ฉบับที่ ๑๙ ประจำเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗

ปัจจัยแห่งความเจริญก้าวหน้าของชีวิต ๒ ประการ โดย : พระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒ

                พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนว่าปัจจัยแห่งความดีงาม ความเจริญก้าวหน้าทั้งหลายมีอยู่ ๒ ประการคือ

                ประการที่ ๑. ความมีกัลยาณมิตร คือมีครูดี หรือว่ามีเพื่อนดี

                ประการที่ ๒. ความมีโยนิโสมนสิการ คือเจ้าตัวต้องคิดเป็นด้วย

                หลวงพี่จะแสดงธรรมเรื่องความมีกัลยาณมิตรและโยนิโสมนสิการนี้ โดยมี คุณยายอาจารย์ของเราเป็นแบบอย่าง

                ปัจจัยแห่งความดีงามความเจริญก้าวหน้าประการแรก คือความมีกัลยาณมิตร มีครูดี มีเพื่อนดี

                คุณของกัลยาณมิตรนั้นแบ่งใหญ่ได้ ๒ ประการคือ ความเป็นต้นแบบ และการอบรมสั่งสอน

                ประการที่ ๑. คือ ความเป็นต้นแบบ สิ่งต่างๆ ในโลกจะมีคุณค่ามากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับแบบนั่นเอง เหมือนตัวของเรานี่ที่มีร่างกายโตๆ แต่ความจริงจุดเริ่มต้นก็มาจากเซลล์ๆ เดียวเท่านั้นเอง ที่เกิดจากเชื้อคุณพ่อกับไข่คุณแม่มารวมกันเข้า ก็เกิดเป็นเซลล์ๆ หนึ่งขึ้นมา

                จากเซลล์ๆ หนึ่งก็ค่อยแตกเป็น ๒ ๔ ๘ ๑๖ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นตัวเรา ที่สมบูรณ์ มีเซลล์เป็นพันๆ ล้านเซลล์ แต่ความจริงเซลล์ในตัวเราเองทั้งหมดจะมีกี่ล้าน หรือกี่พันล้านก็ตาม ลักษณะทางพันธุกรรมในเซลล์ของเราทุกเซลล์ ก็มีลักษณะเหมือนกับเซลล์ต้นแบบที่ได้รับมาจากคุณพ่อคุณแม่ นั่นแหละ

                ผู้ที่มีปัญญา หากได้พบคุณยายตั้งแต่ ๔๐ ปีที่แล้ว พอเห็นนี่ ผู้ที่มีปัญญาลึกซึ้งก็จะทราบเลยว่า คุณยายซึ่งดูรูปลักษณ์ภายนอกเป็นอุบาสิกาสูงอายุ รูปร่างผอมบางท่านนี้ จะเป็นต้นแบบให้เกิดเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่เป็นศูนย์กลางของโลกขึ้นมาได้ จนกระทั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยมาพบ คุณยาย ก็เหมือนเซลล์จาก ๑ แยกเป็น ๒ พอพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวมา หมู่คณะตามมามากขึ้นๆ จากบ้านกัลยาณมิตร หมายเลข ๑ มาเป็นบ้านธรรมประสิทธิ์ มาเป็นวัดพระธรรมกาย จนกระทั่งมาเป็นศูนย์กลางธรรมกายแห่งโลกในขณะนี้ จะ เติบใหญ่เพียงใด แต่ความจริงจุดเริ่มต้นล้วน มาจากคุณยายอาจารย์ของเราทั้งสิ้น

                วัดของเราในขณะนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของการปฏิบัติธรรม รู้จักไม่เฉพาะในประเทศไทย แต่แม้ต่างประเทศเขาก็สนใจกันทั่วทุกมุมโลก ก็เป็นเพราะคุณยายท่านวางรากฐานเอาไว้ ตั้งแต่เริ่มต้นพระเดชพระคุณ-หลวงพ่อมาถึง ก็จะมาศึกษาธรรมปฏิบัติกับคุณยาย หมู่คณะมากน้อยเพียงใด ก็เน้นการฝึกธรรมปฏิบัติเป็นหลัก มาถึงนั่งธรรมะ ตลอดทุกวันอาทิตย์ แม้แต่การรับแขก แขก มากราบคุณยาย มาขอคำแนะนำ ขอความช่วยเหลือ คุณยายก็จะให้เขานั่งธรรมะ นั่งหลับตาก่อน มีธุระอะไรก็มาคุยกัน แล้วคุณยาย ก็ช่วยกันไป สิ่งนี้เองได้เป็นรากฐานเป็นแบบในการประพฤติปฏิบัติธรรมของวัดของเรา

                ในเรื่องของความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสะอาด เตียงตั่งคุณยายสะอาดหมด ที่พักของท่านตั้งแต่หลังเล็กๆ จนหลังโต ท่านไม่ให้ฝุ่นจับเลย ตรงนี้แหละเป็นรากฐาน เป็นต้นแบบความสะอาดของวัดเรา ห้องน้ำสะอาดเรียบ คุณยายท่านไม่เพียงแต่สอน แต่ท่านลงมือทำ แล้วก็บอกขั้นตอนทั้งหมดอย่างละเอียดให้ลูกศิษย์ลูกหารุ่นหลังๆ ได้ทำตาม แบบตรงนี้เองจึงได้ก่อกำเนิดมาเป็นรากฐานวัฒนธรรมการรักษาความสะอาดของวัดเรา ในขณะนี้

                ดังนั้น เวลาที่เรากล่าวกันว่าคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เป็นผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย คำว่าเป็น ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแต่เพียงว่าคุณยายอาจารย์ท่านสร้างวัดมา ด้วยทุนเริ่มต้น ๓,๒๐๐ บาท ไม่ใช่หมายถึงพื้นๆ แค่นั้น แต่ความจริงแล้วหมายถึงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็นเป็นวัดพระธรรมกายที่งดงามในขณะนี้ ได้ถอดแบบมาจากคุณยายอาจารย์ของเราเองที่ได้วางรากฐานเอาไว้ เราต้องตระหนักตรงนี้ จากนั้นก็ตั้งใจระลึกนึกถึงคุณของท่าน แล้วทำหน้าที่ของเราเองให้สมบูรณ์ต่อไป ให้ กายๆ นี้คือ วัดพระธรรมกายของพวกเราเติบโตต่อไปอย่างสมบูรณ์แบบ


                ประการที่ ๒. คือ ท่านช่วยอบรม สั่งสอนเรา

                คุณยายอาจารย์ของเราเช่นเดียวกัน ไม่ได้สอนทำความดีเฉพาะชาตินี้ แต่ท่านสอนข้ามภพข้ามชาติ ท่านจะชี้ชัดเลยว่าทำอย่างนี้แล้ว ผลจะเป็นอย่างไร จะต้องไปรับกรรมอะไร อย่างนี้ไม่ดีนะ ต้องไปตกนรก ต้องไปเกิดเป็นนั่นเป็นนี่ มันแย่นะ ถ้าทำอย่างนี้มันดีอย่างไร จะได้ไปเกิดบนสวรรค์ หากบุญบารมีสั่งสมเต็มที่ขึ้น จนหมดกิเลสจะเข้านิพพานอย่างไร จะเข้าถึงธรรมอย่างไร ท่านชี้ข้ามภพข้ามชาติ แล้วคำสอนคุณยายนี่ง่ายๆ แต่ตรงใจ แล้วก็แทงใจ

                และคุณยายอาจารย์ของเราเอง ท่านก็ฝึกพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยกับ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวให้ช่วยสอนสาธุชน โดยแบ่งหน้าที่ให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวทำหน้าที่เกลาหยาบเสียก่อน มาถึงต้องส่งหลวงพ่อทัตตชีโวก่อน ให้ฝึกหยาบ เกลาเสียก่อน พอเริ่มเนียนได้ที่แล้ว จึงส่งต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย จะได้ฝึกละเอียดต่อ รับช่วงกันไป

                คุณยายฝึกพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว ๒ ปีเต็มๆ ในการรับแขก โดย คุณยายจะนั่งเป็นพี่เลี้ยงอยู่ข้างๆ แขกมาก็ให้หลวงพ่อรับแขกไป หลวงพ่อท่านเล่าว่า ใหม่ๆ ท่านก็พูดไม่ถูก ไม่รู้จะพูดอย่างไร ไม่รู้จะตอบอย่างไร คุณยายก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่พอแขกกลับ คุณยายก็จะแนะนำหลวงพ่อว่า ควรจะพูดเช่นไร สิ่งเหล่านี้ก็ได้หล่อหลอมมาเป็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อของเรา เพราะความที่ท่านเองเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูง มีปัญญา มีความเคารพครูบาอาจารย์ มีความตั้งใจในการฝึกตัวเองอย่างเต็มที่ คุณยายจึงได้เลือกขึ้นมา แล้วก็ให้มาเป็นแบบที่ช่วยทั้งถ่ายทอด แล้วก็สร้างพวกเราต่อๆ กันมาอีก

                ปัจจัยที่ทำให้เกิดความดี เกิดความเจริญก้าวหน้าประการที่ ๒. คือ ความเป็น ผู้มีโยนิโสมนสิการ คิดเป็น หมายถึง เมื่อ ครูบาอาจารย์ กัลยาณมิตรได้ช่วยแนะ ช่วยนำ ช่วยสอนเราแล้ว เราต้องรู้จักจับประเด็นนำ แง่คิดมุมมอง คำสอนของท่านมาเตือน มาสอน มาปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นได้ด้วย

"

แบบพิมพ์ที่ดี
เออ! ทำอย่างนี้แหละดี รู้จักเก็บ รู้จักทำ
ทำให้น้องๆ ดูเป็นตัวอย่าง

ตอนหลังถ้ายายไม่อยู่แล้ว เราก็สอนน้องๆ ต่อไป
คนที่จะมาทีหลังน่ะมี จะให้ยายมาบอกมาสอนอยู่ตลอดก็ไม่ได้
เราทำถูก เราก็คอยบอกคนมาใหม่ เราเป็นแบบพิมพ์ที่ดีให้คนอื่น
เหมือนที่ยายเคยเป็นมาแล้วนะ เวลายายไม่อยู่แล้ว
เราก็คอยบอกคนอื่นต่อไปนะ
เราทำไปด้วย เราคอยบอกน้องๆ มันทำไปด้วย

"

คุณยายอาจารย์
มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง

ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย


                พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้เป็นกัลยาณมิตรของคุณยายอาจารย์ของเรา เวลาที่ลูกศิษย์คนไหนนั่งปฏิบัติธรรมแล้วไม่เอาจริง ทำเหยาะๆ แหยะๆ ท่านเรียกว่า ไอ้ขี้ไต้ คุณยายอาจารย์ของเรานี้ตลอดชีวิตไม่เคยได้ยิน ไม่เคยถูกหลวงปู่วัดปากน้ำเรียกว่าไอ้ขี้ไต้เลย ท่านจะตั้งใจพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น บริสุทธิ์ขึ้นตลอด จน คำตำหนิมาไม่ถึงท่าน คุณยายจะทำให้ดีขึ้น

                คุณยายอาจารย์ของเราเรียกได้ว่าเป็นบุรุษอาชาไนย แม้ท่านจะเป็นสตรีก็ตาม เพราะท่านมีสติ รู้จักสังเกต มีโยนิโสมนสิการ มีความเคารพครูบาอาจารย์ แล้วก็ตั้งใจพัฒนาตัวเองตามคำสอนครูบาอาจารย์อย่างเต็มที่เต็มกำลัง ตลอดชีวิตท่านจึงไม่เคยโดนคำตำหนิจากพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ มีแต่คำชมที่หลวงปู่ไม่เคยชมใคร "ลูกจันทร์นี้หนึ่งไม่มีสอง" คำชมสั้นๆ คำนี้จะเกิดขึ้นได้ไม่ใช่ของง่ายนะ แต่เกิดขึ้นจากการตั้งใจฝึกตัวเองตลอดชีวิตของคุณยายอาจารย์ของเรา

                เราจะดูได้อย่างไรว่า เรานี่คิดเป็นหรือไม่ มีโยนิโสมนสิการไหม ให้สังเกตง่ายๆ โดยเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นก็ตาม ก็จะทำให้เกิด ความคิดตามมา พอเกิดความคิดแล้ว ถ้ายิ่งคิด ความโลภ ความโกรธ ความหลง ยิ่งลดลง ใจบริสุทธิ์มากขึ้นๆ อย่างนี้แสดงว่าคิดเป็น แต่ถ้าเกิดยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม ยิ่งคิดยิ่งอยากได้ ยิ่งคิดยิ่งโกรธ พอเคืองใครมานั่งคิดนอนคิด ยิ่งคิดยิ่งโกรธ แสดงว่าคิดไม่เป็นแล้ว ยิ่งคิดยิ่งลุ่มหลงมัวเมา แสดงว่าคิดไม่เป็น นี่คือวิธีการเช็กอย่างง่ายๆ ว่าเราคิดเป็นไหม มีโยนิโสมนสิการหรือเปล่า

                คำว่า "ไม่คิดอะไร" ตัวนี้นี่สำคัญทีเดียว ฝึกให้คุ้นเถอะ ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วไม่คิดอะไร เพราะทุกอย่างมันจะเริ่มจากความคิดตรงนี้ถ้าเราฝึกให้ชินว่า มีอะไรเกิดขึ้นมา เราไม่คิดอะไร ใจเราจะโปร่งเบาทีเดียว

                หากจะมีคิดก็คิดในทางที่ส่งเสริมให้เกิดกำลังใจในการทำความดี ส่งเสริมให้เกิดความรู้สึกอภัย มีกำลังใจในการฝึกตัวเองให้บริสุทธิ์มากขึ้น ต้องให้ได้อย่างนั้น ใกล้กัลยาณมิตรจึงจะรองรับธรรมะจากท่าน รองรับคุณธรรมจากท่านได้เต็มที่ ฟังคำสอนท่านแล้วนี่ ยิ่งตรึกตรองก็ยิ่งเข้าใจลึกซึ้ง เอามาฝึกตัวเองได้จริงๆ ไม่มองผ่าน ไม่จับแง่มุมผิด

                พวกเราทุกคนเป็นผู้ที่มีบุญ เราได้มาถึงวัด ได้มาพบคุณยายอาจารย์ของเรา มาพบพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสอง ขอให้ตั้งใจฝึกตัวเองให้ดี ให้เราเองมีโยนิโสมนสิการ จริงๆ รองรับธรรมะจากท่านได้จริงๆ แล้วเราจะมีความเจริญก้าวหน้า ความดีงาม บุญกุศลทั้งหลายจะหลั่งไหลมาสู่ใจของเรา ตัวเราจะงอกงามไพบูลย์ขึ้นในพระศาสนานี้อย่างแน่นอน ธรรมะ พระธรรมกายที่เรามุ่งหวังจะเข้าถึง เราเข้าถึงได้อย่างแน่นอน แล้วอย่างมั่นคงด้วย เมื่อมีกัลยาณมิตร และโยนิโสมนสิการ

                คุณยายอาจารย์ เมื่อท่านได้ให้สิ่งนี้กับเราแล้ว เราก็ต้องตั้งใจฝึกตัวเองตามคำสอนของท่าน ไตร่ตรองคำสอนของท่านให้ลึกซึ้งแล้วก็ตั้งใจปฏิบัติตาม ในขณะเดียวกันเราก็ต้องตั้งใจทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรให้กับเพื่อนๆ ให้กับคนรุ่นหลังๆ ที่จะมาต่อไปด้วย

                แล้วเมื่อคุณยายได้ให้สิ่งที่ยากที่สุดกับเราแล้ว หน้าที่ของเราก็คือต้องช่วยหลวงพ่อ ทำให้แบบอันนี้สมบูรณ์ขึ้น เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ครบบริบูรณ์ ปลดกังวลหลวงพ่อทุกอย่างให้บริบูรณ์โดยเร็ว แล้วเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ขยายกว้างขวางไปทั้งโลก จนกระทั่งมีสาธุชนมาปฏิบัติธรรมกันไม่ขาดสาย เป็นล้านๆ คนจากทั่วทุกมุมโลก พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายจะได้แผ่ขยายไปทั่วทั้งผืนดิน

                ถ้าเปรียบเสมือนเรานี่เป็นเซลล์ๆ หนึ่ง ในกายคือวัดพระธรรมกายแห่งนี้ เราจะต้องเป็นเซลล์ที่สมบูรณ์ เป็นเซลล์ๆ หนึ่งที่ทำให้ร่างกายนี้แข็งแรง และเติบใหญ่ ทำงานตัวเอง ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี้คือการสนองคุณของยอดกัลยาณมิตรของเรา คุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง และสิ่งนี้ ก็จะเป็นพื้นฐานให้เราเองมีความงอกงาม ไพบูลย์ในวงธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป ทั้งภพนี้ ภพหน้า แล้วตลอดไป ตราบกระทั่งเข้าถึงที่สุดแห่งธรรม


บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล