อยู่ในบุญ ฉบับที่ ๕ ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๔๖

คลายเครียดอย่างถูกวิธี

หลวงพ่อตอบปัญหา
โดย หลวงพ่อทัตตชีโว

คลายเครียดอย่างถูกวิธี

ถาม :
         เวลางานของผมมีปัญหา ผมชอบใช้ยาระงับประสาท แต่ก็ไม่หาย ผมลองไปเที่ยวผับ เที่ยวเธคกับเพื่อน หวังจะช่วยให้หายเครียดได้ แต่ก็แค่ทำให้ลืมปัญหาไปช่วงหนึ่งเท่านั้น พอวันรุ่งขึ้นไปทำงาน กลับเครียดกับงานหนักกว่าเก่าเสียอีก ทำอย่างไรให้ผมหายเครียดได้ อย่างแท้จริง ? 


ตอบ :
            คนส่วนมาก เมื่อเกิดความเครียดจากหน้าที่การงานแล้ว มักใช้ยาระงับประสาท คลายความเครียดบ้าง บางทีก็เล่นไพ่หวังจะ คลายความเครียดบ้าง หรือไม่ก็หันหน้าเข้าไป หาอบายมุขตามผับ ตามเธคกันบ้าง เพราะคิด ว่าเป็นลิ่งที่ช่วยให้คลายเครียด แต่จริงๆ แล้วกลับไม่ทำให้คลายเครียดเลย กลับยิ่งทำให้เกิด ความเครียดสะสมหนักเข้าไปใหญ่

        วิธีคลายความเครียดที่ถูกต้องจะต้องมีผลให้การทำงานทางจิตมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นทนต่อความเครียดได้ เมื่อถึงเวลาใช้ความคิด ก็คิดได้นานคิดได้ต่อเนื่องโดยไม่มีอาการอ่อนล้า คิดได้ลึกซึ้งละเอียดลออ รอบคอบ ซึ่งวิธี คลายเครียดที่จะให้ได้ผลอย่างนี้ มีอยู่วิธีเดียว คือการทำสมาธิเป็นประจำคลายเครียดอย่างถูกวิธี
 
         การแก้เครียดด้วยการเสพอบายมุข เป็นการแก้ทีไม่ถูกจุด กลับกลายเป็นการละลม ความเครียดลึกๆ เอาไว้ในใจ เพราะนอกจาก ทำให้เสียเงินเสียทองแล้ว ยังเสียสุขภาพ เสียเวลา มีโอกาสติดหนี้สิน ถลำลึกเข้าไปเป็นทาส ของยาเสพย์ติดได้ เสี่ยงตายโดยไม่จำเป็น และในบางครั้ง ถ้าไม่ระมัดระวังให้ดีไปดูเรื่องทีไม่สมควรเข้า เช่น เรื่องเสื่อมเสียศีลธรรมต่างๆ ก็จะยิ่งเพิ่มความเครียด ความขุ่นมัว ความหยาบของใจเข้าไปอีก ซึ่งก็อาจเสียคนในที่สุด

         การใช้ยาระงับประสาทก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ระมัดระวังก็จะเป็นผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงาน ประสิทธิภาพการคิดต่ำลง

        แม้ที่สุดการพนันแบบเล่นๆ ไม่เอาเงินเอาทองกัน ก็ไม่ควร เพราะเป็นการเพิ่มความเครียดอีกรูปแบบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว รวมทั้งอาจเพาะนิสัยมีเหลี่ยมมีคูเพิ่มขึ้นมาอีกก็ได้

        การทำสมาธิมีอยู่หลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่ทำได้ง่ายๆ คือ ทุกคืนก่อนนอนให้นั่งในท่าที่สบายที่สุด อาจจะเป็นนั่งเก้าอี้ นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิก็ได้ แต่ไม่ควรนั่งพิง แล้วก็หลับตานิ่งๆ ทำความรู้สึกเหมือนกับว่าเรานั่งอยู่ลำพัง คนเดียวในโลก จากนั้นก็นึกถึงพระพุทธรูปองค์ ใด องค์หนึ่งที่เราจำได้อย่างติดตาติดใจ นึกอาราธนาพระพุทธรูปนั้นให้มาอยู่ในกลางตัวเรา โดยที่องค์พระนั้นนั่งหันหน้าไปทางเดียวกับเรา เป็นพุทธานุสติ ก็ย่อมทำได้ง่ายๆ

         แล้วให้นึกถึงองค์พระพุทธรูปนี้ ต่อเนื่องกันไปไม่ขาดสาย คือนึกซํ้าแล้วซํ้าอีก แล้วก็นึกอย่างเบาๆ โดยไม่ใช้ความพยายาม ทำนองเดียวกับนึกถึงบ้าน นึกถึงหน้าคุณพ่อคุณแม่ของเรา เป็นการนึกจากในกลางท้อง ไม่ใช่นึก จากสมอง

       เมื่อนึกแล้วจะเห็นภาพองค์พระหรือไม่ก็ตาม ไม่ต้องกังวล ขอแต่เพียงให้ได้นึกแล้ว ใจก็จะสงบลงเอง ความเครียดก็จะค่อยๆ มลายหายไป

        ในขณะที่กำลังนึกถึงองค์พระองค์นี้อยู่ ถ้ามีเรื่องอะไรสอดแทรกเข้ามาในความคิด ก็ให้มีสติรู้ทัน และอย่าไปต่อต้าน ทำเฉยๆ มิ ฉะนั้นจะเกิดความหงุดหงิด ให้ถือเสียว่าเมื่อมาเองได้ ก็ย่อมไปเองได้เช่นกัน

         ต่อเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ๕-๑๐ นาที เรื่องที่สอดแทรกเข้ามา ยังไม่ไป ยังรบกวนอยู่ จึงค่อยทำบริกรรมภาวนา คือท่องในใจว่า "สัมมา อะระหัง ๆ ๆ" ก็ได้ ประคององค์พระให้นิ่งๆ ไปช้าๆ โดยทำความรู้สึกว่า แม้คำว่า "สัมมา อะระหัง" นั้น ก็คล้ายกับว่าเสียงนั้นดัง ผุดขึ้นมา จากกลางองค์พระในกลางท้องของเรา

        เมื่อประคองใจไปอย่างนี้เรื่อยๆ ไม่ช้า เรื่องที่มารบกวนก็จะหายไป แม้แต่คำว่า สัมมา อะระหัง ก็จะเลือนไปเองโดยอัตโนมัติ คงมีแต่องค์พระอยู่ในมโนภาพเท่านั้น ในไม่ช้า ใจก็จะสงบลง ความเครียดก็จะหายไป

        นอกจากจะนั่งสมาธิอย่างนี้ทุกคืน ไม่ว่า จะนั่งแค่ครึ่งชั่วโมงหรือถึงหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม ในเวลาทำงานถ้ารู้สึก เครียดขึ้นมาเมื่อไร ก็ให้วางงานทิ้งไว้เสิยชั่วคราว นั่งหลับตาทำสมาธิในที่ทำงานนั่นแหละ สักพักหนึ่งอาจจะ นาที ก็จะหายเครียดเอง แล้วจึงค่อยทำงานต่อไป การงานก็จะก้าวไกล อนาคตก็จะแจ่มใส จิตใจก็เบิกบาน แล้วเราก็จะเป็นที่รักของทุกๆ คน

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล