ฉบับที่ ๑๐ ประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

มุทิตานาคหลวง วัดพระธรรมกาย พ.ศ.๒๕๔๖

 ใครจะคาดคิดว่า การตัดสินใจสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่คิดนั้นไม่สำคัญ อาจจะเป็นจุดผันเปลี่ยนเวลาที่เหลืออยู่ทั้งหมด ไปสู่ชีวิตที่บริสุทธิ์กว่า งดงามกว่าบนเส้นทางแห่งความดี นั่นคือ การตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ที่จะทำหน้าที่ "ธรรมทายาท" ผู้สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา

ให้รุ่งเรืองยาวนาน ภายใต้ร่มเงาของผ้ากาสาวพัสตร์ ตราบเท่าชีวิตจะหาไม่ อันเป็นหลักชัยที่จะยังประโยชน์สูงสุดต่อมวลมนุษยชาติ


      และนี่คือ ธรรมนูญชีวิตที่เลือกแล้วของ พระมหาพรเทพ ธมฺมนฺตทสฺสี(มีพารา) พระนาคหลวงรูปที่สี่แห่งวัดพระธรรมกาย
      ...เมื่อวันวาน ท่านคือ สามเณร เหล่ากอของสมณะ ผู้แบกรับภาระของพระพุทธศาสนาไว้ด้วยใจมั่น
      ...มาบัดนี้ ท่านคือ พระภิกษุนาคหลวงผู้เพียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตร มั่นคงในหน้าที่พุทธบุตรอย่างไม่เสื่อมคลาย 


ยามที่ประทีปเอกของโลกคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ดับขันธ-ปรินิพพานนานกว่าสองพันห้าร้อยปี พระสัทธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ได้ถูกเก็บไว้ใน ภาษาบาลี มาตราบเท่าปัจจุบัน บรรพบุรุษ ของเราได้รักษาสืบทอดมายาวนาน ผ่านความยากลำบากในภาวะศึกสงครามมานับไม่ถ้วนกว่าจะถึงวันนี้ วันที่เราได้มีโอกาสได้ศึกษาพระธรรมอันทรงคุณค่า ด้วยเหตุว่าบรรพบุรุษ ของเราได้อุทิศแรงกายแรงใจ รักษาพระพุทธศาสนาไว้ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต 


      ดังนั้น การรักษาความรู้ด้านปริยัติ เท่ากับเป็นการธำรงรักษามรดกธรรมล้ำค่า เพื่อแทนองค์พระบรมศาสดา อันจะเป็นแผนผังนำสู่การปฏิบัติที่ถูกต้องต่อไป ธรรมะของพระทศพลเป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นได้ยาก กว่าจะบังเกิดขึ้น ได้ต้องมีการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียก่อน ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากเช่นกัน ต้องทรงบำเพ็ญบารมีให้เต็มเปี่ยมทั้ง ๓๐ ทัศยาว

นานถึง ๒๐ อสงไขยกับแสนมหากัป จึงกล่าวได้ว่า บุคคลใดมีโอกาสศึกษา พระบาลี ซึ่งเก็บรักษาคำสั่งสอนของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ บุคคลนั้นนับว่าเป็น ผู้มีบุญญาธิการ ที่สั่งสมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน 


      เฉกเช่น พระมหาพรเทพ ธมฺมนฺตทสฺสี (มีพารา) หนึ่งในขุนพลกล้าแห่งกองทัพธรรม ผู้เจริญงอกงามในชีวิตพรหมจรรย์อย่างองอาจ สง่างาม สมบูรณ์พร้อมด้วยปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ และเทศนา สมเป็นเนื้อนาบุญของโลก ท่านพากเพียรธำรงรักษาพระบาลีด้วยความวิริยะอุตสาหะ ตั้งแต่ครั้งยังเป็นสามเณร จนกระทั่งได้สำเร็จการศึกษาภาคปริยัติชั้นสูงสุด คือ เปรียญธรรม ๙ ประโยค ยังความปีติภาคภูมิใจมาสู่มหาชน


      แม้หนทางจะยากลำบาก บนเส้นทางการสร้างบารมีที่มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หากแต่หนทางสายนี้ ล้วนโปรยด้วยเศษเพชรพลอยรัตนชาติ ทั้งแข็ง ทั้งคม กว่าสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น เปรียบได้กับการสร้างบารมีของพระบรมโพธิสัตว์ ซึ่งมีอุปสรรคเป็นกำลังใจในการสร้างความดี และเป็นพลังใจในการก้าวเดินไปตลอดระยะเวลายาวนาน มุ่งตรงสู่เป้าหมาย คือ ที่สุดแห่งธรรม 


      คณะสงฆ์ ตลอดจน อุบาสก อุบาสิกา และเหล่ากัลยาณมิตรทั้งหลาย 

 
 

ต่างปีติยินดีในความสำเร็จทางการศึกษาของ พระมหาพรเทพ ธมฺมนฺตทสฺสี จึงได้จัดให้มีพิธีมุทิตาขึ้น ณ สภา ธรรมกายสากล ในวันจันทร์ที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ที่ผ่านมา และในวันอาทิตย์ต้นเดือน ที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๖ วัดพระธรรมกายร่วมกับกัลยาณมิตร สาธุชนทั้งหลาย จึงจัดงานมุทิตาสักการะ พระภิกษุ-สามเณร เปรียญ ธรรม ๙ ประโยค ซึ่งได้จัดต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ ๑๕ นับจาก พ.ศ.๒๕๓๑ เป็นต้นมา เพื่อยกย่องเชิดชู เป็นศรีสง่าแห่งวงการคณะสงฆ์ และเป็นกำลังใจแก่ พระภิกษุ-สามเณร ผู้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ก่อให้เกิดกระแสตื่นตัวทั่วสังฆมณฑล เกี่ยวกับความหมายและความสำคัญของการศึกษาพระบาลี ที่มีผลต่อการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายหน้า และพุทธบริษัททั่วโลกจะได้ยึดถือปฏิบัติถูกต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง 


      นอกจากความปีติปลาบปลื้มใจของผู้มีบุญที่มาร่วมงาน ทั้งเหล่าสาธุชนผู้ตั้งใจมา สร้างมหาทานบารมี และคณะพระเถรานุเถระที่ท่านเมตตาเดินทางมาเป็นเนื้อนาบุญจาก ทั่วประเทศแล้ว ยังได้ทราบถึงความสำคัญในความรู้อันประเสริฐยิ่งกว่าประโยค ๙ นั่นคือ ประโยค ๑๐ ที่จะต้องศึกษาต่อไป ได้แก่ การปฏิบัติเพื่อจะเรียนรู้พระไตรปิฎกในตัว ด้วยการทำใจให้หยุดนิ่ง ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เข้าถึงพระธรรมกายภายใน ได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย ดำเนินรอยตามแบบอย่างที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (สด จนฺทสโร) ท่านได้สืบสานไว้ ส่งต่อให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ยึดถือปฏิบัติ ดำรงตนเป็นต้นแบบและต้นบุญให้แก่ชาวโลกต่อไป


      พิธีมุทิตาสักการะพระมหาเปรียญธรรม ๙ ประโยค จึงนับเป็น วันที่โลกรอคอย ด้วยสรรพชีวิตอีกมากมายกำลังแสวงหาเนื้อนาบุญอันประเสริฐ ผู้เป็น "ต้นแบบ" ในการทำความดี ให้ได้พึ่งพิงแหล่งแห่งความรู้ แหล่งแห่งความบริสุทธิ์ ยังกุศลศรัทธาให้ตั้งมั่นในพระรัตนตรัย อันจะนำพาให้พ้นบ่วงแห่งทุกข์ภัยในวัฏสงสาร แม้เราจะมีเวลาอยู่ในโลกนี้เพียงไม่นาน แต่เกียรติคุณ ความดีที่กระทำไว้ ย่อมยังประโยชน์สุขแก่มหาชนตลอดกาลนาน

บาลีจะอยู่คู่ฟ้า 
ไว้ส่องทางนิพพาน 
ให้สัตว์จิตชื่นบาน
หมั่นตรึกทุกค่ำเช้า
  อนันต์กาล
พุทธเจ้า
ผลุดห้วง ทุกข์เฮย
จักพ้นสงสาร
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล