วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ เปิดตำนาน การ หล่อ องค์พระ

บทความบุญ
เรื่อง: พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ.๙



      พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีอานุภาพไม่มีประมาณ วัตถุธาตุใดๆ ในโลกไม่ว่าจะเป็นไม้ ดิน หินศิลา หรือโลหะ แม้จะมีมูลค่าเพียงน้อยนิด หาก นำมาทำเป็นสื่อเชื่อมใจถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแม้เอาโคตรเพชรที่เลิศด้วยมูลค่ามาอุปมา ก็ไม่อาจ เทียบได้เพียงแค่เศษเสี้ยวแห่งคุณค่าของวัตถุธาตุนั้นๆ ได้เลย

โพธิพฤกษ์ สัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์

       ในสมัยพุทธกาล แม้พระบรมศาสดาจะดำรงพระชนม์อยู่ก็ตามเนื่องจากทรงมีพุทธกิจที่จะต้องเสด็จ ไปโปรดเหล่าเวไนยสัตว์ตามสถานที่ต่างๆ ชาวเมืองสาวัตถีจึงอยากได้สิ่งที่เป็นเครื่องแทนพระองค์ ไว้เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงในยามที่พระองค์ไม่ได้ ประทับอยู่ในพระอาราม พระบรมศาสดาจึงได้ตรัสบอกพระอานนท์ว่า "ดูก่อนอานนท์ เธอจงบอกให้มหาชนไปสักการบูชาต้นโพธิ์ตรัสรู้ของเราเถิด แล้ววัดพระเชตวันก็จะเป็นเสมือนว่าเราตถาคตยังอยู่ตลอดเวลา


      เมื่อได้รับพุทธานุญาต พระมหาโมคคัลลานะก็เหาะไปเอาลูกโพธิ์ของต้นโพธิ์นั้น มามอบให้กับ พระอานนท์เพื่อทำการปลูก พระอานนท์จึงได้ จัดพิธีปลูกขึ้น โดยเชิญพระเจ้าโกศลและบรรดา มหาเศรษฐีคนสำคัญต่างๆ มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีครั้งนี้ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้รับเกียรติให้เป็นผู้ลงมือปลูกด้วยตนเอง พอลูกโพธิ์หลุดจากมือเท่านั้นลูกโพธิ์ได้แตกหน่อแล้วโตทันที จากนั้นแตกกิ่งใหญ่ๆ ออกถึง ๕ กิ่ง มหาชนต่างก็แซ่ซ้องร้องสาธุการกันใหญ่ พระศาสดาทรงมีพระมหากรุณาเสด็จไปนั่งเข้าสมาบัติที่โคนโพธิ์นั้นตลอดทั้งคืนเพื่อความเป็นสิริมงคล นับจากนั้นมา โพธิพฤกษ์จึง ถือเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์เรื่อยมา แม้จะเสด็จปรินิพพานนานแล้ว ชาวพุทธก็ยังเคารพบูชาโพธิพฤกษ์ประดุจว่าพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่เหมือนเดิม

พุทธนิรมิต = พุทธฉาย

       ในยุคพุทธกาลเมื่อครั้งที่ทรงพระชนม์อยู่เช่นกัน พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ทรงเปิดโลกให้ชาวสวรรค์ มนุษย์และสัตว์นรกได้เห็นซึ่งกันและกัน ทรงเนรมิตรูปเหมือนที่มีลักษณะมหาบุรุษเหมือนพระพุทธองค์ขึ้นมาหลายพระองค์ เป็นกายปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเรียกว่า "พุทธนิรมิต" เพื่อทําหน้าที่เป็นผู้ช่วยในภารกิจแสดงพุทธานุภาพให้ปรากฏ เช่น ทรงเปล่งฉัพพรรณรังสีเจิดจ้าไป พร้อมๆ กัน หากพระพุทธเจ้าทรงจงกรมพระพุทธนิรมิต ก็จะแสดงอิริยาบถอื่น หรืออาจจะสลับอิริยาบถกันไปอย่างนี้และมีการตรัสถาม-ตอบปัญหาธรรมกัน เหล่าสรรพสัตว์ที่ได้เห็นอัศจรรย์ในครั้งนั้น ก็ได้เป็น สัมมาทิฐิ และบรรลุธรรมกันมากมายและอีกครั้งที่ทรงใช้พุทธนิรมิตเป็นผู้ช่วย ดังใน ตอนที่กำลังทรงแสดงพระอภิธรรมโปรดเทพบุตรพุทธมารดา ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อพระองค์ ทรงมีกิจที่จะต้องเสด็จลงมายังโลกมนุษย์ ได้ทรงเนรมิตพุทธนิรมิตขึ้นแสดงธรรมแทน เพื่อไม่ให้ การแสดงธรรมขาดตอน
หรืออีกรูปแบบหนึ่งของการใช้องค์แทนในการบําเพ็ญพุทธกิจโปรดสัตว์โลก ซึ่งหากพระองค์มิได้เสด็จไปโปรดเอง
จะทรงเปล่งรัศมีฉายให้เห็นพุทธกาย ซึ่งเรียกว่า "พุทธฉาย" แม้อยู่ในที่ไกล แต่ก็แสดงพระองค์ประหนึ่งว่าแสดงธรรมอยู่ตรงหน้าเลยทีเดียวจนเหล่าสาวกได้บรรลุธรรมตามมากมาย อีกเช่นกัน

พุทธปฏิมา องค์แทนพุทธสัมมา

        ในช่วงหลังพุทธปรินิพพาน ยังมิได้มีการริเริ่ม สร้างรูปเหมือนพระพุทธองค์หรือพุทธรูป แต่จะนิยม สร้างรูปต่างๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์ เช่น สร้างรูปบัลลังก์และต้นโพธิ์เป็นสัญลักษณ์ แห่งการตรัสรู้ หรือรูปธรรมจักรและ
กวางหมอบเป็นสัญลักษณ์แทนการแสดงปฐมเทศนา ส่วนการสร้างพุทธปฏิมากรในยุคแรก เช่น พุทธปฏิมากรสมัยคันธาระ ก็ได้อาศัยฝีมือของช่างชาวโยนกหรือกรีกโดยอาศัยตำราบันทึกเกี่ยวกับลักษณะมหาบุรุษ แล้วสร้างเป็นรูปทรง แบบมนุษย์ให้ดูสมบูรณ์ที่สุดเหมือนมีชีวิตจริงๆ ทำให้น่าเลื่อมใส น่าบูชา ทำให้ เกิดทัสนานุตริยะแก่ผู้ได้พบเห็นยิ่งนัก

       นี้คือวิสัยทัศน์ของบรรพชนในกาลก่อนที่ได้มองการณ์ไกล เนื่องจากชีวิตคนเราไม่ยืนยาว แต่ศาสนวัตถุนั้นมีอายุยืนยาว
จึงเหมาะสมที่จะเป็นพยานเล่าถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้มั่นใจ ในความมีอยู่จริงของพระบรมศาสดาเอกของโลก ถึงแม้ว่าพระองค์จะปรินิพพานเนิ่นนานเพียงใด หากยังมีพุทธปฏิมากรเป็นองค์แทนอยู่ก็เสมือนหนึ่งยังดํารงพระชนม์อยู่ ให้เป็นที่พึ่ง เป็นศูนย์รวมศรัทธาแก่คนทุกยุคทุกสมัย พุทธปฏิมากรจึงอยู่ในฐานะเป็นสื่อ เชื่อมใจให้เกิดพุทธานุสติ นับเป็นทางมาแห่งมหากุศลแก่ผู้สร้างและผู้มาสักการบูชา

องค์พุทธปฏิมา
สัญลักษณ์แห่งสันติสุขภายใน

         ในวันคุ้มครองโลกที่จะถึงนี้ ก็เป็นอีกโอกาสหนึ่ง ที่เราจะได้มาเชื่อมใจน้อมระลึกไปถึงพระพุทธเจ้าโดย การได้ร่วมบุญสร้างพุทธปฏิมากรลักษณะมหาบุรุษ ๓ ขนาด ได้แก่

๑. พิธีถวายพระประธานเพื่อประดิษฐาน ณ วัดทั่วประเทศศรีลังกา จำนวน ๒๒๒ องค์

๒. หล่อองค์พระธรรมกายประจำตัว เพื่อประดิษฐานภายในมหาธรรมกายเจดีย์

๓. หล่อองค์พระประธานหน้าตัก ๒ เมตร ที่จะประดิษฐาน ณ วัดบ้านขุน ๑ จ. เชียงใหม่

       พุทธปฏิมากรเหล่านี้จะไปเป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงาม แผ่ขยายไปยังมหาชนทั้งหลาย เพื่อให้เกิดสันติสุขที่ไร้พรมแดน ซึ่ง ณ ที่ใดมีองค์แทนพุทธปฏิมากรไปถึงแล้วและได้ประดิษฐานอยู่ดุจดัง พุทธนิรมิตแห่งพระพุทธเจ้า แน่นอนว่าที่นั้นจะถูกปกปักรักษาให้เป็นชัยภูมิที่ปลอดภัย และมีชัยชนะ ด้วยพลานุภาพอันไม่มีประมาณของพระพุทธเจ้า

พุทธรูป = พุทธบุตร

        ในวันคุ้มครองโลกเดียวกันนี้ นอกจากจะได้หล่อพระพุทธปฏิมากรแล้วเราก็ยังได้โอกาสทำบุญ มหาสังฆทานกับพุทธบุตรเรือนแสนอีกด้วย ท่านเมตตาเดินทางมาประชุมรวมกันเป็นมหาสังฆสมาคม ณ วัดพระธรรมกาย
ซึ่งไม่ใช่โอกาสที่จะหาได้ง่ายๆ นับเป็นบุญตาที่เราจะได้พบเห็นเนื้อนาบุญผู้เดินทาง มาจากทั่วโลก มาทำสังฆสามัคคีด้วยอุดมการณ์ที่เป็น หนึ่งเดียวกันเหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียวอีกครั้งในรอบปี

        มหาสังฆสมาคมนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสรรเสริญไว้ว่า "สังฆบริษัทนี้นับเป็นบริษัทที่ ชาวโลกยากจะได้พบเห็น ควรที่ใครแม้สักคนได้มีโอกาสเพื่อไปชม แม้ว่าจะต้องเดินทางไกลนับเป็นโยชน์ๆ ก็ตาม" ซึ่งบางท่านอาจจะเดินทางมาไกลถึงขนาดข้ามน้ำข้ามทะเล แต่ก็ถือว่าคุ้มเกินคุ้มกับบุญพิเศษสุดที่เราจะได้มาทำในวันนั้น ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็น "วันภาวะโลกเย็น" เพราะพุทธบริษัทสี่ ต่างมาสร้างความเย็นใจให้กับชีวิต โดยการถวายมหาสังฆทานและหล่อองค์พระธรรมกายประจำตัว รักษาศีลให้บริสุทธิ์
และนั่งสมาธิทำใจให้ใสบริสุทธิ์หยุดนิ่งอยู่ภายใน แล้วแผ่ขยายความสงบสุข และเยือกเย็นภายในไปถึงเพื่อนร่วมโลกให้เกิดสันติภาพ ที่ยั่งยืนตลอดไป

 
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

บทความอยู่ในบุญทั้งหมด ฉบับที่ 66 เมษายน ปี 2551

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล