ฉบับที่ ๓๐ ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘

อินทิรา แดงจำรูณ

 

 

             ซึ่งคอลัมน์นี้ก็เช่นกัน อาจทำให้คุณได้เริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ที่ยิ่งใหญ่ให้กับชีวิต จากการได้นั่ง พูดคุยกับเธอ อินทิรา แดงจำรูญ หรือ ตุ๊กตา ที่หลายคนรู้จักกันดีในฐานะที่เธอเป็นดารา นักแสดง นักจัดรายการวิทยุ พิธีกร และในวันนี้เธอจะมาเล่าถึงเรื่องราวในช่วงจังหวะหนึ่งของชีวิต ที่กำลังเป็นที่สนใจจากหลายคน หรือแม้แต่คนในวงการมายาเอง ก็ยังสนใจอยากรู้ ว่าอะไร..?? ที่ทำให้เธอ เข้าวัด รักการทำบุญ และมีจุดหักมุมของชีวิต ที่หลายคนแอบชื่นชม โดยที่เธอไม่เคยเปิดเผยที่ใดมาก่อน...!!

             เธอรักการแสดง เพราะชอบสีสันของอาชีพนี้ และเข้าสู่วงการแสดงตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น มีผลงานมากมายตั้งแต่ละครเรื่องพระจันทร์ลายกระต่าย อาญารัก เพื่อนร้างบนทางรัก เงา ตะวันตัดบูรพา สามีเงินผ่อน สะใภ้เจ้า เมืองมายาthe series และที่กำลังออกอากาศในปัจจุบัน คือเรื่องหลานสาวคุณยาย หลานชายคุณย่า ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา ๑๓.๑๕ น. ทางช่อง ๓ และจัดรายการเพลงที่คลื่น ๙๙.๕ FM ONE ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา ๒๒.๐๐-๒๔.๐๐ น. และ ขณะนี้เธอกำลังถ่ายทำละครเรื่อง สาธรดอนเจดีย์
               มากไปกว่านั้นเธอยังดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทดีอีซี มีเดีย ที่ผลิตรายการ Showroom ออกอากาศทาง UBC inside 17 เวลา ๐๙.๓๐-๑๐.๐๐ น. และเป็นประธานสโมสร Super KIDS ผลิตรายการที่สอนให้เยาวชนไทยเป็นคนเก่งและดี ออกอากาศทางช่อง DMC ทุกวันเสาร์ เวลา ๑๗.๐๐-๑๘.๐๐ น. และ วันอาทิตย์ เวลา ๑๙.๐๐-๑๙.๓๐ น.

             แม้เธอเป็นดารามาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ แต่ก็ไม่เคยทำให้การเรียนเสียเลยยิ่งไปกว่านั้น เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ในขณะที่อายุเพียง ๑๖ ปี โดยการสอบเทียบ และทะยานสู่ความสำเร็จ โดยการคว้าเกียรตินิยมอันดับ ๑ เหรียญทอง คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาอย่างน่าภาคภูมิใจ

             "ตุ๊กตาต้องแสดงละครไปด้วย เรียนไปด้วย ยอมรับเลยค่ะว่าหนักมาก แต่คิดว่า หากเลือกที่จะทำแล้ว ต้องให้ได้ดีทั้ง ๒ อย่าง ถ้าจะไม่ทำ ก็ต้องไม่ทำเลย ไม่อยากให้ใครมาพูดได้ว่า เป็นเด็กสอบเทียบ รุ่นน้องข้ามชั้นมา แล้วเรียนไม่ได้"

             เธอเลือกที่จะดำเนินชีวิตแบบก้าวกระโดด ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรับผิดชอบในทุกย่างก้าว เธอจึงไม่ใช้เวลาว่างในการไปเที่ยวเล่นเหมือนเพื่อนคนอื่น และจะมีเอกลักษณ์คือ พกตำราเรียน ไปกองถ่ายด้วย พอว่างปุ๊บ อ่านหนังสือปั๊บเลย และช่วงปิดเทอมจะอ่านตำราเรียนล่วงหน้า

             หลังจบการศึกษาแล้ว เธอได้เข้ามารับงานแสดงอย่างเต็มตัว แต่ก็ไม่ลืมที่จะเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตตัวเอง โดยการไปวัดทุกวันอาทิตย์...

             "ที่จริง... แล้ว ตุ๊กตารู้จักวัดพระธรรมกายมานานแล้ว เพราะคุณแม่กับพี่สาวเข้าวัด มา ๑๐ กว่าปี แต่ตัวตุ๊กตาเองไม่ได้เข้า (หัวเราะ) เพราะคิดว่ายังไม่ถึงเวลา ประกอบกับช่วงนั้นวัดมีข่าว และเพื่อนๆ ในกลุ่มก็ไม่ชอบวัดมากๆ แต่ถ้าหากถามตุ๊กตาตอนนั้นว่า ตุ๊กตารู้สึกไม่ชอบ วัดไหม..? ขอตอบว่า เฉยๆ ค่ะ ทั้งๆ ที่มีคนพูดว่า คนเข้าวัดนี้ บ้า ..งมงาย เพราะตุ๊กตารู้ดีอยู่แก่ใจว่า แม่กับพี่สาวเราไม่ได้เป็นแบบนั้น แม่ตุ๊กตาเป็นแม่ที่ดีมาก พี่ตุ๊กตาเองก็มีการศึกษา ทุกคนไม่เคยประพฤติอะไรที่เสื่อมเสีย ซึ่งถ้าหากวัด ไม่ดีจริง คงทำให้คุณแม่กับพี่สาวเราไม่ดีตามไปด้วย แต่นี่กลับตรงกันข้าม"

             ตลอด ๑๐ กว่าปีที่ผ่านมา คุณแม่และพี่สาว ได้ชวนเธอมาวัดหลายครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งมีเหตุการณ์หนึ่ง...!!

             "พี่สาวได้เอาเงินส่วนตัวไปจ้างพี่ชายให้มาอบรมธรรมทายาทตอน Summer บอกว่า ถ้าบวช จะให้เงินซื้อคอมพิวเตอร์ ซึ่งเขาก็ยอมมา จริงๆ ค่ะ (ยิ้ม...) พี่ชายตุ๊กตาคนนี้ จากเดิมต้องยอมรับว่า เป็นคนเกเรเอามากๆ ไม่ใส่ใจการเรียน เลย จนทำให้พักการเรียนอยู่บ่อยๆ ตอนนั้นทำให้ตุ๊กตาฝังใจเลยว่า อีกหน่อยพี่ชายของตุ๊กตาคนนี้ หากเขาไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ต่อไป ต้องนำความเดือดร้อนมาสู่คนที่บ้าน อย่างแน่นอน แต่พอเขามาบวชแล้ว ก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง จนทำให้เรางงว่า เอ้ะ..พี่ชายเราเป็นอะไรไป.. จากคนเกเรๆ กลายเป็นคนนิ่งๆ สงบๆ จาก เมื่อก่อนมีเงินเท่าไร..ก็เอาไปเที่ยวเล่น เดี๋ยวนี้เอาแต่เก็บเงินทำบุญ เป็นตัวตั้งตัวตีไปซื้อปลาที่ตลาดมาปล่อย

             จากการเปลี่ยนแปลงของพี่ชายตุ๊กตาตรงนี้ ทำให้ตุ๊กตา หันมาสนใจวัด และรู้สึกอึ้ง..คิดเลยว่า วัดนี้..เจ๋งนะ..!! วัดนี้..ไม่ธรรมดาเลย ที่สามารถเปลี่ยนคนอย่างพี่ชายตุ๊กตาได้..."

จนกระทั่งปัจจุบันพี่ชายของเธอได้เข้ามาบวช อีกครั้งหลังจากเรียนจบ และก็ได้เริ่มทำหน้าที่กัลยาณมิตร ชักชวนเธอเข้าวัด..แต่มัน ไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก...!!

             "พระพี่ชายโทรมาชวนตุ๊กตาไปวัด ขณะท่านเป็นพระทำให้ตุ๊กตาเกรงใจ แรกๆ ก็หลวมตัวรับปากท่านว่าจะมาวัด เลยต้องมา เพราะหากผิดสัญญา กับพระมันบาป ตอนหลังจึงต้องใช้วิธีเลี่ยง เลยใช้วิธีไม่รับโทรศัพท์ แต่พระพี่ชาย ก็ไม่ละความพยายาม ท่านโทรมาตามตุ๊กตาอยู่เป็นเดือน แต่ยังไงเราก็ยังไม่ยอมรับโทรศัพท์ จนกระทั่งท่านได้ฝากหนังสือธรรมะที่ง่ายๆ ทะยอยมาให้เราอ่าน แรกๆ ตุ๊กตาไม่ยอมอ่าน จนกระทั่งหนังสือเล่มอื่นๆ ในบ้านอ่านจนหมดแล้ว ในที่สุดก็ยอมหยิบหนังสือธรรมะ ขึ้นมาอ่านจนได้ พออ่านแล้วทำให้ คิดเลยว่าธรรมะเป็นสิ่งดีนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ามาตอบคำถาม ที่คาใจเรามานานโดยที่ไม่รู้จะไปถามใครได้ดีอย่างนี้ เหมือนว่าประตูความรู้อันหนึ่ง ที่มันถูกปิดมาตลอด ได้ถูกเปิดขึ้น อย่างเช่นเรื่องที่ตุ๊กตาเป็นคนกลัวผี (หัวเราะ...) กลัวโดยไม่มีเหตุผล

            และรู้สึกขัดแย้งในตัวเองมาตลอด เพราะใจหนึ่งก็กลัว ใจหนึ่งก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ ว่านี่มันสมัยไหนแล้ว แต่ก็อยากรู้ให้แน่ๆ ว่าผีมันมีจริงหรือไม่ และในที่สุดตุ๊กตาก็ได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้น ทำให้ตุ๊กตาได้คิดเลยค่ะว่า เราเองก็ศึกษาเรื่องอื่นมาตั้งมากมาย แต่เรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องใกล้ตัวและมีอิทธิพลต่อจิตใจเรามาตลอด แต่เรากลับเลี่ยงไม่ได้ศึกษา พอมาถึงขั้นนี้แล้ว เราจะหลับหูหลับตาต่อไปก็ไม่ใช่ ทั้งๆ ที่เรื่องราวเหล่านี้ สามารถพิสูจน์ได้และมีคำตอบชัดเจนในพุทธศาสนา"

             การรักการอ่าน ทำให้เธอได้ศึกษาพระพุทธศาสนาจนเข้าใจ อะไรหลายๆ อย่างและคิดตัดสินใจมาวัดด้วยตัวเอง เธอบอกว่า อยู่ๆ ก็อยากทำบุญใหญ่ๆ และหลังจากนั้น เธอก็เริ่มมาวัดเป็นประจำทุกวันอาทิตย์

             "แต่ก่อนที่ตุ๊กตาจะยอมมาวัด ที่บ้านได้ติดจานดาวธรรมแล้ว แต่ก็ไม่ยอมดู ซึ่งตอนที่ ติดตั้งใหม่ๆ เราเป็นคนไปบ่นว่า..ติดทำไม ยังไงเราก็ไม่ดูหรอก จนกระทั่งวันหนึ่งอยู่ๆ ก็เกิดอยากดูขึ้นมา พอได้จังหวะกับวันนั้นที่บ้านไม่มีใครอยู่ ตุ๊กตาก็รีบไปปิดประตู ปิดม่าน แล้วแอบเปิดดู พอได้ฟัง Case Study รู้สึกสนใจมาก จากนั้นก็ลองนั่งสมาธิตามทีวีดู รู้สึกประทับใจและคิดเลยว่า รายการธรรมะมีดีอย่างนี้ด้วยหรือ

             จากที่ตุ๊กตาปฏิเสธมาตั้งแต่ต้น แต่พอมาถึงวันหนึ่งเราจะกลับมาดูตัวเอง สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือมันรู้สึกเขินๆ ต้องมาลับๆ ล่อๆ แอบทำความดี ตรงจุดนี้ตุ๊กตาอยากจะฝากข้อคิด ว่า..หากใครเป็นแบบตุ๊กตา อย่าเขินค่ะ ให้รีบทำเถอะ อย่าถือ ทิฏฐิมานะต่อไปเลย เพราะเราจะพลาดโอกาส ที่ดีที่สุดในชีวิตเราไป"

             หลังจากนั้นเธอได้ติดตามรายการ จากจานดาวธรรม และยังมาเป็นพิธีกรเองด้วย

             "รายการในจานดาวธรรม เป็นรายการที่ดูแล้วยิ้มได้ ดูแล้วทำให้ใจคนดูอยู่ในบุญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครที่มีลูกมีหลานจำเป็นมากที่จะต้องให้เขาดู ซึ่งในฐานะที่ตุ๊กตาเองอยู่ในวงการนี้ บอกได้เลยค่ะว่า..คนผลิตสื่อ มีประเภทที่อยากให้การศึกษากับคนจริงๆ ก็มี อีกประเภทหนึ่ง เขาจะคิดแต่เพียงว่า ทำรายการอะไรก็ได้ ขอให้ขายได้ ขอให้ทำเงิน

โดยไม่คำนึงถึง ความรับผิดชอบ ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ต่อคนดู ซึ่งรายการประเภทนี้มีมาก และหากเราปล่อยลูกหลานของเรา เสพสื่อแบบนี้ตามลำพัง รับรองว่าจะมีผลต่อพฤติกรรม ที่เขาจะแสดงออกมาอย่างไม่ถูกต้องในอนาคตแน่นอน..."

             ปัจจุบัน..เธอได้เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานสโมสร Super KIDS และมาเป็นพิธีกรในรายการนี้เองด้วย โดยมีความคิดว่า

             "จากการที่ตุ๊กตาเข้าวัด และพบข้อดีที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จึงอยากมีส่วนช่วยงานพระพุทธศาสนา ซึ่งในส่วนที่เราทำได้และถนัด ก็คือ ทำรายการโทรทัศน์ ที่จะช่วยสอนให้เด็กและเยาวชนไทย เป็นคนเก่งและดี ซึ่งในปัจจุบันในรายการโทรทัศน์ทั่วๆ ไปจะสอนและพัฒนาเด็กเฉพาะด้าน IQ (Intelligence Quotient = ระดับสติปัญญาความรู้ความสามารถ) แต่ EQ (Emotional Quotient=ระดับความฉลาดด้านอารมณ์) และ MQ (Moral Quotient=ระดับความคิดด้านศีลธรรม) ยังไม่มีช่องไหนทำเลย ทั้งๆ ที่สังคมไทยขาด และสิ่งนี้ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเยาวชนที่กำลังพบในปัจจุบัน"

             " สุดท้าย..ตุ๊กตาอยากจะฝากไว้ว่า จากเดิม ที่ตุ๊กตาเป็นคนไม่เข้าวัด และปฏิเสธจานดาวธรรม มาตั้งแต่ต้น เพราะขาดความเข้าใจ แต่พอวันนี้ตุ๊กตาได้เปิดตัวเอง หันมาเข้าในเรื่องราวที่ใกล้ตัวมากที่สุด คือพุทธศาสนา ตุ๊กตาได้อะไรเยอะมาก โดยเฉพาะหลักการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง จนตุ๊กตาเอง เกิดความรู้สึกว่า..สงสารคนที่ยังไม่เข้าวัด เพราะมัวหลงไปฝังใจกับข้อมูลผิดๆทำให้เขาเสียโอกาสที่ดีในชีวิตไป ตุ๊กตาเองได้มาวัดแล้ว พบว่าไม่ได้เป็นอย่างที่หลายคนเข้าใจเลย ที่นี่เป็นสังคมที่ดีมากๆ อีกสังคมหนึ่ง วันนี้.. ตุ๊กตาอยากให้ลองเปิดใจดู เพราะบางทีสิ่งนี้ อาจเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณที่สุด และทำให้คุณได้พบความสุขที่แท้จริงที่คุณได้แสวงหามาตลอดก็ได้ "

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล