อยู่ในบุญ ฉบับที่ ๑ ประจำเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๕

ชีวิตจริงไม่เท่ากับความเป็นจริงของชีวิต 

อนุบาลฝันในฝันวิทยา
โดย...หัวหน้าชั้น

ชีวิตจริงไม่เท่ากับความเป็นจริงของชีวิต 

       ชีวิตจริงคือเรื่องราวของชีวิตในชาติปัจจุบัน... แต่ความเป็นจริงของชีวิต คือเรื่องราวของชีวิตในอดีตมาใน ปัจจุบันสู่อนาคต เราเป็นใคร? มาจากไหน? มาทำอะไร? แล้วจะไปไหน? อะไรคือเป้าหมายชีวิตที่แท้จริง? ในชีวิตจริงเราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องเช่น การทำก๋วยเตี๋ยว การผลิตรถยนต์ เพราะมีเงินก็ไปซื้อก๋วยเตี๋ยวมารับประทานได้ มีเงินก็ซื้อรถยนต์มาขับได้ แต่ความจริงของ ชีวิตไม่รู้ไม่ได้ ไม่รู้แล้วอันตราย โดยเฉพาะความรู้เรี่องปรโลก ชึ่งมีทั้งทุกคติและสุคติ ความเป็นจริงของชีวิต คือทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย แม้จะไม่อยากตาย เมื่อ ตายแล้วต้องไปปรโลกแม้จะไม่อยากไป เราเรียนรู้เรื่อง อเมริกา เราไม่ไปก็ได้ไม่เป็นไร แต่ปรโลกเรียนรู้แล้วไม่ไปไม่ได้ สิ่งที่ต้องเรียนรู้คือทำความดีจนจิตผ่องใส ตายแล้วย่อมไปปรโลกฝ่ายสุคติคือสวรรค์ นิพพาน สุขนิรันดร์ ทำความชั่วจิตเศร้าหมอง ตายแล้วย่อมไปปรโลก ฝ่ายทุคติ คือโลกันต์ นรก อสุรกาย เปรต เดรัจฉาน ทุกข์ ทรมานแสนสาหัล รายละเอียดความรู้เกี่ยวกับความเป็น จริงของชีวิต ทุกท่านสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองจาก โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

        คอลัมน์นี้จะนำมาถ่ายทอดทุกเดือนโดย "อยู่ในบุญ" ฉบับปฐมฤกษ์นี้จะนำท่านมารู้จัก...โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยากันสักนิด
 

ประวัติโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
ผู้สถาปนา                     คุณครูไม่ใหญ่
เปิดเรียนวันแรก            ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๕
คุณครูผู้สอน                 คุณครูโม่ใหญ่
                                      (ทำการสอนวันแรกคือ วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒ ๕ ๔๕)

สถานที่เรียน                  บ้านแก้วเรือนทองของคุณยาย
วันเรียน                         วันจันทร์ถึงวันเสาร์
เวลาเรียน                      เวลา ๑๙.๐๐ - ๒๑.๐๐ น.
คำขวัญของโรงเรียน     เมื่อเราสว่างโลกก็สว่างด้วย 
คาถาสำเร็จ                   แม้มืดตื้อมืดมิด ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรม
คุณสมบัติของผู้เรียน    ทุกเพศทุกวัย ทุกชาติ ทุกภาษา
                                      ไม่บ้าใบ้ ไม่เป็นโรคประสาท จิตปกติ ปรารถนาเข้าถึงพระธรรมกาย 
ค่าเล่าเรียน                    ฟรี
ระบบการเรียน               ก. เรียนประจำ 
                                      ข. เรียนทางไกล ต่างจังหวัด ต่างประเทศทั่วโลกด้วยระบบโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต 
เรียนพิเศษ                     ทุกวันอาทิตย์ เวลา ๐๘.๐๐ - ๑๗.๐๐ น.

 

กิจกรรมเสริมหลักสูตรพิมพ์พระผงรุ่นบรรลุธรรม
วันจันทร์ - วันเสาร์  
       เวลา ๒๑.๐๐ - ๒๑.๓๐ น.
วันอาทิตย์                     เวลา ๑๗.๐๐ - ๑๘.๐๐ น.
วันจันทร์ - วันเสาร์         มีรถบัสรับ-ส่งฟรี
เที่ยวไป                         รับจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
                                      เวลา ๑๗.๐๐ น. และล่งตรงข้าม ฟิวเจอรพาร์ครังสิต เวลา ๑๘.๐๐ น.
เที่ยวกลับ                      จากบ้านแก้วเรือนทองของคุณยาย เวลา ๒๑.๓๐ น. ไปมหาวิทยาลัย                                                          เกษตรศาสตร์ ๑ คัน ไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ๑ คัน

 

ตารางวันเรียนประจำของนักเรียนอนุบาลแต่ละภาค
วันจันทร์            ภาค ๓,๘,๕
วันอังคาร           ภาค ๑,๕
วันพุธ                ภาค ๔,๖,๕
วันพฤหัสบดี      ภาค ๗,๕
วันศุกร์              ภาค ๒,๕
วันเสาร์             ทุกภาค

 

การบ้านของนักเรียน อนุบาลมี ๑๐ ข้อ ดังนี้
     ๑. เมื่อกลับถึงบ้านเอาบุญไปฝากคนที่บ้าน
     ๒. จดบันทึกผลของการปฏิบัติธรรม
     ๓. ก่อนนอนตรึกระลึกนึกถึงบุญที่ได้สั่งสมมาทั้งหมด
     ๔. หลับก็หลับในอู่ทะเลบุญ
     ๕. ตื่นก็ตื่นในอู่ทะเลบุญ
     ๖. เมื่อตื่นแล้วรวมใจเป็นหนึ่งกับองค์พระ ๑ นาที ใน ๑ นาทีนั้นให้เรานึกว่า "เราโชคดีที่รอดมาอีกหนึ่งวัน ขอให้สรรพลัตว์ทั้งหลายจงมีความสุข อันตัวเรานั้นตายแน่... ตายแน่" 
     ๗. ทั้งวันให้เราทำความรู้สึกว่าตัวเราอยู่ในองค์พระ องค์พระอยู่ในตัวเรา ตัวเราเป็นองค์พระ องค์พระเป็นตัวเรา 
     ๘. ทุก ๑ ชั่วโมง ขอ ๑ นาที เพื่อหยุดใจนึกถึงดวง องค์พระหรือทำใจนิ่งๆ ว่างๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ 
     ๙. ทุกกิจกรรมตั้งแต่ตื่นนอน ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้า อาบน้ำ แต่งตัว รับประทานอาหาร ล้างจาน กวาดบ้าน ออกกำลังกาย ขับรถ หรือทำงาน ฯลฯ ให้นึกถึงดวง หรือองค์พระไปด้วย 
     ๑๐.สร้างบรรยากาศที่ดี สดชื่น ด้วยรอยยิ้มและปิยวาจา

       ตลอด ๘ เดือน ที่เราได้เรียนรู้ความเป็นจริงของ ชีวิตว่า เรามิอาจหนีรอดพ้นจากกฎแห่งการกระทำ (Law of Kamma) ซึ่งพวกเราก็เคยผิดพลาดทั้งนั้น จะมาก หรือน้อย ด้วยความไม่รู้ ด้วยความเข้าใจผิด และเราก็มิอาจหลีกเลี่ยงจากกฎเหล็กคือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่และเสื่อมสลายไป เราไม่มีทางเลี่ยง แต่เรามีทางเลือก แล้วเราก็ พบทางออก ซึ่งคุณครูไม่ใหญ่ให้เราเลือกทำ ๕ ข้อคือ

     ๑. บาป (อกุศลกรรม) ที่กระทำผิดพลาดในอดีต ลืมให้หมด
     ๒. บาป (อกุศลกรรม) ทุกชนิดไม่กระทำเพิ่มอีกเด็ดขาด
     ๓. หมั่นระลึกถึงบุญ (กุศลกรรม) ที่ได้กระทำมาตลอดชีวิต
     ๔. บุญ (กุศลกรรม) ทุกชนิดกระทำเพิ่มให้เข้มข้นทับทวี
     ๕. ปฏิบัติธรรม ให้เข้าถึงพระธรรมกายภายในตัว โปรดจำไว้ เรื่องราวฝันในฝันที่คุณครูไมใหญ่เล่าให้ฟังในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้กายสบาย ใจสงบก่อนนั่งธรรมะ จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ได้ หรือจะฟังเพลินๆ เป็นนิทานก็ได้ จะฟังเป็นความรู้ ติดขาติดแข้ง รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหามก็ได้ หรือเชื่อแล้ว ปฏิบัติตามก็ได้ เชื่อไม่เชื่อก็ควรทำความดีเผื่อเหนียวไว้ ก่อนก็แล้วกัน (ปลอดภัยไว้ก่อน)

    พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งเหตุผล และต้อง พิสูจน์ด้วยตนเอง แนวทางในการพิสูจน์นั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงวางหลักสูตรเอาไว้แล้ว ซึ่ง หลวงปูวัดปากน้ำ (พระมงคลเทพมุนี) ยืนยันว่ามีจริงอยู่ที่ตัวเราเองฟังแล้ว เชื่อทันทีโดยไม่พิสูจน์ ท่านว่าเข้าข่ายงมงาย ฟังแล้วไม่เชื่อแล้วไม่พิสูจน์ท่านว่าเข้าข่ายดื้อดึง

จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา
เมื่อจิตเศร้าหมองแล้ว ทุคติเป็นอันหวังได้

จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา
เมื่อจิตไม่เศร้าหมองแล้ว สุคติเป็นอันหวังได้

พุทธพจน์

 



smileyMIRACLEsmiley

เราถูกบังคับให้รวย

     แม่ค้าข้างถนนกับการทำบุญเป็นล้านๆ ดูเชื่อมโยงกันได้ยาก แต่ก็เป็นไปแล้ว เธอทำบุญจนหมด? "ยิ่งหมด..ยิ่งมี" !! มีมากกว่าเดิม อีกหลายล้าน..!!

        คงธรรมดาเกินไป หากอานุภาพบุญเรื่องนี้บอก ผู้อ่านได้เพียงว่า ยิ่งทำบุญยิ่งรวย ทั้งที่ตัวอักษรที่ทยอยเรียงรายกันเข้ามา ขณะคุณวางใจไว้ศูนย์กลางกายนี้อาจ ทำให้ความคิดบางอย่างของคุณเกิดความเป็นไปได้ ...ถ้าคุณ ใช้เทคนิคเดียวกับเธอผู้นี้ที่มีผลมาจากพลานุภาพของใจที่มุ่งมั่น ต่อเนื่องอย่างถูกหลักวิชชา ซึ่งทำง่ายๆ แต่กลับให้ผลอันยิ่ง ใหญ่เกินควรเกินคาด

        จากเรื่อง เจ้าหญิงถั่วงอกกับเจ้าชายปลาทู (คุณนฤมล และคุณประเสริฐ ศรีสมนึก) เป็นเรื่องจริงที่เล่าขานตลอดมาถึงเรื่องของเธอ (คุณนฤมล ศรีสมนึก) ซึ่งเป็นลูกกำพร้า เป็นเพียงแม่ค้าข้างถนน ขายของแบกะดินที่ต้องคอยหนีตำรวจเทศกิจอยู่เสมอ ลำบากตรากตรำกับการทำงานหนักตั้งแต่ตี ๒ ทุกวัน จนกระทั่งสามีแนะนำให้เธอมารู้จักวัดพระธรรมกายแล้วเกิดศรัทธาในบุญ จึงได้ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดคือยอมเอาเงินที่เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต จำนวน ๙ ล้านบาทมาทำบุญ ซึ่งขณะนั้นครอบครัวเธอเอง ยังต้องเช่าบ้านเขาอยู่ เป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคน.. ไม่เห็นด้วย หลายคน..คิดว่าเธอคงหมดตัว ไม่มีเงินทำบุญในครั้งต่อไปอีกเป็นแน่ เพราะเธอทุ่มจนหมดใจในครั้งนี้แล้ว...

       แต่ต่อมาไม่นานเลย...เธอกลับมีเงินทำบุญเป็นล้านที่ ๒ ซึ่งก็ได้มาจากการประสบอานุภาพบุญอย่างเหลือเชื่อ เธอก็ตัดสินใจปิดบัญชีแบงก์เปิดบัญชีบุญด้วยการทำบุญอีก จนกระทั่งมียอดเงินเหลือในบัญชีเพียง ๒๗ สตางค์ ครั้งนี้ทำให้หลายคนอนุโมทนาในมหาศรัทธาที่เธอกล้าทำอย่าง หาใครทำได้ยาก แต่บางคน..ก็อดคิดไม่ได้ว่า คราวนี้..!! เงินเธอหมดจริงๆ และคงทำบุญในครั้ง หน้าได้เพียงนิดหน่อย หรือเพียงตามกำลังที่พอจะมีทรัพย์เท่านั้น..!!

       ไม่ผิดเลย!!...ไม่ใช่เพราะเธอไม่มีเงิน แต่ไม่ผิดเลย.. ที่เรื่องอัศจรรย์มักเกิดขึ้นชํ้าๆ กับคนที่มีใจอัศจรรย์เสมอ เพราะพลานุภาพที่ตัดใจจากความตระหนี่จนหมดสิ้น พร้อมกับมีมหาปีติ อย่างท่วมท้น ทั้งก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำเช่นนี้ เกิดเป็นดวงบุญอันศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ที่มีกระแสดึงดูดทรัพย์หยาบและละเอียดอันไม่มีประมาณมาณ แล้วเธอก็มีเงินทำบุญได้อีก ๓ ล้าน อย่างอัศจรรย์ !!!

        "..ก็คือตั้งแต่เราปิดบัญชีจนเหลือ ๒๗ สตางค์ เราก็มีเงินทำบุญเพิ่มได้อีกประมาณ ๓ ล้าน ทำมาตลอดไม่ขาดเลยสักงาน อย่างตอนเราทุ่มหมดใจ ทำบุญไทยธรรม ๓๐,๐๐๐ วัดไป ๙ ล้าน ก็คุยกับพี่ประเสริฐว่า งานหน้าเราจะวางมือดีกว่า เพราะเรายังไม่เห็นเงินว่าจะเอามาอีกเป็นล้าน จากที่ไหน แต่ปากก็บอกว่าวางๆ แต่ใจยังไม่ยอมวางค่ะ คือใจมันอยากเอาบุญสร้างมหาวิหาร กับคุณยาย ๙ กอง ไม่อยากพลาดโอกาสที่มีครั้งเดียวในชีวิต ก็คิดตัดสินใจกันใหม่ว่าจะสู้ต่อ..คือยอมลำบาก ยอมเหนื่อยอีกหน่อย เพราะเข็ดเหลือเกิน เข็ดจริงๆ กลัวมาก ในช่วงที่เราจน เราลำบากมาก ชาติหน้าเราไม่อยากลำบากแบบนี้อีกแล้ว ชาตินี้ก็ขอทำให้สุดๆ ชาติหน้าจะได้สบาย

        ก็เลยตัดสินใจมาวางเดือน (ตั้งกองทำบุญ) ช่วงนั้นของขายดีมาก ๓ วันได้เกือบ ๕ หมื่น ตั้งแต่ตัดสินใจสู้แล้ว ใจมุ่งมั่นตลอด ใจไม่คิดเรื่องอะไรเลย นอกจากปิดกอง ๆ ๆ ตื่นเช้าขึ้นมา ก็ปิดกอง ขายถั่วงอก ขายของก็ปิดกอง ไม่ว่าจะทำอะไร หลับตื่น นั่งนอน ยืนเดิน ใจมันปิดกองตลอด ใจมุ่งมั่นมีพลัง นึกถึงแต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ นึกถึงคุณยายตลอดเวลา นึกแล้วก็มีความสุขที่เราจะได้ทำบุญใหญ่ ...อื้ออื้อ..!! แล้วแบบว่ามันอัศจรรย์อย่างบอกไม่ถูก เหมือนโกลาหลเลยค่ะ ของชำของโชห่วยที่ไม่ค่อยมีใครใช้ไม่ค่อยมีคนซื้อ ก็มีคนมาซื้อกันใหญ่ ฝุ่นจับอย่างเยอะ เราก็ต้องปีนขึ้นไปเอาแบบว่าโละสต๊อกเลย แล้วได้ราคาด้วย ตอนนั้นเราขอเทวดาทุกท่านที่อยู่ ในบ้านเราเลยว่า ให้ช่วยกันตามทรัพย์จะเอาไปทำบุญ แล้วให้เขาได้บุญด้วย ขายดิบขายดีแบบโกลาหลเลย ขายจนข้าวเช้าไม่ได้กินเลย แล้วตอนนั้นเงินมันมาทุกทิศทุกทาง.. ที่ดินแปลงหนึ่ง ที่เราเคยบอกขายไว้ อยู่ดีๆ ก็ขายได้ ได้เงินสด ๑ แสนบาท พูดง่ายมาก และป้าคนหนึ่งเอา เงินมาให้เราก่อนกำหนดทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลา พอดีป้าเขาได้เงินพิเศษมาอีก ๑ แสนบาท ตอนนั้นเราก็รวมเงินจากการขายของ และเงินที่ไหลเข้ามาทุกทิศทุกทาง แต่ก็ยังเหลืออีกประมาณ แสนเศษๆ

       ตอนนั้นเวลากระชั้นเข้ามาแล้วคือ เราพยายามเต็มที่แล้ว เหลือแค่ ๒ วันเองจะต้องปิด กองให้ได้ เราอธิษฐานกับคุณยายอย่างต่อเนื่องไม่ขาดเลย แล้วก็โทรไปหาเพื่อนๆ บอกบุญเพื่อนเลย พอโทรปั๊บ พูดนิดหน่อย คนนั้นก็ ๒ หมื่น คนนี้ก็ ๒ หมื่นห้าจนกระทั้งครบ รู้สึกวันนั้นมีความสุขมากเหลือเกิน มาถึงทุกวันนี้เราภูมิใจนะคะ ภูมิใจมาก ยังมานั่งคุยกับพี่ประเสริฐเลย ว่า...ลองคิดดูว่า ถ้าเราไม่ได้มาวัดพระธรรมกาย ไม่รู้จักพระเดชพระคุณหลวงพ่อ คุณยาย เราจะ มีโอกาสได้ทำตรงนี้ไหม..? แม่ค้าข้างถนนขายของชำเล็กๆ น้อยๆ กว่าจะได้เงิน แต่ที่เราทำบุญ เป็นล้านได้ ทำได้อย่างมหาเศรษฐีเขาทำกัน เพราะเราเอาบุญต่อบุญ เราถึงเชื่อมั่นมากที่สุดว่า ยิ่งทำบุญยิ่งมี ไม่มีหมดเลย พูดแล้วเหมือนหลวงพ่อบังคับให้เรารวยค่ะ (หัวเราะ)"

 

รอดตายเพราะบุญช่วย

       ทุกชีวิตย่อมรักตัวกลัวตาย ดังนั้นเมื่อเราไม่ไปเบียดเบียนใคร ยังกุศลให้ถึงพร้อม อานุภาพและอานิสงส์ย่อมบังเกิดขึ้นแก่ผู้นั้น เช่น เดียวกับบุคคลนี้ท่านมีชีวิตเสมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายทีพร้อมจะขาดทุกเมื่อ หากประมาทและไม่ระวังตัว เพียงแค่กระพริบตา อาจถูกชิงภพได้ พันตรีถาวร คิริมูล ผู้ตั้งปณิธานขอรับใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตราบชีวิตจะหาไม่

        "ย้อนอดีตไปเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๗ ผมได้รับการชักชวนจากเพื่อนกัลยาณมิตรให้มาทำบุญ ทอดผ้าป่าในวันมาฆบูชา จึงได้รวบรวมเงินจากญาติพี่น้องผู้ร่วมงานมาทำบุญร่วมกันเพื่อซื้อที่ดิน ถวายวัดในสมัยโน้น

        ตอนนั้นผมทำงานอยู่หน่วยรบ หน่วยลาดตระเวนระยะไกลที่กรุงเทพฯ แต่ก็ต้องออกไป ชายแดน ภารกิจของการลาดตระเวนระยะไกลคือ การโดดร่มลงหลังแนวข้าศึก แล้วแทรกซึมเข้าหาข่าว ผมได้ดวงแก้วเป็นที่ระลึกจากการถวายที่ดิน และได้ลองปฏิบัติตามหลักวิชชา ก่อนออกลาดตระเวนทุกครั้งผมจะไหว้พระสวดมนต์ และนั่งสมาธิเพราะมีความกลัว คือกลัวตาย เวลาได้ยินเสียงปืนใหญ่ลงข้างๆ ฐาน และเดินฝ่ากับระเบิดมากมายจะนึกถึงหลวงพ่อ และสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ติดตัวไป ชีวิตของผมรอดตายมาอย่างปาฏิหาริย์หลายครั้งหลายหน เป็นเพราะบุญกุศลที่ผมหมั่นตรึกระลึกถึงตลอดเวลา

       และนี่ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่ผมอยากถ่ายทอดให้ทุกคนได้รับรู้รับทราบถึงอานุภาพแห่ง บุญกุศลที่ทำอย่างสมํ่าเสมอ ในทีมงานในการปฏิบัติภารกิจแผนป้องกันประเทศ ผมจะประชุมกัน ก่อนว่าในการไปในครั้งนี้เพื่อชาติบ้านเมือง ตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ บ้านเมืองเราตอนนี้อยู่ในภาวะคับขัน เราได้รับมอบอำนาจไป เราต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ใครพร้อมจะไปกับผม แต่ว่ามีกติกาคือข้อ ๑. ห้ามฆ่าสัตว์ ผมไม่ชอบฆ่าลัตว์ในฐาน ในป่านั้นมีสัตว์ป่าทุกชนิดกินเป็นอาหารได้ ข้อ ๒. ห้ามดื่มสุราในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ข้อ ๓. ห้ามเล่นการพนัน เราตกลงกันว่าเราจะทำโทษส่งกลับ งดบำเหน็จแถมไม่ได้รับสิทธิ์ต่างๆ เขายอมตกลงเพราะว่าทำให้รู้สึกปลอดภัย และเขาก็อบอุ่นใจ ที่จะไปด้วย

     ครั้งหนึ่ง ชุดลาดตระเวนออกไปทำงานตามปกติ แล้วเราจะมีแผนระวังป้องกันรอบฐาน โดยการฝังลูกระเบิดเคโม เป็นลักษณะเอ็ม ๑๘ เคโม วางรอบฐานป้องกันข้าศึกเข้ามาจู่โจม เราเดินออกลาดตระเวนเสร็จ จะกลับฐานอีกประมาณ ๓๐๐ เมตรจะถึงที่พัก ทีมขอพักเหนื่อย ๕ นาที ถ้าเดินมาก็จะถึงพอดีโดยไม่หยุดพัก ขณะที่ทุกคนพักเหนื่อย (จู่ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมา) เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวในฐานของเรา ผมนึกว่าข้าศึกโจมตีจึงเป่านกหวิดให้ทุกคนหลบลงหลุมหลบภัย 

     จากการสันนิษฐานจึงทราบว่า ฟ้าผ่าเกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้ระเบิดลูกหนึ่งทำงาน จะมีกระสุนประมาณ ๗๐๐ - ๘๐๐ นัด ในระเบิด ๑ ลูก กระจายเต็มไปทั่วตัวแน่นอน

       อีกเหตุการณ์หนึ่ง ผมฝึกอบรมโดดร่ม การโดดร่มเป็นภารกิจของหน่วยรบพิเศษต้องทำการโดดร่มประจำทุกปี ปกติผมจะไม่โดด ผมเป็นผู้คุมการโดด วันนั้นมันว่างเว้นการโดดนาน จึงตัดสินใจโดด พอโดดลงมาแล้วฝนตก มีลม พายุแต่ไม่เกิน ๙ น็อต ถ้าเกิน ๙ น็อต จะไม่สามารถโดดร่มได้ พอโดดเกิดลมพายุ ปรากฏ ว่าร่มติดขัด กางไม่เต็มที่ แล้วเราก็เสียหลัก ลมพัดรวมกระโชกทำให้ขาไปพันกับตัวร่ม ร่มจึงห่อลงมาพันขาศีรษะพุ่งลงข้างล่าง ขาชี้ฟ้า ลอยลงมา ไม่สามารถบังคับร่มได้ เพราะร่มไม่กินลม ตอนนั้นผมไม่สามารถทำอะไรได้ พอดี มีพระมหาสิริราชธาตุติดตัว จึงนึกถึงท่านขอท่านช่วย พอนึกถึงท่านร่มก็หลุดกางเต็มที่ เราก็ลงมาอย่างปลอดภัย

      ปี พ.ศ.๒๕๔๑ ผมเลิกอบายมุขทุก อย่างมาทำบุญประจำ เพราะเราได้มานั่ง ปฏิบัติธรรมที่นี่ ถ้าเรากินเหล้า ก็เหมือนว่า เราไม่เชื่อหลวงพ่อไม่ซื่อสัตย์ ศีลเราจะขาด พอมาทำทาน เจอหมู่คณะที่เป็นกัลยาณมิตร ผมมาผมอบอุ่นใจ ที่นี่เหมือนพี่น้องกัน ลูกหลวงพ่อหลานคุณยาย การที่เรามาทางนี้ถูก ทางแล้ว ชีวิตคนเราสั้น ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ศาสนาเราจะอยู่ได้เพราะว่ามีทุกคนให้ความ ร่วมมือ เราต้องรักษาไว้สืบต่อไป 

 

ตายแล้วฟื้น (ด้วยบารมีธรรมของหลวงปู่)

       อานุภาพคุณของพระรัตนตรัยนั้น ผู้ที่เชื่อมั่นศรัทธา และน้อมนำประพฤติปฏิบัติ ย่อมจะได้รับผลอันไม่มีประมาณเหมือนดังเรื่องของ คุณนภาพร ฟาห์โรว์ ที่ต้องไปอยู่กับครอบครัวในต่างแดนถึงประเทศอังกฤษ หลายสิบครั้งที่ชีวิตของเธอพบจุดหักเหเหนือวิสัยที่มนุษย์ธรรมดาจะแก้ไขให้พ้นวิกฤตตรงนั้นไปได้ แต่ เธอก็สามารถข้ามพ้นไปได้ เรื่องที่ท่านจะได้อ่าน ต่อไปนี้เป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่ทำให้เธอมีลมหายใจ มาจนถึง ณ วันนี้ได้

      "ในวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ค.๒๕๔๑ ที่ โรงพยาบาลเบอร์มิ่งแฮม ในประเทศอังกฤษ ดิฉันไม่สบายมาก ต้องเข้ารับการผ่าตัด อาการป่วยครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากดิฉันเคยได้รับอุบัติเหตุหลายครั้ง เอ็กซเรย์แล้วพบว่ามีกระดูกที่หักไปชนตับในท้องต้องผ่าตัด ผ่าตัดแล้วโอกาสที่จะรอดและตายเท่ากัน"

     ดิฉันได้โทรทางไกลกลับมาเมืองไทยบอกพี่ชายว่าถ้าดิฉันตายจะให้สามีส่งกระดูกกลับมาเมืองไทยและบอกพี่ชายอีกว่า ให้นำพระมหาสิริราชธาตุมาวางไว้ที่หน้าหิ้งพระที่มีรูปหลวงปู่วัดปากน้ำ แล้วก็ให้ช่วยกันสวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุให้ดิฉัน ช่วยกันอธิษฐานจิต ขอบารมีหลวงปู่ คุ้มครองดิฉันในการผ่าตัดครั้งนี้ด้วย

      ปกติแล้วดิฉันจะศรัทธาในหลวงปู่มากไม่ว่าจะไปไหนมาไหน ท่านอยู่ในใจของดิฉันตลอด เมื่อหมอผ่าตัดดิฉันก็ไม่รู้สึกทรมานเหมือนหลับไปเลย อยู่ในห้องไอซียู ๓ วัน หมอบอกว่าดิฉันไม่มีความรู้สึกแล้ว แต่ดิฉันกลับมีความรู้สึกว่าดิฉันไปอยู่กับพระเดชพระคุณหลวงปูวัดปากน้ำ

      แล้วหลวงปู่ท่านก็พาดิฉันกลับมาที่ร่างเดิม ในวันที่ ๓ ดิฉันมองเห็นร่างตัวเองมีแต่ท่อ สายยางระโยงระยางทั่วร่างกาย ที่จมูกบ้าง ปากบ้าง หลังบ้างเต็มไปหมด ดิฉันตายแล้วหรือนี่ ดิฉันอยากกลับเข้าร่างของดิฉัน ก็เข้ายังไม่ได้ พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านบอกว่ายังไม่ถึงเวลา

       หมอบอกสามีว่าดิฉันตายแล้ว...  หมอก็เริ่มเอาสายยางเครื่องช่วยต่างๆ ออกจากตัวดิฉัน จะบอกใครก็บอกไม่ได้ พูดกับพวกเขาไม่ได้ ไม่มีใครรู้เรื่อง แล้วเขาก็นำร่างของดิฉันย้ายไปที่ห้องเย็นเก็บศพ ดิฉันพยายามบอกใครก็ไม่มีใครได้ยินว่า ดิฉันยังไม่ตาย คุณพ่อคุณแม่ของสามีก็ให้คนมาแต่งหน้าดิฉัน เพื่อทำพิธีศพและพวกเขาได้นำชุดขาวมาใส่ให้ดิฉัน นำผ้าขาวมาคลุมให้ เรียบร้อย พร้อมจะเอาร่างไปใส่ในโลง

      เมื่อถึงวินาทีนั้นดิฉันไม่รู้ว่าสามีของดิฉันคิดอะไร เขาได้ขออนุญาตหมอขอนำรูปพระที่ภรรยานับถือ คือภาพที่ดิฉันมีติดอยูในกระเป๋าตลอดเวลา เป็นภาพพระธรรมกายนั่งอยู่สูงสุด รองลงมาก็รูปปั้นของหลวงปูวัดปากน้ำ และรองลงมาอีกชั้นก็คือรูปพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยนั่งสมาธิอยู่ที่สภาธรรมกายหลังคาจาก แล้วเขาได้พูดขอพรหลวงพ่อ ขอพรหลวงปูว่า ถ้าดิฉันมีบุญบารมีที่จะเป็นยอดกัลยาณมิตรต่อไป ก็ขอให้ดิฉันกลับคืนเข้าร่างได้ แล้วเขาก็เอารูป นั้นวางไว้ที่ศีรษะของดิฉัน ในตอนหลังสามีเล่าว่าเขาได้เห็นแสงสว่างเกิดขึ้นที่ศีรษะของดิฉัน เห็นพระธรรมกายอยู่ที่ศีรษะฉัน พระเดชพระคุณหลวงปู่อยู่ด้านขวา พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยอยู่ด้านซ้าย

     ดิฉันรีบนอนทาบร่าง เมื่อดิฉันฟื้นขึ้นมาก็พยายามใช้มือเปิดผ้าออกจากตัว ทุกคนในนั้น ทั้งหมอฝรั่ง เพื่อนคนไทยในห้องตกใจกันหมด วิ่งหนีกันอลหม่าน ทุกคนพูดไม่ออกเหมือนกันหมด เขาบอกว่า Impossible เป็นไปไม่ได้ เพราะเขาไม่เคยเห็น

    ดิฉันฟื้นขึ้นมาได้อย่างอัศจรรย์ ทั้งที่ร่างกายลูกผ่าตัดแสนสาหัส ดิฉันคิดว่าตาย แล้วเกิดใหม่ ชีวิตที่คืนกลับมาใหม่นี้ดิฉันได้ทุ่มเทสร้างความดีอย่างเต็มที่ เพราะเนื้อนาบุญ ก็มีอยู่แล้ว ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ หลวงพ่อ และคุณยายอาจารย์ท่านไดให้โอกาสดิฉันมาสร้างความดีลังสมบุญบารมีติดตัวเพิ่มขึ้นอีก ดิฉันจะไม่ยอมให้มีวันที่เมื่อต้องละจากโลกนี้ ไปจริงๆ มองบุญของตัวเองแล้วพูดว่า "รู้อย่างนี้ทำให้มากกว่านี้"

      คุณนภาพรเธอตกอยู่ในสมรภูมิที่มีการช่วงชิงกัน โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันที่มาตลอด จะได้กลับมาสร้างบารมีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับกระแสบุญที่เข้ามาชิงช่วงในเวลานั้นจริงๆ

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล