ฉบับที่ 89 มีนาคม ปี2553

วัตถุประสงค์หลักของการถือศีล ๘

 

         จุดประสงค์ของการรักษาศีล ๘  คือ การประพฤติพรหมจรรย์ ถ้าสามารถรักษาศีลข้อที่ ๓ ได้ ศีลข้ออื่น ๆ เช่น ข้อ ๖ ข้อ ๗ ข้อ ๘ ไม่ต้องรักษาก็ได้ใช่หรือไม่?

 

          คุณโยมจะทำอะไรก็ควรทำให้ครบชุดของเขา อย่าให้ตกหล่นไป กว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทรงบัญญัติศีลแต่ละข้อขึ้นมา พระองค์ทรงคิดแล้วคิดอีก ปกติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอยู่ประการหนึ่งที่เป็นที่รู้กันทั่วไป
คือ จะไม่ตรัสหรือไม่พูด อะไรเพ้อเจ้อ อะไรไม่จำเป็นแม้ครึ่งคำพระองค์ก็ไม่พูด พูดเท่าที่จำเป็นจะต้องพูดเท่านั้น นี่คือ พระจริยวัตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา

          หลวงพ่อขอฝากพวกเราทางบ้านทุกคนไว้ด้วยว่า บางยุคบางสมัย ถ้าคนมีกิเลสไม่มากเกินไป พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในยุคนั้น ๆ ทรงสอนแค่ศีล ๘ เท่านั้น พระในยุคนั้น ๆ รักษาศีล ๘ ก็ไป เป็นพระอรหันต์ได้แล้ว พวกเราเกิดมายุคนี้กิเลสหนาไปหน่อย พระก็ต้องรักษาศีลถึง ๒๒๗ ข้อ เพราะฉะนั้นโยมรักษาศีล ๘ บ้างก็ดีเหมือนกัน

          ขอให้ ตั้งใจรักษาศีลให้หลุดออกจากเหยื่อกันทุกคนนะ แล้วจะได้ปราบมารประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อ ไม่เหลือเศษได้โดยง่ายไปทุกภพทุกชาติ 

          เพราะฉะนั้นการที่พระองค์บัญญัติศีล จาก ๕ ข้อ แล้วมาเป็น ๘ ข้อ แสดงว่าจำเป็นจริง ๆ ไปตัดข้อใดข้อหนึ่งของพระองค์ไม่ได้หรอก

ทำไมจึงตัดไม่ได้?

           โดยหลักการก็คือ การที่กำหนดให้มีศีลพรต คือ ข้อที่ ๖ ข้อที่ ๗ ข้อที่ ๘ แม้ศีลของพระก็มีถึง ๒๒๗ ข้อ ศีลในระดับนี้เป็นศีลเพื่อรุก ไล่ กำราบ ปราบกิเลส ให้มันสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ เมื่อต้องรุก ต้องไล่ ต้องกำราบปราบปรามกันให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ ต้องปฏิบัติการให้สิ้นซากกันไปเลย ไม่ใช่แค่ฉาบ ๆ ฉวย ๆ

           ลองมาดูอย่างนี้ ..กิเลสที่เกิดในใจมนุษย์นั้น มีอยู่แล้วในใจเราตั้งแต่เกิดมา กิเลสที่เป็นเชื้อฝังใจอยู่นี้ หาทางจะกำเริบอยู่เรื่อย บีบคั้นใจเราตลอด ถ้ามันยังทำอะไรใจเราไม่ได้ มันก็มีเหยื่อมาล่อ สำนวนทางศาสนาบอกว่ามารมันเอาเหยื่อมาล่อ.. เอาของเล็กของน้อยมาล่อ เพื่อจะให้ของใหญ่เสียหายไป อย่างเช่นชาวประมงเอาเหยื่อ คือ ปลาตัวเล็ก ๆ มาเกี่ยวเบ็ด แล้วปล่อยไปล่อปลาตัวใหญ่ เดี๋ยวปลาตัวใหญ่ก็ฮุบเหยื่อ เขาก็ได้ปลาตัวใหญ่เอาไปแกงกิน โดยทั่วไปเรารู้จักแต่เหยื่อล่อปลา แต่เรามักไม่รู้จักเหยื่อที่มาล่อใจมนุษย์

          พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้ให้เห็นเหยื่อที่มาล่อใจมนุษย์ไว้ชัดเจน

          เหยื่อล่อทางตา ก็คือ รูปสวย ๆ เอามาล่อตา ตามันก็ชอบ พอล่อตามันก็ไปกระทบใจขวับ ใจก็ฟุ้งขึ้นมา ติดเหยื่อเสียแล้ว นอนไม่หลับ
          เอาเสียงจ๋อย ๆ ๆ มาล่อทางหู เสียงนั้นก็เป็นเหยื่อทางหู ติดใจเสียงขวับเข้าให้ นอนไมˆหลับ อีกแล้ว
          เอากลิ่นหอม ๆ มากระทบจมูก ใจฟุ้งอีกแล้ว
          เอาอาหารถูกปากมาล่อ พออาหารกระทบลิ้นเข้าเท่านั้น ใจฟุ้งอีกแล้ว
          เอาของนุ่ม ๆ นิ่ม ๆ มาเป็นเหยื่อล่อ พอกระทบกายเข้า ติดใจ นอนไม่หลับ ต้องตามไป ถึงเจ้าตัวอีกแล้ว
          มารเอาเหยื่อมาล่อ ทั้งตา หู จมูก ลิ้น กาย ล่อแล้วทำให้ใจฟุ้งซ่าน วัตถุประสงค์ในการรักษาศีลพรต คือ ต้องการที่จะกำจัดกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ ให้สิ้นซากไป เมื่อจะให้มันสิ้นซากไป ก็ต้องกำจัดเหยื่อที่มาล่อนั้นออกไป

          ศีลข้อที่ ๖ ตัดอาหารไปมื้อหนึ่ง เท่ากับตัดเหยื่อล่อลิ้น ไม่ให้เขียนคิ้ว ไม่ให้ทาปาก ไม่ให้ประพรมน้ำหอม ไม่ให้ร้องเพลง ไม่ให้ดูการละเล่น เท่ากับตัดเหยื่อล่อทางตา เหยื่อล่อทางหู เหยื่อล่อทางจมูก ไม่ให้นอนที่นอนหนา ๆ นิ่ม ๆ นุ่ม ๆ คือ ตัดเหยื่อล่อทางกาย ถ้าใครไปติดเหยื่อพวกนี้แล้ว ใจจะฟุ้ง ฟุ้งแล้วตะเกียกตะกายนอนไม่หลับ เหยื่อมันมาล่ออย่างนี้

          เพราะฉะนั้นให้ตั้งใจรักษาศีล ๘ ให้ดี รักษาศีลข้อที่ ๓ ได้ดีแล้ว ข้อที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ไม่ต้อง รักษาได้ไหม ..ไม่ได้ เพราะถ้าไม่รักษาข้อที่ ๖ ข้อที่ ๗ ข้อที่ ๘ ให้ดี เดี๋ยวติดเหยื่อ แล้วข้อที่ ๓ เลยรักษาไม่ได้ ดิ้นพราด ๆ ตามเหยื่อไป ใครพลาดท่าเหยื่อทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เมื่อไรละก็ เหลืออีกกี่ข้อรักษาไม่อยู่หรอก โยนศีลทิ้งหมด อย่าว่าแต่รักษาศีล ๘ ไม่อยู่เลย แม้ศีล ๕ ก็ทำท่า จะรักษาไม่อยู่เอาเสียด้วย

 




 

 

          เพราะฉะนั้น คุณโยมรักษาศีล ประพฤติพรหมจรรย์ หรือรักษาศีลพรต ซึ่งเริ่มตั้งแต่ศีล ๘ ไป ต้องรักษาให้ครบ ห้ามยกเว้นเด็ดขาด ห้ามมาต่อรอง เหลือ ๗ ข้อได้ไหม ..ไม่ได้ เหลือ ๖ ข้อ ได้ไหม ..ไม่ได้ ถ้ารักษาศีล ๕ ก็ต้องรักษาครบ ๕ ข้อ รักษาศีล ๘ ก็ต้องรักษาให้ครบทั้ง ๘ ข้อ ห้ามต่อรอง ถ้าต่อรองเดี๋ยวติดเหยื่อ

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล