ฉบับที่ 101 มีนาคม ปี2554

สะดวกใจ

เรื่อง : โค้ก อลงกรณ์

 




 

สะดวกใจ

      ผมชอบบรรยากาศยามค่ำคืนของวันมาฆบูชาที่ผ่านมาสัมผัสได้  ถึงความศรัทธาของชาวพุทธทั่วโลกที่พร้อมใจร่วมจุดโคมประทีปนับล้านดวงให้สว่างไสว ถวายเป็นพุทธบูชา แต่ยามค่ำนี้พิเศษไปจากเดิม หลังพิธีจุดมาฆประทีป หลวงพ่อมายังบริเวณโบสถ์

        เพียงแค่ผ่านกำแพงเข้ามาบริเวณภายในวัด ผมก็สัมผัสได้ถึงต้นไม้ทุกต้น อาคารสถานที่ต่าง ๆ กุฏิทุกหลัง แมลงทุกตัว และทุก ๆ ชีวิต ถูกบรรยากาศยามค่ำคืนครอบคลุม ทุกอย่างอยู่ในความสงบ วิเวกบรรยากาศภายในวัดยามนี้ต่างจากบรรยากาศในลานธรรม มหาธรรมกายเจดีย์

       รอบโบสถ์ยามนี้มีแสงจันทร์วันเพ็ญสว่างพอให้มองเห็นทาง ไฟฉายที่ผมถืออยู่ในมือจึงไม่ได้ถูกใช้เลยผมเดินตามหลวงพ่อไปเรื่อย ๆขณะที่เดินตามหลวงพ่อไปอย่างเงียบ ๆ บนถนนรอบโบสถ์หลวงพ่อมองหมู่ต้นไม้รอบโบสถ์ ที่ตอนนี้เห็นเป็นเพียงทิวแถวที่ถูกผ้าสีดำผืนยักษ์คลุมไว้แล้วท่านก็หันมองไปที่โบสถ์ แสงจันทร์สะท้อนเส้นโค้งคู่ของหลังคาและช่อฟ้าโบสถ์ให้ลอยเด่นเป็นความสวยงามที่แปลกตาต่างจากที่เคยเห็น

        เกิดอะไรขึ้น? หลวงพ่อมาเดินรอบโบสถ์ทำไม? ขณะที่กำลังคิดตั้งคำถามไปเรื่อย ๆ ก็พอดีเดินวนมาจนครบรอบ หลวงพ่อเดินเข้าไปที่โบสถ์ ก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้นพอถึงขั้นสุดท้ายท่านนั่งลงหันหน้าไปทางประตูหน้าวัด เห็นพระจันทร์ลอยเด่นถนัดตา แล้วหลวงพ่อก็ให้ช่วยมองดูพระจันทร์ที่เห็นบนท้องฟ้า
..................

     ค่ำวันหนึ่งก่อนเข้าไปในห้องปฏิบัติธรรม หลวงพ่อให้ช่วยดูจุดสว่างที่เห็นบนท้องฟ้าว่าคืออะไร  เป็นแสงของดวงดาว หรือแสงของเครื่องบิน ทำไมแสงถึงสว่างไสวกว่าดาวทุกดวงบนฟ้า 

      ครั้งนั้นช่วยกันพิจารณาดูอยู่หลายท่าน จุดสว่างเนิ่นนานไม่มีการขยับเขยื้อนคงไม่ใช่แสงไฟจากเครื่องบิน มองดูแล้วสรุปตรงกันว่า น่าจะต้องเป็นแสงของดวงดาว

      เมื่อออกมาจากห้องปฏิบัติธรรม มองไปยังตำแหน่งเดิมกลับไม่พบดาวดวงนั้นแล้ว ดาวหายไปหลวงพ่อให้ช่วยกันหาให้ทั่ว มองหาดูดี ๆ

     มองหาอยู่สักพัก สรุปว่าหาไม่เจอ เมื่อเดินทางมายังพุทธศิลป์ หลวงพ่อถามอีกครั้ง หาเจอหรือยัง ก่อนกลับเข้ากุฏิ หลวงพ่อถามอีกครั้งสองครั้ง หลังจากนั้นท่านก็ไม่ได้ถามอีก

.......................

ค่ำคืนนี้เมื่อมองพระจันทร์ที่ลอยเด่นตามที่หลวงพ่อให้ช่วยมองดูแล้ว ท่านไม่ได้ถามคำถามอื่นต่อ     

    หากหลวงพ่อถามถึงดวงดาวที่ให้หา ก็คงตอบท่านไปว่า ยังหาไม่เจอหลวงพ่อก็คงให้หาต่อไป หาให้เจอในเรื่องนี้ไม่ว่าหลวงพ่อจะถามกี่ครั้ง ผมคิดว่าคำตอบที่ได้คงเหมือนกันทุกครั้ง คือหาไม่เจอเลยทำให้รู้สึก "สะดวกใจ" ที่หลวงพ่อไม่ได้ถาม

       สะดวกใจ คือ ความสบายใจ ดีใจ โล่งใจ ผสมรวมกัน ความหมายของผมคือไม่ลำบากใจในการตอบ
เมื่อหลวงพ่อถามที่ผ่านมาเราล้วนพบเจอเรื่องสะดวกใจที่หลวงพ่อไม่ได้ถามหลายต่อหลายเรื่อง  เช่นนั่งธรรมะบ้างหรือเปล่า? นั่งธรรมะเป็นอย่างไรบ้าง? งานที่หลวงพ่อมอบหมายให้ทำไปถึงไหนแล้ว? เหล่านี้เป็นต้น

       จะตอบหลวงพ่ออย่างไร ในเมื่อไม่ค่อยมีเวลาได้นั่งสมาธิ หรือถ้านั่งแต่ผลการนั่งกลับไม่ค่อยก้าวหน้าอย่างนี้จะกล้าไปสู้หน้าหลวงพ่อได้อย่างไร

       ในเมื่อหลวงพ่อไม่ได้ถาม จึงกลายเป็นเรื่องสะดวกใจที่เราไม่ต้องลำบากใจในการตอบแต่เราอยากให้เป็นเรื่องสะดวกใจเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็เป็นเรื่องของเรา

       เป็นเรื่องของเราจริง ๆ ไม่ได้เป็นเรื่องของใครอื่น เพราะถ้าเราไม่ทำ คนที่จะเสียโอกาสจะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่เราแต่ถ้าเราทำต่อ ยังรักษาองค์พระให้ชัดใสสว่างได้ และได้ดีขึ้นกว่าเดิม นั่งธรรมะต่อเนื่องไม่เคยขาด  ทำหน้าที่กัลยาณมิตรได้สำเร็จ ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ บุญกุศลที่เกิดขึ้นจะเป็นของใคร ถ้าไม่ใช่ของเรา

    เรื่องของเราจึงเป็นเรื่องที่เราต้องทำต่อ แม้หลวงพ่อจะไม่ถามแต่ถ้าเราทำต่อ ทำจนได้ผลที่ดี จากเรื่องสะดวกใจที่ไม่อยากตอบจะเปลี่ยนเป็นเรื่องภาคภูมิใจที่อยากตอบหลวงพ่อขึ้นมาทันที แต่ก็น่าแปลก เมื่อถึงคราวที่เป็นเรื่องภูมิใจที่อยากตอบ หลวงพ่อกลับเฉย ๆ ไม่เอ่ยถามแต่ไม่ว่าท่านจะถาม หรือไม่ถาม ไม่ต้องวิตกกังวลใจ เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องของเราเรื่องของเราคือ เราก็ทำของเราต่อไป

.........................

     ลมเย็นพัดมาเอื่อย ๆ ในความมืดมีความงดงาม  ไม่ว่าใครหากมีโอกาสได้มาสัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนภายในวัดที่สงบวิเวกเช่นนี้จิตใจคงรักความสันโดษเพิ่มมากขึ้น

       ในใจผมยามนี้ยุติความสงสัยที่เกิดขึ้น ไม่ว่าหลวงพ่อจะมาที่โบสถ์เพราะเหตุใด
ผมคงไม่สะดวกใจที่จะถามหลวงพ่อ

      จำได้ว่า....วันที่หลวงพ่อเริ่มขุดดินก้อนแรกเพื่อสร้างวัดตรงกับวันมาฆบูชา ยังเคยได้เห็นภาพที่หลวงพ่อถือประทีปและเวียนรอบโบสถ์ซึ่งตอนนั้นยังเป็นพื้นที่ว่างเปล่าได้

       สมัยนั้นนักสร้างบารมีที่เริ่มบุกเบิกมีเพียงไม่กี่คน จากวันนั้นมาถึงวันนี้ครบรอบ ๔๑ ปีพอดี บางทีการที่หลวงพ่อไปที่โบสถ์ในครั้งนี้ ท่านอาจนึกทบทวนย้อนไปยังวันแรกที่เริ่มต้นสร้างวัดพระธรรมกายแห่งนี้ก็เป็นได้

       ก่อนที่หลวงพ่อจะเดินทางกลับไปยังกุฏิ ผมมองขึ้นไปดูพระจันทร์บนท้องฟ้าอีกครั้ง และไม่ลืมที่จะมองหาดาวดวงที่สว่างสุกใสดวงนั้นต่อไป
.........................

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล