ฉบับที่ ๒๗ ประจำเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๔๘

ซูมชีวิต ปิ๊ง..นิ๊ง ทำไมมีอาการ "เก่งและดี"

           แวบ..หนึ่ง ที่เกิดขึ้นในใจ ขณะอยู่ในห้อง Dance ห้องซ้อมดนตรีในบ้านของเธอทั้ง ๒ รู้สึกมีอาการ.. เหมือนหลุดเข้าไปในอาณาจักรคนธรรพ์ และกำลังถูกตรึงไว้ด้วยบทเพลงอันไพเราะร่วมสมัยจากการโซโล่กีต้าร์ บรรเลงขับร้องก้องกังวานและมีเสน่ห์ เปี่ยมไปด้วยสีสันแห่งความสดใส ความสุข ความระยิบระยับแห่งชีวิต จนทำให้รู้สึกต่อไปว่า..ภายใต้ความสามารถของเธอที่สะกดเราไว้ได้ในขณะนี้ เธอได้มาอย่างไร ตลอดจนการดำเนินชีวิตที่ประสบความสำเร็จรวดเร็วมาก ด้วยวัยเพียง ๑๓-๑๔ ปี โดยให้คำนิยามกับชีวิตว่า ต้อง..เก่งและดี

           เธอคือ เปี่ยมรัก-เปี่ยมปีติ หัตถกิจโกศล ปิ๊ง-นิ้งค์ สองศรีพี่น้อง ที่หลายคนคงรู้จักเธอดีจากการเปิดตัวไปไม่นานนัก ของนิ้งค์..มีอาการ นักร้องวัยรุ่นจากค่าย RS ที่ปรากฏตัวในลาน ๗ สี คอนเสิร์ต เมื่อวัน เสาร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๗ ที่ผ่านมา

           ก่อนจะก้าวสู่เวทีนี้ เธอเคยก้าวสู่เวทีโลกมาแล้ว จากการแสดงเป็นตัวเอกในเรื่อง Annie ในละครบรอดเวย์ ชนะการประกวดนักร้องยุวชนยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย KPN Junior Award Singing Contest 2000 หรือแม้แต่ปิ๊งเอง ก็มีผลงานหลากหลายชิ้นงานไม่แพ้กัน เพราะเธอสามารถคว้ารางวัลเดียวกันนี้ในปี 2002

น้องนิ้งคเปี่ยมปีติ หัตถกิจโกศล

และเป็นนักร้องประสานเสียงแห่งประเทศไทย ได้รางวัลชนะเลิศของ Activity Music Award ปี 2001

           และที่น่าภาคภูมิใจเป็นที่สุด คือเธอทั้งสองได้ร้องเพลงถวายต่อหน้า พระที่นั่งทูลกระหม่อมฟ้าหญิงอุบลรัตน์ฯ และพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ตลอดจนได้ร้องเพลงชุด Play Time 1-2 กับนิโคล เทริโอ อัดสปอตผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด เช่น ทเวลพลัสโคโลญจ์ โดเนอาหารเช้า จีนี่ นิทานเด็กหลายๆ เรื่องด้วยกัน

 

           ๒ พี่น้องคู่นี้ ชอบหลายสิ่งหลายอย่างที่เหมือนกัน โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ดนตรี และการร้องเพลง

           " นิ้งค์กับพี่ปิ๊ง..จะสนิทกันมาก หม่ามี๊สอนให้รักกัน ช่วยเหลือกัน เราจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เราจะเป็นทั้งเพื่อน-พี่-น้อง และที่ปรึกษา ให้กัน หม่ามี๊เลี้ยงให้เราทำอะไรทุกอย่างเหมือนกัน แม้แต่การแต่งตัว ตอนเด็กๆ หม่ามี๊จะแต่งตัวให้เหมือนกัน ทรงผมก็ทรงเดียวกัน ต่างกัน แต่ size (นิ้งค์..หัวเราะ) จนมักจะโดนทักว่า ฝาแฝด

           หม่ามี๊จะให้เราอยู่กับดนตรีคลาสสิกตลอดเวลา เช่นเพลงบรรเลงของโมสาร์ท บีโธเฟน มาตั้งแต่เด็ก เพราะเชื่อว่า จะทำให้เกิดการพัฒนาทางสมองที่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ แต่นิ้งค์ว่า บางครั้งหม่ามี๊เปิดโหมหนักไปหน่อย เพราะบางทีช่วงจังหวะของดนตรี เป็นจังหวะที่เร้าใจ ระทึกใจ จนน่ากลัวไปเลยก็มี เป็นจังหวะที่กระชั้นดังขึ้นเรื่อยๆ นิ้งค์ต้องบอกหม่ามี๊ว่า พอแล้วๆ ๆ หม่ามี๊ พอแล้ว" (หัวเราะพร้อมกัน)

           อยากบอกว่า สองพี่น้องคู่นี้ เป็นสาวน้อยอารมณ์ดีเหลือเกิน เพราะไม่เคยสัมภาษณ์ใครแล้ว สัมผัสได้ถึงเสียงหัวเราะที่ระยิบระยับเป็น Background ของคำตอบได้ถึงขนาดนี้

           " พอโตขึ้นหน่อย..นิ้งค์กับพี่ปิ๊งก็จะเล่นกันโดยเอาเก้าอี้มาเรียงๆ กันหลายๆ ตัว และจะพากันเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้า เกณฑ์คนในบ้าน เกณฑ์พี่เลี้ยง มาดูเราร้องเพลง จะแต่งตัวกันโดยใช้ผ้าห่มมาพัน เอาสร้อยมาใส่ เอาเครื่องสำอางมาแต่งหน้าให้สวยๆ แล้วเราก็จะร้อง จะแสดงกันอย่างสนุกสนาน แต่มีข้อแม้ว่าคนดูจะต้องเอาดอกไม้ มาให้นิ้งค์กับพี่ปิ๊งด้วย (หัวเราะ..) "

           การเปิดคอนเสิร์ตในอาณาจักรที่เธอสร้างขึ้นเองบ่อยครั้ง ทำให้คุณแม่มองเห็นแวว รวมทั้งพวกเธอเองต่างมีความสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คุณแม่จึงสนับสนุนให้ไปเรียนร้องเพลงกับครูแอน (นันทนา บุญหลง) และครูแอนก็หาเวทีให้ขึ้น จนชำนาญเวที กระทั่งประสบความสำเร็จในการก้าวขึ้นสู่ความเป็นสากล

           ความเป็นนักร้อง และอยู่ในวงการมายามาตั้งแต่เล็กนี่เอง ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า เด็กขนาดนี้ แถมมีชีวิตอยู่ในเส้นทางที่ หวือหวามาก แต่กลับหันมาสนใจพระพุทธศาสนาได้อย่างไร

" ตอนแรก..หม่ามี๊ชวนเราสองคนไปนั่งสมาธิที่เชียงใหม่ ที่พนาวัฒน์ ตอนนั้นปิ๊งกับนิ้งค์บอกหม่ามี๊เลยว่า โอย..ไม่ไป ไม่อยากไป ขอร้องๆ ๆ เลยม้า ขอร้อง เพราะเราคิดกันว่า การไปพนาวัฒน์ คือเราต้องไปบวชชี เราไม่อยากไป โอ๊ะ..โอ! ทำไงดี..ต้องนอนในป่าหรือนี่ ตายแน่เลย ต้องอดอาหาร แถมอดข้าวเย็นด้วย ไม่ไปหรอก คือเรากลัวมาก กลัวทำไม่ได้ และอีกอย่าง สิ่งที่ปิ๊งคิดในตอนนั้น ก็คิดว่า การเข้าวัดไม่ใช่สิ่งจำเป็นเลย ปิ๊งเองไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ปิ๊งว่า..ปิ๊งไม่ทำบาป ก็ O.K. แล้ว เป็นอย่างนี้ ก็ดีอยู่แล้ว คือไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขแล้ว และด้วยเหตุผลที่สาธยายมาอย่างมากมาย แต่และแล้ว ในที่สุดเราสองคนก็ต้องไปพนาวัฒน์กัน เพราะเรารักหม่ามี๊ "

น้องปิ๊ง เปี่ยมรัก หัตถกิจโกศล

           Miracle of love ด้วยอานุภาพแห่งรัก ที่ลูกๆ มีต่อหม่ามี๊นี่เอง ทำให้ธิดาน้อยทั้งสอง ได้มาพบกับความมหัศจรรย์แห่งชีวิต "

           "..นิ้งค์กับพี่ปิ๊ง อึ้งไปเลย เพราะที่นี่.. ไม่เหมือนกับที่นิ้งค์คิด ที่นี่ไม่ได้เป็นป่า แต่ที่นี่ อากาศดี วิวสวย และสงบมาก นิ้งค์ว่า วิเศษเลย เหมือนสวรรค์ อาหารอร่อย ที่พักก็ดี ทำให้นิ้งค์สบายกาย และนำมาสู่ความสบายใจ เป็นสถานที่ๆ เหมาะกับการนั่งสมาธิมาก แล้วกิจกรรมที่นี่ ก็จัดได้ลงตัวเหลือเกิน นิ้งค์กับพี่ปิ๊งรู้สึก O.K. มากๆ

           พอนึกถึงพนาวัฒน์ ทำให้นึกถึงตอนที่ นิ้งค์กับพี่ปิ๊งหัดนั่งสมาธิกันใหม่ๆ ๕ นาทีแรก เรารู้สึกเมื่อยมาก พอนิ้งค์ลืมตาขึ้นมา เห็นพี่ปิ๊ง สัปหงก โยกตัวสุดๆ สุดๆ จนนิ้งค์รู้สึกว่า..ตายแล้ว พี่ปิ๊งๆ..ๆๆ พี่ปิ๊งเราจะโยกไปโดนคนข้างหน้ารึเปล่า นิ้งค์ นั่งลุ้นพี่ปิ๊งอยู่นานมาก แต่พอวันที่ ๒ เราก็ เริ่มปรับตัวกันได้ จับหลักและทำตามที่พระอาจารย์สอน ทำให้เรานั่งได้นานขึ้น และรู้สึกว่าใจมันสงบ และเราก็มีความสุข ปลื้มมากๆ ว่าเราทำได้นะ...

           ตอนสมัยเรียนอยู่โรงเรียนเดิม เขาจัดให้นั่งสมาธิทุกเช้า จะเปิดเพลง แล้ว ให้นิ้งค์นั่งหลับตา ตอนนั้น นิ้งค์ไม่เข้าใจหรอกว่า ทำไมต้องนั่ง.. นั่งไปทำไม.. นิ้งค์ก็เลยหลับตา แล้วหลับเลยดีกว่า (หัวเราะ..) แต่ตอนนี้นิ้งค์มีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องสมาธิมากขึ้น พอทำได้ รู้สึกปลื้มตัวเองมากๆ ซึ่งสังเกตเห็นด้วยว่าสมาธิช่วยให้จิตใจนิ้งค์สงบมาก ทำให้นิ้งค์พบความสุขที่ แตกต่าง ส่วนพี่ปิ๊งเองก็เห็นผลดีมากๆ เหมือนกัน "

           "...ปิ๊งเรียนดีขึ้น เกรดเดิมได้ ๓.๔ ตอนนี้เพิ่มเป็น ๓.๗ การนั่งสมาธิเป็นการพักผ่อนจิตใจ ทำให้เรา Refresh ขึ้น รู้สึกโล่ง เพื่อนมาถามปิ๊งเหมือนกันว่า ปิ๊งทำได้อย่างไร แรกๆ ก็นั่ง ๕ นาที ซึ่งนั่งได้ขนาดนี้ก็จัดว่าเก่งแล้ว แต่พอฝึกไปๆ ปิ๊งพบว่า มีแต่ผลดีที่เกิดขึ้นกับตัวเรา เดี๋ยวนี้ก็เลยนั่ง ๔๐ นาที ก่อนเข้านอน ทำให้เข้าใจเลยว่า การฝึกสมาธิ การเข้าวัด ไม่ใช่เรื่องเชย หรือเป็นเรื่องของคนแก่ แต่เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นมาก หากต้องการให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น รู้สึกว่า.. สิ่งนี้แหละ ที่เขาเรียกว่าอินเทรนด์อย่างแท้จริง "

           หากมีคนมาบอกว่า มีเด็กอายุ ๑๓-๑๔ ขวบ มานั่งฟังพระเทศน์ ติดต่อกัน ๒ ชั่งโมงครึ่ง แล้วไม่หลับเลย แถมยังรู้สึกสนุก เบิกบาน สงบสุข และเรียกร้องที่จะฟังต่อ.. ถ้าเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน คงมีคน ไม่เชื่อ

           "..แต่นิ้งค์พบว่า รายการธรรมะที่ถ่ายทอดทางจานดาวธรรมนี้ เป็นอะไรที่นิ้งค์ชอบมาก ตอนแรกๆ นิ้งค์สงสัยมากว่า รายการอะไร..ชื่อฝันในฝัน อะไรคือฝันในฝัน ชื่อนี้เป็นอะไรที่ทำให้นิ้งค์สนใจ อยากรู้ว่ารายการที่ว่านี้เป็นอย่างไร พอได้ดู ก็รู้สึกเป็นรายการธรรมะที่ดีที่สุดที่นิ้งค์เคยดูมา มีเพลง มีภาพ มีพูด พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยท่านอารมณ์ดีมาก สอนธรรมะสนุก ทำให้นิ้งค์คิดว่ามีรายการแบบนี้ด้วยหรือ ท่านสอนได้เข้าใจง่าย รู้สึกว่าธรรมะไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย รู้สึกท่านสอนได้อย่างอบอุ่น และเป็นกันเองดีเหลือเกิน ทั้งที่เราเองก็นั่งดูอยู่ที่หน้าจอ "

           "..ปิ๊ง เคยคิดเสมอว่า ถ้าให้ไปนั่งฟังพระเทศน์ ยังไง ปิ๊งต้องหลับแน่ แต่พอได้ฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อ รู้สึกตรงข้ามกับสิ่งที่คิดไว้เลย เป็นรายการที่ประทับใจมาก โดยเฉพาะ Case Study กรณีศึกษาเรื่องบุญบาป ทำให้รู้ว่าชาติที่ผ่านมาในอดีต เราเป็นใคร เราทำกรรมอะไรมาถึงเป็นแบบนี้ และหากทำกรรมแบบนี้จะส่งผล อย่างไรในอนาคต ทำให้ปิ๊งอึ้ง ไม่เคยเห็นรายการอะไรแบบนี้มาก่อน ทำให้ปิ๊งเข้าใจ ได้เรียนรู้ว่าชีวิตหลังความตาย มีจริงนะ ทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลมาก ด้วยเหตุนี้ ทำให้ปิ๊งเปลี่ยนความคิดเลยว่า ปิ๊งได้เดินผิดทางมาโดยตลอด เข้าใจผิดมาโดยตลอด คิดแค่ว่า เราจะไม่ทำชั่วอย่างเดียวนั้นยังไม่พอ ชีวิตชาติหน้าเรายังมีอีก ชีวิตหลังความตายเรายังมีอีก เราต้องทำดี ละชั่ว และทำใจให้ผ่องใส ต้องทำให้ครบ ชีวิตถึงจะสมบูรณ์พร้อม ด้วยการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา "

 

           "..รายการนี้ นิ้งค์ดูแล้วติด เพราะชอบมาก เรา ๒ คน รีบบอกหม่ามี๊..ว่า อยากดูจังเลย อยากดู..อยากดู จะอ้อนหม่ามี๊ให้ติดจานดาวธรรมที่บ้านด้วย ซึ่งหม่ามี๊จะสนันสนุนอยู่แล้ว หม่ามี๊ก็บอกว่า..ดีจ้ะลูก แล้วพอเราลงจากพนาวัฒน์ก็ได้ดูต่อ เพราะเราตัดสินใจติดจานดาวธรรมที่บ้าน ทุกวันนี้เหมือนมีวัดอยู่ที่บ้าน.."
เธอทั้งสองศรี พี่น้อง สนุกสนาน เบิกบานมาก แย่งกันพูดถึงความจำเป็นในการติดจานดาวธรรม เพราะเห็นว่า สิ่งนี้จะสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาเยาวชนของชาติได้เป็นอย่างดี

           " นิ้งค์ว่า.. วัยรุ่นสมัยนี้ ยังมีค่านิยมที่ผิด อีกมาก นิ้งค์จะเห็นเพื่อนสูบบุหรี่กันในห้องน้ำ อายุก็เท่าๆ นิ้งค์ ๑๓-๑๔ ขวบ ก็กินเหล้ากัน แล้วเขาก็จะบอกว่า เป็น Social Drink ทำตามอย่างในทีวี บางคนก็เจาะลิ้น เจาะจมูก บางทีก็ Over act ซึ่งนิ้งค์คิดว่า เขาอาจจะต้องการสร้างสิ่งที่ ภาคภูมิใจให้กับตัวเอง ให้เป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆ แต่เขากลับไม่มีความรู้ที่ถูกต้องว่า สิ่งที่น่าภูมิใจในตัวเองต้องเป็นความดี คือทั้งเก่งและดี

           วัยรุ่นหลายคนน่าสงสาร เหมือนหลงทาง เพราะเขาไม่รู้ว่า สิ่งที่ดีคืออะไร หลงเข้าใจว่า ความเก่ง คือความดี จริงๆ ไม่ใช่ เพราะความเก่งก็คือ การที่เรามีความสามารถมากๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นคนดีไปด้วย เพราะยังมีคนเก่งอีกมาก ที่ไม่มีใครคบ เห็นแก่ตัว สร้างปัญหาให้สังคมตามมา ดังนั้นสื่อจานดาวธรรมตรงนี้ จะทำให้เพื่อนๆ หลายคนได้มาเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เก่งและดี ต้องเป็นอย่างไร "

           ต่อมาไม่นาน จากการทำหน้าที่กัลยาณมิตรของเธอ ทำให้เธอทั้งสองพบว่า มีเพื่อนที่โรงเรียนคนหนึ่งมาวัด และดูจานดาวธรรมได้เพียง ๑ เทอม แล้วเปลี่ยนไป

           " มีเพื่อนที่โรงเรียน เป็นสาวเฮี้ยว เปรี้ยวมากๆ อายุก็เท่าๆ นิ้งค์กับพี่ปิ๊ง คือ ๑๓-๑๔ เขาจะแต่งหน้า ทาตามาโรงเรียนด้วย ซึ่งสมัยนี้จะกลายเป็นเรื่องปกตินะคะ จะใส่กระโปรงสั้นๆ ทำตัวค่อนข้าง Play บางทีก็พูดไม่ค่อยเพราะ แต่หลังจากเขามาดูจานดาวธรรม พอเปิดเทอม เรามาเจอเขาอีกที กลายเป็นสาวหวานที่เรียบร้อย อย่างมาก ตัดผมเหมือนทรงอุบาสิกาที่วัด เรียบร้อย พูดเพราะ อยู่ในบุญ ตั้งใจเป็นคนดีของพ่อแม่ ซึ่งจะเห็นว่า สื่อดีๆ นี้ มีความสำคัญและจำเป็นมาก สำหรับวัยรุ่นปัจจุบัน"

           " พี่ปิ๊งก็เหมือนกันค่ะ เมื่อก่อนจะซ่า แต่เดี๋ยวนี้ ซ่าแค่นิดหน่อย เปลี่ยนจากย้อมผมสีแดงทั้งหัว เดี๋ยวนี้ก็เรียบร้อยขึ้น ใจเย็นขึ้น รู้จักการแบ่งปัน รู้จักการเอาใจเขามาใส่ใจเรา กิจกรรมในแต่ละวันของเราทั้ง ๒ ก็เปลี่ยนไป คือจะสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น ในรถทุกวัน นั่งสมาธิก่อนนอน ดูจานดาวธรรม และจะรีบทำการบ้านที่ โรงเรียนให้เสร็จ เพื่อจะได้กลับมาดูจานดาวธรรมที่บ้าน แต่หากวันไหนการบ้านมากจริงๆ ก็จะเปิดรายการฟังไปด้วย ฟังแต่เสียงทำให้สามารถทำการบ้านไปพร้อมๆ กันได้ด้วย

           หลังจากที่นิ้งค์เข้าวัด และดูจานดาวธรรม เพื่อนจะรักนิ้งค์แต่เกรงใจ เพราะเหมือนว่านิ้งค์มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกับตัวเองก่อน เวลาไปพูดไปชวนเพื่อนทำความดี จะเชื่อ เช่นเพื่อนทะเลาะกัน นิ้งค์ก็จะบอกว่าอย่างนี้ไม่ดีนะ จะบอกให้เขาเข้าใจใน กฎแห่งกรรมว่า หากเราไปทำไม่ดีกับเขา เดี๋ยวชาติหน้าเราจะเป็นอย่างนั้นเอง เราอย่าไปทำเลย ซึ่งเพื่อนก็จะให้เหตุผลกลับมาว่า ทีเขายังทำกับเราเลย นิ้งค์ก็จะบอกเพื่อนว่า ให้ช่างเขาเถอะ ให้อภัย..อย่าไปโกรธ สิ่งที่เขาทำเขาก็จะได้รับเอง แต่เรามีหน้าที่อย่าโกรธเขาเลย เพราะการโกรธคือการทำร้ายตัวเอง ก็สังเกตเห็นว่า เพื่อนๆ เขาก็ฟังสิ่งที่นิ้งค์แนะนำ

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล