ฉบับที่ ๒๑๒ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๓

ถ้าไม่มีการทอดผ้าป่า จะเกิดอะไรขึ้นในยุคนี้ ?

เรื่องจากปก
เรื่อง : ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์

 

ถ้าไม่มีการทอดผ้าป่าจะเกิดอะไรขึ้นในยุคนี้ ?

              ถ้าไม่มีการทอดผ้าป่าเกิดขึ้น พระภิกษุสงฆ์ในยุคนี้ก็จะลำบากกันมาก เนื่องจากต้องตรากตรำไปหาผ้ามาทำผ้าไตรจีวรกันเองเหมือนยุคต้นพุทธกาล เพราะกว่าพระจะได้ผ้าไตรจีวรมาแต่ละชุด ท่านต้องไปเก็บเศษผ้าที่ชาวบ้านทิ้งแล้วจากกองขยะบ้าง ผ้าห่อศพในป่าบ้าง ซึ่งเราเรียกผ้าพวกนี้ว่า “ผ้าป่า” เพราะเอามาจากป่า หรือ “ผ้าบังสุกุล” ที่แปลว่า “ผ้าเปื้อนฝุ่น” แต่ทว่า..การไปหาผ้าพวกนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะกว่าจะรวบรวมเศษผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนพอเย็บเป็นผืน ก็เล่นเอาเหนื่อย แถมเศษผ้ายังเปื้อนสิ่งปฏิกูล สกปรกมาก ๆ ซึ่งต้องเอามาซัก ตาก แล้วนำมาตัด เย็บ ย้อม เพื่อทำเป็นจีวร สบง หรือสังฆาฏิ และกว่าจะได้แต่ละผืนเลือดตาแทบกระเด็นกันเลย

 

              เหตุการณ์เป็นอย่างนี้เรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่ง พระอนุรุทธเถระ (พระอรหันต์ผู้เป็นเลิศทางด้านมีตาทิพย์) ท่านใช้จีวรจนเก่ามาก จึงต้องหาผ้ามาทำจีวรผืนใหม่ โดยขณะที่ท่านกำลังไปหาเศษผ้าจากกองหยากเยื่อ (กองขยะ) เทพธิดาชาลินีก็เห็นด้วยตาทิพย์ (เทพธิดาชาลินีเป็นเทพอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ชาติก่อน ๆ เคยเกิดเป็นภรรยาของพระอนุรุทธเถระ) และด้วยความที่ไม่อยากให้พระอนุรุทธเถระลำบาก เธอจึงคิดเอาบุญโดยเอาผ้าทิพย์ไปวางไว้ในกองหยากเยื่อบริเวณที่พระอนุรุทธเถระจะเดินผ่าน เพื่อให้ท่านนำกลับไปทำจีวร

       จากเหตุการณ์นี้ จึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้ใจบุญในสมัยพุทธกาลเกิดวิสัยทัศน์ตามแบบเทพธิดาชาลินี โดยจงใจนำผ้าไปไว้ตามต้นไม้ ตามกองขยะในป่า โดยทำทีเป็นเหมือนว่าทิ้งผ้านั้นแล้ว เพื่อให้พระนำไปทำจีวร

 

               แม้จะใช้วิธีนี้บ้างแล้ว แต่พระก็ยังลำบากอยู่ดี เพราะยังต้องช่วยกันตัด เย็บ ย้อมถือเป็นเรื่องใหญ่กันเลยทีเดียว อย่างจีวรของพระอนุรุทธเถระข้างต้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ต้องทรงมาช่วยสนเข็มเพื่อให้คณะภิกษุช่วยกันเย็บ อีกทั้งจะหาคนใจบุญจงใจทิ้งเศษผ้าไว้ก็มีไม่มาก

              จากความลำบากในเรื่องจีวรนี้เอง หมอชีวกโกมารภัจจ์ซึ่งเป็นแพทย์ประจำพระพุทธองค์ จึงกราบทูลขอพรจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า..ขอให้พระภิกษุสามารถรับคฤหบดีจีวรได้ (จีวรที่มีผู้ถวายโดยตรง)

 

               ด้วยเหตุนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงมีพระบรมพุทธานุญาตให้ใช้ผ้าได้ทั้ง ๒ แบบ คือ พระภิกษุจะไปหาผ้าบังสุกุลมาทำเป็นจีวรก็ได้ หรือจะรับผ้าจีวรที่มีคนถวายโดยตรงก็ได้ในขณะเดียวกันนั้นเอง หมอชีวกโกมารภัจจ์ก็ได้น้อมถวายคฤหบดีจีวรเป็นคนแรกและครั้งแรก โดยนำผ้าเนื้อดีที่สุดที่ได้รับพระราชทานเป็นรางวัลจากการรักษาพระเจ้าจัณฑปัชโชตมาน้อมถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

              นับจากนั้นมา ใครประสงค์จะทำบุญทอดผ้าป่า ก็สามารถใช้คฤหบดีจีวรได้ ดังนั้นลองคิดดูเถิดว่า ถ้าเราได้ทำบุญทอดผ้าป่า เราจะได้บุญมากขนาดไหน เพราะถือว่าเราเป็นผู้ที่ทำให้พระไม่ต้องลำบากไปเอาผ้าห่อศพมาทำจีวรเหมือนยุคก่อน ทำให้ท่านตัดความกังวล มีเวลาในการนั่งสมาธิบำเพ็ญสมณธรรมมากขึ้น

                 ที่สำคัญ..การทำบุญทอดผ้าป่า เป็นบุญที่มีอานิสงส์อันไม่มีประมาณ เพราะเป็น “มหาสังฆทาน” คือ เป็นทานที่ถวายแบบไม่เฉพาะเจาะจงแก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า มีอานิสงส์มากกว่าการถวายทานแบบจำเพาะเจาะจงแด่พระองค์เสียอีก

 

               จะเห็นว่าบุญทอดผ้าป่าให้อานิสงส์มาก ซึ่งถ้าทอดผ้าป่าอย่างถูกหลักวิชชา ก็จะได้บุญมหาศาล เหมือนที่หลวงปู่วัดปากน้ำท่านเคยแสดงภัตตานุโมทนากถาไว้เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๙๗ ว่า ...วันนี้นะไม่ใช่ได้นิด ๆ หน่อย ๆ มาทอดผ้าป่านี้น่ะคนหนึ่ง ๆ นั่น วัดผ่าเส้นศูนย์กลางขนาด ๑,๐๐๐ วา เป็นดวงใสขนาด ๑,๐๐๐ วา เขามีธรรมกาย เขาเห็นทั้งนั้นแหละ ขนาด ๑,๐๐๐ วา วัดผ่าเส้นศูนย์กลางขนาด ๑,๐๐๐ วา กลมรอบตัว เรียบเหมือนหน้ากระจกเชียว นั่นแหละบุญมาติดอยู่กลางตัวทุกคน ๆ ๆ แต่หย่อนบ้าง บางคนก็ถึง ๙๐๐ วา บางคนก็ถึง ๘๐๐ วา ๗๐๐ วา ๖๐๐ วา ๕๐๐ วา ๕๐๐ วาต้องได้ทุกคนเหมือนกันหมด แบบเดียวกันหมดทีเดียว ความจริงเป็นอย่างนี้...

                  ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าบำรุงวัด เนื่องในวันธรรมชัย ๒๗ สิงหาคมนี้ ณ วัดพระธรรมกาย...
ข้อมูลจาก :

๑. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒
เรื่องพระเจ้าจัณฑปัชโชตทรงประชวรโรคผอมเหลือง

๒. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒ พระผู้มีพระภาคเสวยพระโอสถถ่าย

๓. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท อรหันตวรรคที่ ๗ เรื่องพระอนุรุทธเถระ

๔. อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ คหบดีวรรค ชีวกสูตรเรื่องหมอชีวกโกมารภัจจ์

๕. อรรถกถาชีวกสูตร

 

คำอธิษฐานจิต
ทอดผ้าป่าบำรุงวัด

             ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทอดผ้าป่าบำรุงวัด เพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ ขอให้ข้าพเจ้าเกิดมาสมบูรณ์พร้อมในทุกสิ่งที่เป็นไปเพื่อการสร้างบุญสร้างบารมี ขอให้ข้าพเจ้าไม่อดอยากยากจน ไม่เหนื่อยยากในการทำมาหากิน เพื่อจะได้มีเวลาประพฤติปฏิบัติธรรม ทำพระนิพพานให้แจ้งอย่างเต็มที่ ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ปลอดกังวลในทุกสิ่ง มีความสุขในการดำเนินชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม

              ขอให้ข้าพเจ้าได้เกิดในปฏิรูปเทส ๔ เกิดในดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง เกิดในครอบครัวที่เป็นสัมมาทิฐิ แวดล้อมไปด้วยบัณฑิตนักปราชญ์ และกัลยาณมิตรเท่านั้น คนภัยคนพาลอย่าได้มากล้ำกราย

            ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้รู้เห็นง่าย ปฏิบัติสะดวก บรรลุเร็ว รู้แจ้งแทงตลอดในวิชชาธรรมกาย ขอให้เป็นผู้มีดวงปัญญาสว่างไสว มีไหวพริบปฏิภาณว่องไวเป็นเลิศ แตกฉานในอรรถและธรรม ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ

              ขอให้ได้เพศบริสุทธิ์ ได้บวชในบวรพระพุทธศาสนา ขอให้สามารถตักเตือนสั่งสอนตัวเองได้ ขอให้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง อย่าเจ็บ อย่าป่วยอย่าไข้ มีกำลังกาย กำลังใจ ในการสร้างบารมีอย่างไม่รู้จักหมดจักสิ้น

           ขอความปรารถนาที่ข้าพเจ้าตั้งใจดีแล้วนี้ จงเป็นผลสำเร็จ จงเป็นผลสำเร็จจงเป็นผลสำเร็จ จงทุกประการเทอญ

นิพพานะปัจจะโย โหตุ ฯ

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล