ฉบับที่ ๑๕๗ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘

หลักฐานธรรมกาย ในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๖) 

บทความพิเศษ     
เรื่อง : พระครูวิเทศสุธรรมญาณ วิ. (สุธรรม สุธมฺโม) และคณะนักวิจัย DIRI

 

 

    (ต่อจากฉบับที่แล้ว) ที่มีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามเส้นทางค้าขายในยุค   พุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๒ นั้น ปรากฏมีโบราณวัตถุรวมทั้งศิลาจารึกคาถาทั้งภาษาบาลีและสันสกฤตปรากฏให้เห็นเป็นหลักฐาน ค้นพบที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ประเทศไทย และบางส่วนเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ที่ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น (ดังที่ปรากฏ     ในภาพ) ซึ่งสะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาตลอดฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย 

 

จารึกฐานรองพระธรรมจักร อักษรปัลลวะ ภาษาบาลี พุทธศตวรรษที่ ๑๒ พบที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม สรุปคำแปลได้ว่า “ธรรมจักรนี้เป็นของพระพุทธเจ้า ประกอบด้วยอริยสัจ ๔ เมื่อหมุนธรรมจักร ๓ รอบ จะเกิดอาการ ๑๒ ประการ ของสัจจญาณ กิจจญาณ และกตญาณ”

ภาพ : ชะเอม แก้วคล้าย

 

คัมภีร์พระพุทธศาสนาทองคำ อักษรปัลลวะ พุทธศตวรรษที่ ๑๒ พิพิธภัณฑสถานอินโดนีเซีย
ที่มา http://dl.lontar-library.org/gdl.php?mod=browse&op=read&id=jkpklontar-ldl-img-63

 


ศิลาสลักภาพเจดีย์สมัยปัลลวะและจารึกอักษรปัลลวะ  รัฐเคดาห์ มาเลเซีย พุทธศตวรรษที่ ๑๒
ที่มา http://www.photodharma.net/Malaysia/Bujang-Valley-Museum/Bujang-Valley-Museum.htm

 

 

    ผู้เขียนและคณะนักวิจัยของสถาบันดีรี (DIRI) เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศนอร์เวย์ และสหรัฐอเมริกา สืบเนื่องจากการลงนามสัญญาความร่วมมือทางวิชาการ ทั้งที่มหาวิทยาลัยออสโลและมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ซึ่งทั้งสองสถาบันเป็นแหล่งที่มี ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Source) ของคัมภีร์พุทธโบราณอายุกว่า ๒,๐๐๐ ปี เป็นจำนวนมาก ที่ค้นพบในเขตคันธาระและแถบเอเชียกลาง ดังนั้นในฉบับนี้จึงขอนำเสนอเส้นทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเขตคันธาระและแถบเอเชียกลาง


    ขอกล่าวย้อนกลับมาทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของชมพูทวีป ในช่วงพุทธศตวรรษ  ที่ ๗ หลังการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของ  พระเจ้าอโศกมหาราชราว ๓๐๐ ปี พระเจ้ากนิษกะทรงเป็นผู้ปกครองอาณาจักรกุษาณะ และมี พระเดชานุภาพด้านการทหารและการปกครอง   ทรงเป็นอัครพุทธศาสนูปถัมภกผู้ยิ่งใหญ่ และทรงเป็นผู้กำหนดการใช้มหาศักราชขึ้น         พระราชอาณาจักรมีศูนย์กลางอยู่ที่แคว้นคันธาระ  และแผ่ขยายเข้าไปถึงเมืองทูรฟาน1 ในเขตแอ่งทาริมของเอเชียกลาง จนถึงเมืองปาฏลีบุตร  ในตอนเหนือของชมพูทวีป ราชธานีของพระองค์คือเมืองเปชวาร์ในประเทศปากีสถานปัจจุบัน ทรงอุปถัมภ์ให้มีการสังคายนาพระไตรปิฎก  ของนิกายสรวาสติวาท ซึ่งมีการบันทึกพระธรรมคำสอนเป็นลายลักษณ์อักษรในครั้งนี้ด้วย พระพุทธศาสนาจึงเผยแผ่ไปสู่เอเชียกลาง   และจีนอย่างรวดเร็วตามเส้นทางการค้าขายทางบก ซึ่งต่อมาอีกหลายศตวรรษ พระพุทธศาสนาก็เผยแผ่ไปตามเส้นทางการค้าทางทะเล วรรณคดีพุทธศาสนาภาษาสันสกฤตเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในยุคนี้ ในด้านพุทธศิลป์คันธาระก็มีความเจริญถึงขีดสุดในยุคของพระองค์เช่นกัน

 

ศิลาจารึกมนต์ในพุทธศาสนามหายาน อักษรปัลลวะภาษาปรากฤต เกาะมัลดีฟ พุทธศตวรรษที่ ๑๒ (สันนิษฐานว่าเป็นศิลาฤกษ์ใช้ในการก่อสร้าง  สถานที่สำคัญ)
ที่มาhttps://www.tamilnet.com/pic.html?path=/img/publish/2010/11/Pallava_Grantha_inscription.jpg&width=893&height=366&caption=Earliest%20written%20record%20found%20in%20Landhoo,%20Maldives.%20It%20is%20a%20Mahayana%20Buddhist%20inscription%20in%20PallavaGrantha%20script,%20datable%20to%20ca.%205/6th%20century%20CE.%20%5BImage%20Courtesy:%20Inscriptions%20of%20Maldives%20-%20No%201%5D

 

เหรียญกษาปณ์ พระเจ้ากนิษกะ พ.ศ. ๖๒๑-๖๔๔ (127-151 A.D.) อาณาจักรกุษาณะ
ที่มา http://humshehri.org/history/kushan-dynasty/

 

    หลักฐานโบราณคดีที่สำคัญของยุคนี้ คือ ผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ขุดพบที่มหาสถูปพระเจ้ากนิษกะนอกกรุง เปชวาร์ ประเทศปากีสถาน ฝาผอบเป็นรูปพระพุทธเจ้าประทับบนดอกบัวพร้อมเทวดา ๒ องค์ จารึกที่ผอบเป็นอักษรขโรษฐี  มีใจความว่า “ทาสชื่ออคิสาเลาผู้ควบคุมงานที่วิหารกนิษกะในอารามของมหาเสนา” ปัจจุบันผอบเก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑ์เปชวาร์ ส่วนพระบรมสารีริกธาตุนั้นรัฐบาลอังกฤษอัญเชิญไปประดิษฐานที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ เมื่อ     พ.ศ. ๒๔๕๓ 

 

ผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พุทธศตวรรษที่ ๗
ที่มา http://www.thefridaytimes.com/beta3/tft/article.php?issue=20110715&page=16

 

แคว้นคันธาระ เมืองเปชวาร์ แคว้นแบกเทรีย และบริเวณใกล้เคียง อันเป็นประตูเส้นทางการค้าขายโบราณไปสู่แอ่งทาริมและจีนทางตะวันออก
ที่มา http://pro.geo.univie.ac.at/projects/khm/showcases/showcase14

 

    ร่องรอยอารยธรรมทางพระพุทธศาสนาได้รับการขุดค้นทางโบราณคดีในเมืองสำคัญ ๆ ของคันธาระและแบกเทรีย ได้แก่ เมืองบาช บามิยัน ฮัดดา ในอัฟกานิสถานปัจจุบัน และในแถบสวาด เมืองเปชวาร์ ตักสิลา ของปากีสถาน

 

ด้านข้างผอบดุน เป็นรูปกษัตริย์ในราชวงศ์กุษาณะ สองข้างเป็นเทพดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ในศาสนาของอิหร่าน
ที่มา http://tongiaovadantoc.com/c0/20110406120412445/chuong-iv-vua-kanishka-va-su-phat-trien-cua-phat-giao-dai-thua.htm

 

พระพุทธรูปศิลปะคันธาระ พุทธศตวรรษที่ ๖-๗
ที่มา http://www.nytimes.com/2007/03/23/arts/design/23fair.html?pagewanted=all&_r=0

 

ภาพสลักพระนางสิริมหามายาทรงสุบิน   ศิลปะคันธาระ พุทธศตวรรษที่ ๗
ที่มา http://bharatkalyan1.rssing.com/chan-6237423/all_p113.html

 

โบราณสถานเมืองฮัดดา2 อัฟกานิสถาน
ที่มา http://historypak.com/gandhara-civilization/

 

ภาพสลักปฐมเทศนา พุทธศตวรรษที่ ๗ ได้จากการขุดค้นที่เมืองฮัดดา อัฟกานิสถาน
ที่มา http://www.flickriver.com/photos/28772513@N07/sets/72157633059219081/

 


พุทธโบราณสถานตะปะอิโชโตเมืองฮัดดา อัฟกานิสถาน
ที่มา http://www.flickriver.com/photos/32357038@N08/sets/72157615188149612/

 

    ในดินแดนที่ได้รับพระพุทธศาสนาไว้นี้ พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถูกเก็บรักษาไว้ในรูปคัมภีร์โบราณ ซึ่งทำจากวัสดุในท้องถิ่น เช่น เปลือกไม้เบิร์ชและกระดาษ สำหรับอักษรที่ใช้ในการจารคัมภีร์ คือ อักษรขโรษฐี ภาษาที่ใช้ คือ ภาษาปรากฤตและภาษาท้องถิ่น เช่น ภาษาคานธารี คัมภีร์ที่ยังคงเหลือมาถึงปัจจุบันมักพบซุกซ่อนอยู่ในเขตโบราณสถานและตามถ้ำบนภูเขา นับเป็นเอกสารทางพระพุทธศาสนาที่จารึก   พระธรรมคำสอนที่เก่าแก่ที่สุด ตัวคัมภีร์เปราะบางและพร้อมที่จะสลายตัวเป็นฝุ่นผงเมื่อถูกจับต้อง จึงต้องใช้กระบวนการพิเศษในการคลี่ม้วนคัมภีร์เพื่อการอ่านศึกษา ซึ่งการเข้าถึงคัมภีร์โบราณเหล่านี้เปิดให้เฉพาะ  นักวิชาการที่มีหน้าที่เท่านั้น ปัจจุบันคัมภีร์ดังกล่าว   ส่วนใหญ่เก็บรักษาไว้ในสถาบันวิชาการระดับโลก เช่น ห้องสมุดแห่งชาติอังกฤษ3 สถาบันสเคอเยน4 ประเทศนอร์เวย์ เป็นต้น

 


พระพุทธรูปใหญ่ที่บามิยัน อัฟกานิสถาน ถูกทำลายโดยกลุ่มตอลิบาน (ฏอลิบาน)
ที่มา http://www.fravahr.org/spip.php?article540

 

คัมภีร์เปลือกไม้เบิร์ช อักษรขโรษฐี ภาษาคานธารี พุทธศตวรรษที่ ๖-๗
ที่มา http://jayarava.blogspot.com/2015/02/the-very-idea-of-buddhist-history.html

 

คัมภีร์มหายานสูตร พบที่บาจัวร์ ปากีสถานเปลือกไม้เบิร์ช อักษรขโรษฐี ภาษาคานธารี  

 

 

    นับว่าเป็นบุญวาสนาของพวกเราชาวพุทธ และด้วยอานุภาพของพระรัตนตรัย ที่ปัจจุบันนี้ ยังมีผู้อนุรักษ์เก็บรักษาและสนับสนุนให้คณะนักวิจัยของสถาบันดีรีมีโอกาสทำการศึกษาวิจัย     อย่างจริงจัง จากข้อมูลปฐมภูมิเหล่านั้น ซึ่งเป็นคำสอนดั้งเดิม ทั้งนี้เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ      แก่ชาวโลก   

 

(โปรดติดตามฉบับต่อไป)

 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล