ฉบับที่ ๒๐๑ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๒

ย้อนอดีต…ท่องประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ตอนที่ ๒๑ : คุณสมบัติของพุทธบริษัทเช่นไรที่พระพุทธองค์ทรงปรารถนา

อ่านอดีต ขีดอนาคต
เรื่อง : พระมหาพงศ์ศักดิ์ ฐานิโย, ดร.

 

ย้อนอดีต…ท่องประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา

ตอนที่ ๒๑ : คุณสมบัติของพุทธบริษัทเช่นไรที่พระพุทธองค์ทรงปรารถนา

    เมื่อกุลบุตรกุลธิดาผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา บ้างบวชเข้ามาเป็นพระภิกษุภิกษุณี บ้างแสดงตนเป็นอุบาสกอุบาสิกา ต่างตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมตามเพศภาวะของตน จนเป็นเหตุให้พระศาสนาของพระชินสีห์ขจรขจายไปทั่วแผ่นดินอินเดียในยุคนั้น และสามารถสืบทอดมาถึงในปัจจุบันนานนับกว่า ๒,๖๐๐ ปี แต่หากจะถามว่า “คุณสมบัติอันเป็นรูปธรรมของพุทธบริษัท ๔ เช่นไร ที่พระพุทธองค์ทรงปรารถนา” คำตอบนี้มีปรากฏใน “มหาปรินิพพานสูตร” ที่ว่า

     “มารผู้มีบาป เราจะยังไม่ปรินิพพาน ตราบเท่าที่ภิกษุทั้งหลายผู้สาวกของเรา…ภิกษุณีทั้งหลายผู้สาวิกาของเรา…อุบาสกทั้งหลายผู้สาวกของเรา…อุบาสิกาทั้งหลายผู้สาวิกาของเรา ยังไม่เฉียบแหลมไม่ได้รับการแนะนำ ไม่แกล้วกล้า ไม่เป็นพหูสูต ไม่ทรงธรรม ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ปฏิบัติตามธรรม เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว แต่ยังบอก แสดง บัญญัติ กำหนด เปิดเผยจำแนก ทำให้ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ ปราบปรัปวาทที่เกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยชอบธรรม
ไม่ได้” (ที.ม. ๑๐/๑๖๘/๑๑๓-๑๑๕ แปล มจร.)

         จากสิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ เราสามารถแบ่งคุณสมบัติของพุทธบริษัทได้ ๓ ระดับ ได้แก่

       ระดับที่ ๑ ระดับแห่งการเรียนรู้ กล่าวคือ พุทธบริษัทพึงศึกษาพระธรรมวินัยของพระศาสดาให้แตกฉานมีความเฉียบแหลม เป็นผู้ทรงธรรม 

       ระดับที่ ๒ ระดับแห่งการฝึกฝนตนเอง กล่าวคือ เมื่อศึกษาเรียนรู้ภาคปริยัติแล้ว พึงลงมือประพฤติปฏิบัติ เพื่อเป็นพยานในการตรัสรู้ตามธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสสอนและจะได้ก้าวเข้าสู่ในระดับต่อไป คือ 

       ระดับที่ ๓ ระดับแห่งการเผยแผ่ธรรม กล่าวคือ การนำสิ่งที่ได้ศึกษาทั้งภาคปริยัติและสิ่งที่ลงมือปฏิบัติ นำมาจำแนกและแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ คือ อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ให้งดงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย เพื่อเป็นอุปการะแก่อนุชนผู้ใคร่ในการศึกษาที่จะตามมา อีกทั้งยังสามารถปราบมิจฉาทิฐิทั้งหลายให้เรียบร้อยโดยชอบธรรม

       ดังจะเห็นได้ว่า คุณสมบัติที่พระพุทธองค์ได้ตรัสมาทั้งหมดนี้ นับเป็นสิ่งที่พระศาสดาทรงปรารถนาให้บังเกิดมีแก่พุทธบริษัทผู้เป็นเสาหลักของพระศาสนา จึงควรที่เราจะต้องตั้งใจศึกษาและประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุประโยชน์ทั้งแก่ตนเอง แก่ผู้อื่น และแก่พระศาสนาสืบต่อไป

        “มหาปรินิพพานสูตร” นี้เป็นเสมือน “มรดกธรรม” ที่พระศาสดาทรงมอบไว้แก่พุทธบริษัท เพราะได้บันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญก่อนที่พระพุทธองค์จะทรงดับขันธปรินิพพาน รวมถึงระบบในการจัดการ ระเบียบข้อปฏิบัติทั้งหลายที่สำคัญ ๆ ต่างก็ปรากฏอยู่ในพระสูตรนี้ ซึ่งเราจะศึกษาไปด้วยกันในลำดับต่อ ๆ ไป

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล