ฉบับที่ ๑๕๖ เดือนตุลาคม ๒๕๕๘

อานิสงส์ถวายทานบ่อยๆ

อานิสงส์แห่งบุญ
 เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙
ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์

 

 

 อานิสงส์ถวายทานบ่อยๆ


“ดูก่อนเทพธิดาผู้มีกายอันประดับประดาแล้ว สวมทิพย์มาลัย

ทรงพัสตราภรณ์อันสวยงาม

วิมานตั่งแก้วไพฑูรย์ของท่านโอฬาร รวดเร็วดังใจ ไปได้ตามใจปรารถนา

ส่องแสงประกายดังสายฟ้าแลบลอดหลืบเมฆ

เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีวรรณะเช่นนี้โภคะทุกอย่างที่น่าปรารถนาจึงเกิดขึ้นแก่ท่าน”

 

 

     ตามปกติของชาวสวรรค์นั้น เขาจะระลึกชาติได้อย่างน้อย ๑ ชาติ เพื่อตรวจดูว่าในอดีตได้ทำบุญอะไรเอาไว้ จึงมาเกิดเป็นชาวสวรรค์ เมื่อสำรวจตรวจตราดูทิพยสมบัติและรู้ว่าเกิดขึ้นด้วยบุญอะไรแล้ว ก็จะปลื้มปีติหากทำบุญเอาไว้มาก ความปลื้มปีติก็มาก จะท่องเที่ยวไปในทิพยอุทยานก็ได้รับความเกรงใจหรือเป็นที่ดึงดูดตาดึงดูดใจของเหล่าทวยเทพที่ได้ทอดทัศนา แต่ถ้าทำบุญเอาไว้น้อย วิมานก็จะเล็ก ไม่ค่อยสว่าง บริวารก็มีน้อย ทำให้อายชาวสวรรค์ที่มีวิมานสว่างไสวใหญ่โตโอฬาร


     อย่างไรก็ตาม ชาวสวรรค์จะไม่อิจฉาริษยากัน มีแต่ปลื้มปีติและมุทิตาจิตต่อกันเพราะทิพยสมบัติบนสวรรค์นั้นเกิดขึ้นด้วยอานุภาพบุญอย่างเดียว ไม่ได้เกิดจากการทำมาหากินหรืออาศัยความรู้ความสามารถตอนเป็นมนุษย์ ก่อนมาเกิดเป็นชาวสวรรค์หากต้องการรู้ว่า ขณะเป็นมนุษย์นั้น บุคคลใดได้ทำบุญเอาไว้มากน้อยเพียงไร ก็จะมาวัดกันตอนเป็นชาวสวรรค์ ในเมื่อชาวสวรรค์ไม่มีการทำมาหากิน จึงไม่ประพฤติผิดศีล ไม่มีการฆ่าหรือเบียดเบียนกัน ไม่ลักขโมยกัน สมบัติของเทพตนใดก็เป็นของตนนั้น จะลักขโมยกันเหมือนในโลกมนุษย์ไม่ได้


    ชาวสวรรค์จะมีหิริโอตตัปปะตลอดเวลา โดยมากจะบันเทิงเริงรมย์ด้วยทิพยสมบัติอย่างเดียวจนกว่าจะหมดบุญหรือหมดอายุขัยเหมือนดังเทพธิดาท่านหนึ่ง ผู้มีวิมานสว่างไสวมีวิมานทองลักษณะคล้ายตั่ง ล่องลอยไปมาได้ดังใจปรารถนา ใครได้พบเห็นแล้ว ต่างพากันสะดุดตาสะดุดใจยิ่งนัก


      ในสมัยพุทธกาล พระมหาโมคคัลลานเถระได้เหาะขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เห็นวิมานของเทพธิดาท่านหนึ่งมีลักษณะคล้ายตั่งทอง จึงเหาะเข้าไปใกล้ ๆ แล้วไต่ถามนางว่า “ดูก่อนเทพธิดาผู้มีกายอันประดับประดาแล้วทรงมาลัย ทรงพัสตราภรณ์อันสวยงาม วิมานตั่งแก้วไพฑูรย์ของท่านโอฬาร เร็วดังใจ ไปได้ตามใจปรารถนา ส่องแสงประกายดังสายฟ้าแลบลอดหลืบเมฆ ท่านทำบุญอะไรไว้ จึงมีวรรณะสว่างไสวอย่างนี้”


     เทพนารีรู้สึกปลื้มปีติที่พระมหาเถระผู้เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรมและคุณวิเศษให้เกียรติมาถามนางถึงหน้าประตูวิมาน จึงบอกบุพกรรมของตนว่า

 


     “พระคุณเจ้าผู้เป็นเนื้อนาบุญของโลกเมื่อครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ดิฉันเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดา ได้ถวายอาสนะแด่หมู่ภิกษุที่สามีนิมนต์ให้มาฉันภัตตาหารที่บ้าน ดิฉันได้อภิวาท กระทำอัญชลี และถวายทานอย่างเต็มกำลัง ด้วยความเลื่อมใสในพระสงฆ์ที่มีจริยวัตรงดงาม จึงขอร้องให้สามีกราบนิมนต์พระสงฆ์ให้หมุนเวียนมาฉันภัตตาหารที่บ้านเป็นประจำ สามีไม่ขัดข้อง ดิฉันจึงมีโอกาสถวายสังฆทานอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอาสนะที่จัดไว้รอต้อนรับพระสงฆ์นั้น ดิฉันจัดทำด้วยผ้าที่มีราคาและประณีต ใช้ผ้าสีเขียวลาดบนตั่งถวาย เพราะบุญนั้นดิฉันจึงมีวรรณะเปล่งปลั่งผ่องใสเช่นนี้ เพราะบุญนั้นโภคะทุกอย่างที่น่าปรารถนาจึงเกิดแก่ดิฉัน”


   พระเถระกล่าวชื่นชมอนุโมทนาในบุญกุศลที่เธอได้ทำเอาไว้ดีแล้ว จากนั้นก็เหาะไปยังวิมานที่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งมีลักษณะคล้าย ๆ กันพลางถามว่า “ดูก่อนเทพธิดา วิมานตั่งทองของท่านโอฬาร เร็วดังใจ ไปได้ตามใจปรารถนาส่องแสงประกายคล้ายสายฟ้าแลบ เพราะบุญอะไรวรรณะของท่านจึงสว่างไสวเป็นพิเศษและโภคะทุกอย่างที่น่าปรารถนาจึงเกิดขึ้นแก่ท่าน”


     เทพธิดากราบเรียนว่า “เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ดิฉันเป็นสะใภ้อยู่ในตระกูลสามี ได้เห็นภิกษุผู้ปราศจากกิเลสธุลี เที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ ท่านรับบาตรแล้วประสงค์จะฉันในเวลาเพล และเดินผ่านหน้าบ้านของดิฉันพอดี ดิฉันเกิดศรัทธา สังเกตรู้อาการของท่านจึงกล่าวว่า ‘นิมนต์เจ้าค่ะ ขอท่านโปรดนั่งบนอาสนะ ขบฉันภัตตาหารเถิด’ แล้วดิฉันก็จัดตั่งอย่างดี ปูผ้าสีเหลืองบนตั่ง ได้บริจาคทานด้วยความเคารพ และตั้งความปรารถนาว่าขอบุญของเรานี้ จงเป็นปัจจัยให้ได้ตั่งทองในอนาคตกาลเถิด


     เมื่อพระเถระฉันภัตตาหารเสร็จ ท่านล้างบาตรแล้วลุกไป ดิฉันบอกว่า ‘ท่านเจ้าคะอาสนะนี้ดิฉันถวายแด่ท่านแล้ว ขอได้โปรดใช้สอยเพื่ออนุเคราะห์ดิฉันด้วยเถิด’ พระเถระต้องการอนุเคราะห์ดิฉัน จึงรับตั่งนั้นไว้ แล้วท่านก็นำไปถวายสงฆ์ต่อ ดิฉันนึกถึงบุญพิเศษครั้งนั้นได้ จึงเกิดความปลื้มปีติ


     ต่อมา ดิฉันล้มป่วยลงและเสียชีวิตด้วยโรคลม เมื่อละโลกแล้ว จึงมาบังเกิดในวิมานตั่งทองสมปรารถนาที่ตั้งใจเอาไว้ นี้เป็นผลกรรมเล็กน้อยของดิฉัน อันเป็นเหตุให้ดิฉันมีอานุภาพรุ่งเรืองเช่นนี้”

 


     พระเถระอนุโมทนาในบุญกุศลที่นางได้ทำไว้ดีแล้ว จากนั้นจึงเหาะกลับมายังโลกมนุษย์ และเทศน์สอนให้มนุษย์ไม่ประมาทในการสั่งสมบุญดังที่เทพธิดาเล่าบุพกรรมให้ฟังซึ่งหากบุคคลใดตั้งใจทำบุญด้วยจิตเลื่อมใสทำถูกเนื้อนาบุญ และนึกถึงบุญนั้นบ่อย ๆบุญนั้นก็จะส่งผลยิ่งใหญ่ไพศาล ให้ได้เสวยทิพยสมบัติดังที่พระเถระได้ไปประสบพบเห็นมาแล้ว


    เราจะเห็นว่าเสบียงเดินทางไปสู่ปรโลกที่ดีที่สุดไม่มีอะไรดีไปกว่าบุญ บุญจะอำนวยผลให้เราได้ไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เสวยทิพยสมบัติเป็นเวลายาวนานเกินกว่าอายุขัยของมนุษย์ยุคนี้มากมายหลายเท่านัก แม้กลับมาให้ประสบแต่ความสำเร็จในชีวิต


     ทันทีที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เท่ากับว่าเราได้ลงสู่สมรภูมิแล้วในสมรภูมิชีวิตของเรานั้น เราต้องพร้อมเสมอ ต้องเตรียมพร้อมเอาไว้และพร้อมที่จะจากโลกนี้ไปอย่างสง่างาม โดยการเริ่มสั่งสมบุญ เก็บเสบียงบุญเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะโลกมนุษย์นี้มีอันตรายรอบด้าน ทั้งอันตรายที่เกิดจากภัยพิบัติต่าง ๆ และโรคภัยไข้เจ็บ ตลอดจนภัยในสังสารวัฏ


     การจะรู้แพ้รู้ชนะนั้น ให้ดูกันที่ชีวิตหลังความตายว่า ใครไปสบายหรือไปอบายถ้าหากเราสั่งสมบุญเอาไว้ดีแล้ว เมื่อภัยมาก็ยิ้มสู้ได้ แม้ความตายมาเยือนก็พร้อมเสมอที่จะเดินทางไปสู่ปรโลกอย่างอาจหาญ อย่างผู้มีชัยชนะ ดังนั้นให้ทุกท่านหมั่นเตรียมพร้อมให้ดี ด้วยการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาเรื่อยไปจนกว่าจะได้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในกันทุกคน


     บุคคลผู้มีจิตเบิกบานผ่องใส เป็นผู้มีศรัทธา ให้ทานด้วยโภคทรัพย์ทั้งหลายที่ได้มาโดยชอบธรรม แม้จะอยู่ครองเรือน ย่อมเป็นผู้ยึดถือชัยชนะไว้ได้ในโลกทั้งสอง คือประโยชน์ในโลกนี้และประโยชน์ในสัมปรายภพการบริจาคทานของคฤหัสถ์ดังกล่าวมานั้นย่อมเจริญบุญ

 

 


 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล