ฉบับที่ 104 มิถุนายน ปี2554

โครงการบวชผู้นำอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน

ทบทวนบุญ

เรื่อง : ธัมมยันตี






         โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวะเวลานี้ เริ่มเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่ามีวัดร้างว่างสมภาว่า ๕ พันแห่งเข้าไปแล้ว บางแห่งไม่ร้างก็อ้างว้างเต็มที พอถึงวันหยุดแต่ละครั้ง คนส่วนใหญ่ก็แห่กันเข้าห้างมองของเซลส์ แทนที่จะเข้าวัด มองของสูง ไปกราบพระ ฟังธรรม (ทั้งที่บอกว่าตัวเองเป็นชาวพุทธ) สถานการณ์จึงกำลังต้องการวีรบุรุษ วีรสตรี อย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ งานนี้ไม่เพียงเป็นหน้าที่ของชายแมนแมนที่จะลุกขึ้นมาออกบวชห่มจีวรเท่านั้น แต่ยอดหญิงหัวใจพระคงจะยอมไม่ได้ ต้องออกมาถือศีลครองสไบด้วยเช่นกัน และเนื่องจากคอลัมน์นี้เป็นพื้นที่ของยอดหญิงโดยเฉพาะ ก็จะขอเขียนถึงแต่ยอดหญิงอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนเท่านั้น การบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ๔ ครั้งที่ผ่านมา สังเกตได้ว่ามีสตรีทุกวัยเข้าร่วมมากมายจนเป็นปรากฏการณ์ และเมื่อถึงการบวชรุ่นที่ ๕ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๔ เมษายน – ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นการบวชรุ่นผู้นำแล้ว ก็ยิ่งไม่ผิดหวัง

          แค่ชื่อก็บอกได้ว่ารุ่นนี้พิเศษ เพราะต้องให้ผู้ที่เคยอบรมหน่ออ่อนมาแล้วเท่านั้นที่จะเข้าร่วมได้ และมีศูนย์อบรมเพียงแห่งเดียวคือที่สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี นั่นก็หมายความว่า ทุกคนจะมารวมตัวกันจากทั่วทั้งประเทศ

          ภารกิจบางอย่างอาจคงเอกลักษณ์เหมือนรุ่นที่ผ่านมา เช่น การสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น หรืออบรมวัฒนธรรมคุณยาย ปัด กวาด เช็ด ถู ล้วงวิมาน แต่สิ่งที่พิเศษขึ้นคือ ทุกคนจะได้ know-how ในแบบไม่รู้ไม่ได้ มีการจัด workshop ประชุมกลุ่มและศึกษาธรรมะในหัวข้อเนื้อๆ เพื่อการสร้างเครือข่ายคนดีทั้งสิ้น เช่น คิดพูดทำอย่างไรจึงจะสร้างเครือข่ายคนดี, วิธีชวนบวชอย่างไรให้ได้ผล และยังได้รับความเมตตาจากพระภาวนาวิริยคุณ ลงแสดงธรรมในหัวข้อผู้นำอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนอีกด้วย


          ติวเข้มก่อนลงพื้นที่ขนาดนี้ รับประกันความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง และหากทำหน้าที่กัลยาณมิตรนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ย่อมจะทำให้ผู้เข้าอบรมทุกท่าน กลายเป็นผู้นำชุมชนที่เข้มแข็งเพื่อฟื้นฟูศีลธรรมในท้องถิ่น สามารถทำหน้าที่ของพระศาสนาในโครงการต่าง ๆ ได้อย่างดีสุด ๆ ทั้งโครงการเปิดบ้านกัลยาณมิตร โครงการเชิญชวนชายไทยบวช การชวนสาธุชนไปวัดวันอาทิตย์

          และการเป็นพี่เลี้ยงงานบวชอุบาสิกาแก้วรุ่นต่อ ๆ ไป ณ ศูนย์อบรมในพื้นที่ของตัวเอง แต่ก่อนจะไปปฏิบัติการความดีครั้งนี้

