจักรพรรดิ คือ กัลฯ บุญชัย เบญจรงคกุล กล่าวคำถวายผ้ากฐิน ผู้แทนคณะสงฆ์อปโลกน์กฐิน

    งานกฐินบรมจักรพรรดิ ประจำปีนี้ จึงเป็นบุญใหญ่ที่แจ่มชัดในความทรงจำ ไปอีกนานแสนนาน เพราะการสร้างลานจอดรถรองรับ ผู้มีบุญจากทั่วโลก มีความหมายเกี่ยวเนื่อง กับบุญอย่างอื่น ที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย เพราะแผ่นดิน เป็นพื้นฐานรองรับเสนาสนะ อาคารสถานที่ต่างๆ ฉันใด มหาทานบารมีในครั้งนี้ จึงเปรียบได้กับฐานบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ ที่จะนำไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ฉันนั้