สิ่งที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จและขาดไม่ได้เลยก็คือ การนั่งสมาธิ ดั่งที่พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ว่า “ เรื่องทุกเรื่องเริ่มต้นที่ใจ สำคัญที่ใจ สำเร็จได้ด้วยใจ ” หรืออย่างคำโบราณที่ว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ” ฉะนั้นผู้นำหน่ออ่อนทุกท่าน จึงมีโอกาสฝึกใจของตนให้หยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกาย เมื่อเอาใจมาอยู่ให้หยุดก็จะพบกับความสุขที่หยุดไม่อยู่ สามารถเข้าถึงแหล่งของกำลังใจอันไม่มีที่สิ้นสุดได้ เมื่อเรามีประสบการณ์ภายในด้วยตัวเองเช่นนี้แล้ว คำพูดก็จะมีพลัง จะไปชักชวนใครทำความดีอะไร หรือชวนให้นั่งสมาธิก็ย่อมหนักแน่นน่าเชื่อถือ เรียกว่าทำให้ดู อยู่ให้เห็น เป็นให้ทึ่ง เขาจึงทำตาม ดังประสบการณ์ภายในของอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนเหล่านี้


 

"

ดิฉันมีความสุขในทุกๆ รอบ
ของการปฏิบัติธรรม ดิฉันปล่อยใจสบายๆ
ไม่คิดฟุ้งซ่าน ปล่อยวางทุกสิ่ง ใจมันรู้สึก
เบาๆ สบายๆ เหมือนไม่มีอะไรอยู่ในใจเลย
และไม่นานก็เห็นองค์พระแก้วใส
ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา

"

         อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน กนกกร ดีสม อายุ ๑๗ ปี เล่าว่า “พอเข้าโครงการบวชครั้งนี้แล้วบอกได้ว่ามีความสุขมาก เพราะทำให้ดิฉันได้พบกับประสบการณ์ภายใน อย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนตอนแรก ๆ ที่นั่งสมาธิ ดิฉันก็มีอาการเหมือนคนอื่น ๆ เลยค่ะ คือ นั่งเป็นหลับ ขยับเป็นเหมื่อยแถมหลับตาก็มืดตื้อมืดมิด แต่แอบคิดในใจนะคะว่า คนอย่างเราต้องเข้าถึงธรรมได้แน่ ๆ ดังนั้นทุกรอบของการนั่ง ก็จะพยายามทำใจให้นิ่ง ๆ ไปเรื่อย ๆ

          จนกระทั่งผ่านไป ๒-๓ วัน ก็เข้าปฎิบัติธรรมรอบบ่ายตามปกติ ก่อนนั่งได้อธิษฐานจิต ขอให้การนั่งรอบนี้มีใจหยุดนิ่ง และได้เห็นองค์พระกับเขาบ้าง หลังจากนั้นก็วางในนิ่ง ๆ สบาย ๆ ไม่คิดฟุ้งซ่านอะไรเลย ปล่อยวางทุกสิ่งใจมันรู้สึกเบา ๆ สบาย ๆ เหมือนไม่มีอะไรอยู่ในใจเลย และไม่นานก็เห็นองค์พระแก้วใสค่อย ๆปรากฎขึ้นมาที่กลางท้อง องค์พระมีขนาดเล็กค่อย ๆ แผ่ออกไปได้เรื่อย ๆ ท่านแผ่จนเต็มท้องเลยค่ะ องค์พระใสสว่างเหมือนแก้ว ดิฉันนั่งมองท่านไปเรื่อย ๆ โดยไม่คิดอะไรเลยจนหมดรอบของการนั่งสมาธิ ตอนนั้นใจนิ่งและมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนอยากจะแบ่งปันความสุขนี้ให้กับทุกคนค่ะ ”

  

"

ภาวนา "สัมมา อะระหัง" ตลอดทุกอิริยาบถ
จนถึงเวลาปฏิบัติธรรม ก็รู้สึกยิ่งนั่ง
ยิ่งสบาย ดวงกลมๆ เล็กๆ
ค่อยๆ ชัดขึ้น ในเหมือนกระจก
สบายใจและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
สมดังปรารถนา

"

          อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน เผียน หนูคง อายุ ๖๒ ปี เล่าว่า “ตอนแรกที่นั่งสมาธิก็มีอาการแบบคนทั่วไป คือมือและเหมื่อย แต่ก็พยายามรักษาใจรักษาศีลให้ดี คิดว่าเรามาบวชแล้วต้องทำให้ดีที่สุด ดังนั้น ไม่ว่าจะทำอะไร ทั้งยืน เดิน นั่ง นอน ก็จะภาวนา “ สัมมา อะระหัง ” ตลอดจนผ่านการอบรมไป ๓ วัน ได้นั่งสมาธิตามเสียงของหลวงพ่อ นั่งไป ๆ...รู้สึกชาที่สะโพก ชาจนไม่รู้สึก แต่ก็แปลกมาก พอหลวงพ่อบอกว่าไม่ต้องคิดอะไร ในใจก็ไม่มีอะไรเลย เฉย ๆ นิ่ง ๆ พอบอกว่าให้ทำตัวสบาย ๆ ก็ทำได้ ยิ่งนั่งก็ยิ่งสบาย ตัวมันเบา ๆ อยู่ ๆ ก็เห็นดวงแก้วเข้ามาในท้องเป็นดวงกลม ๆ เล็ก ๆ ค่อย ๆ ชัดขึ้น ใสเหมือนกระจก สว่างไสว แต่ไม่แสบตา แล้วดวงแก้วก็มีอาการเหมือนขยายตัวออก มีเล็ก มีใหญ่ ยิ่งมองก็ยิ่งเย็น แล้วใจมันก็นิ่ง ไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้จะขยับตัวเปลี่ยนท่านั่ง ดวงแก้วก็ยังอยู่ ตอนนั้นปลื้มจนน้ำตาไหลเลยค่ะ พอลืมตาแล้วรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วดวงแก้วก็อยู่กับดิฉันทุกครั้งที่นั่งหลับตา ทำให้มีความสุขมาก นั่งสมาธิมาตั่งแต่ยังเป็นสาว ไม่เสียเปล่า...สมปรารถนาแล้วค่ะ ”

"
พอนึกว่าเราจะต้องบวช ๒ ชั้น อยู่ๆ ก็
รู้สึกเหมือนมีองค์พระอีกองค์ห่มจีวร
สีเหลืองเข้ามานั่งทับร่างของเราไว้อีก
ทำให้ปลื้มมาก รู้สึกว่าการบวชครั้งนี้
ได้ทดแทนบุญคุณพ่อกับแม่อย่างแท้จริง
"


          อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ทัดดาว กุสุมาล อายุ ๓๓ ปี เล่าว่า “ ได้ฝึกนั่งสมาธิตั้งแต่โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน รุ่นที่ ๑ นั่งไปก็มืดตื้อมืดมิด มือสนิทไม่เห็นอะไรเลย จนมาถึงโครงการรุ่นที่ ๔ ก็อธิษฐาน และนึกถึงคำของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ที่บอกว่า “ยอมตายไม่ยอมแพ้ถ้าไม่ได้จะไม่ลุกเด็ดขาด” ทำให้มีกำลังใจ นั่งไปสักพักในก็นิ่งไปเลย แล้วดวงแก้วก็มาเอง ผุดขึ้นมาที่กลางท้อง พอใกล้จะสิ้นสุดโครงการรุ่นที่ ๔ วันนั้นนั่งสมาธิไปเฉย ๆ พอรู้นสึกว่าใจสบายแล้วดวงแก้วก็มาเป็นปกติ แต่คราวนี้เห็นเศียรองค์พระค่อย ๆ ผุดขึ้นมาด้วย องค์พระใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนเท่ากับตัว เป็นแก้วใส ๆ ทั้งองค์ เห็นชัดร้อยเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ พอนึกว่าเราจะต้องบวช ๒ ชั้นอยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีองค์พระอีกองค์ห่มจีวรสีเหลืองเข้ามานั่งทับร่างของเราเอาไว้อีก ทำให้ปลื้มมาก รู้สึกว่าการบวชครั้งนี้ได้ทดแทนบุญคุณพ่อกับแม่อย่างแท้จริงค่ะ พอมาถึงโครงการนี้ ( รุ่นที่ ๕ ) รู้สึกว่าดวงแก้วและองค์พระมีขนาดใหญ่กว่าเดิมใสกว่าเดิม แล้วถ้าลืมตาก็จะเห็นองค์พระนั่งสมาธิอยู่กลางท้องตลอดเวลา ขนาดล้มตัวลงนอนก็ยังเห็น แต่องค์พระแปลกมาก เพราะท่านจะนั่งสมาธิตลอดไม่เคยเห็นท่านอยู่ท่าอื่นเลยค่ะ ”

          นับจากนี้ไป เชื่อแน่ว่า จะไม่มีวันสิ้นหวังกับการฟื้นฟูศีลธรรมโลกอย่างแน่นอน ด้วยความสามารถและประสบการณ์ภายในอย่างที่เห็น ๆ เพราะวันนี้มีผู้นำ พระพุทธศาสนาจึงจะได้รับการต่ออายุไปอีกนานเท่านาน คนจะไม่ร้างธรรมะพระจะไม่ร้างธรรมาสน์ วัดจะไม่ร้างสมภาร ทางสายกลางจะไม่ร้างคนไป นี่คือภารกิจอันท้าทายแต่ประสบความสำเร็จได้ด้วยผู้นำสตรีที่โลกต้องการ

 
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล