เคลลี่ นิวตัน-เวิร์ดส์เวิร์ธ นักรองชื่อดังจาก เมืองเพิรธ ประเทศออสเตรเลีย เกิดและเติบโตมาในครอบครัวของนักดนตรี
ปู่และพี่ชายของเธอได้ร่วมกันตั้งวงซิมโฟนีออเคสตราออสเตรเลียตะวันตก เธอหัดเล่นกีตาร์ด้วยตัวเองตั้งแต่อายุ ๖ ขวบ
และ มีคอนเสิร์ตของตัวเองครั้งแรกตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ ตลอดช่วงเวลาที่เรียนหนังสือ เธอผลิตผลงานต่างๆ มากมาย
และก็ได้รับรางวัลทั้งการแสดงละครและร้องเพลง เธอเคยปฏิเสธที่จะแสดงภาพยนตร์กับ นิโคล คิดแมนเพราะเวทีแห่งการ
ขับร้องยั่วยวนหัวใจมากกว่าเธอจึงไดหันมาจัดรายการวิทยุในออสเตรเลีย และก็เปิดเพลงของตนเองออกอากาศในรายการ
ทำให้เพลงของเธอนั้นเป็นที่รู้จักกันทั่วออสเตรเลีย หลังจากนั้นชีวิตแห่งการเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงมืออาชีพ
ก็ประสบความสำเร็จ อย่างสูงสุด การันตีด้วยรางวัลและเกียรติยศต่างๆ มากมายทั้งรางวัลชนะเลิศบทเพลงยอดเยี่ยมจาก
สมาคมอุตสาหกรรมเพลงออสเตรเลียน, รางวัล นักแต่งเพลงและนักร้องหญิงยอดเยี่ยม, ชนะเลิศรางวัล อัลบั้มที่ขายดีที่สุด
ในออสเตรเลียตะวันตก, เธอได้รับการยอมรับมากจากสมาคมนักแต่งเพลงออสเตรเลียว่า เป็นสุดยอด ๑ ใน ๑๐๐ ของศิลปิน
นักแต่งเพลงออสเตรเลีย ด้วยเพลง One World, One Planet ซึ่งเป็นเพลงที่เรียกร้องให้ทุกคนใส่ใจกับโลกใบเดียวที่พวก
เรามี และถึงเวลาแล้วที่พวกเรา จะต้องดูแลรักษาโลกใบนี้ให้ดีกว่าเดิม เกียรติยศและรางวัลต่างๆ ที่เธอได้รับทั้งภายในประเทศ
ออสเตรเลียและต่างประเทศ มากมายเกินกว่าที่จะนำมาเขียนได้หมด
อีกด้านหนึ่งของชีวิตที่นอกเหนือจากการเป็นนักร้อง นักแต่งเพลงก้องโลกแล้วเคลลี่ นิวตันเวิร์ดสเวิร์ธ ยังเป็นคริสต์ศาสนิก
ชนที่เคร่งครัดในคำสอนและอุทิศชีวิตให้พระเจ้ามาตั้งแต่ ๑๙ ปี ที่แล้ว เธอบอกว่า ฉันอยากพบพระเจ้าเป็นที่สุด ฉันอธิษฐานขอให้พระองค์นำทางชีวิตฉันมาตลอด
จนกระทั่งปีนี้ (พ.ศ. ๒๕๕๐) เมื่อเธอได้มา เมืองไทย และได้รับการชักชวนจากคุณหม่อม(หม่อมหลวงรัชฎาราศรี ชยางกูร) ให้มาที่ วัดพระธรรมกาย มาพบกับหลวงพ่อธัมมชโยเป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้เธอได้รู้จักกับวิธีการนั่งสมาธิอีกครั้ง
เธอเล่าว่า เมื่อหลายสิบปีก่อนฉันก็เคยฝึกสมาธิ แต่ครั้งนั้นน่าเบื่อมาก นั่งไป ๒ ชม. เครียดแล้วเครียดอีก แต่การนั่งครั้งนี้
ด้วยเทคนิคของหลวงพ่อ ฉันนั่งโดยไม่ต้องทำอะไร กลับได้ประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้เลยค่ะ
ในคืนหนึ่ง หลังกลับจากคอนเสิร์ตประมาณเที่ยงคืนครึ่ง ก่อนเข้านอน เธอได้ลองหลับตาทำสมาธิ วางใจนิ่งๆ
ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ไม่นานเธอก็ได้พบกับประสบการณ์ภายในอันยอดเยี่ยม
แรกๆ ฉันหลับตาวางใจที่ศูนย์กลางกาย ก็เห็นแสงสว่างเกิดขึ้นรู้สึกเหมือนได้เข้าไปในทะเลแห่งพลังงาน แล้วก็เห็น
ลูกบอลแห่งความรัก มี แสงสว่างเหมือนดวงดาว บางครั้งเหมือนใช้กล้องส่องทางไกลส่องเข้าไปในอวกาศ มองเห็นดวงดาว มากมายเหมือนเห็นทั้งกาแล็กซี (Galaxy) ฉันรู้สึก สงบสุขและเหมือนตัวเองอยู่ในจักรวาลโล่งๆ กว้างๆ สบายๆ
ฉันเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เป็นแสงสว่าง ที่อยู่ตรงกลางซึ่งทรงพลังมาก มีความรู้สึกตื่นตัวภายในเกิดขึ้น หลังจากที่หลับใหลอยู่นาน ไม่ว่าตา จะเปิดหรือปิด ฉันก็สามารถอยู่ในศูนย์กลางกายได้ ตลอด เป็นสิ่งที่ง่ายมาก
ทุกอย่างที่ศูนย์กลางกายเป็นแบบ ๓ มิติ แต่ฉันก็ไม่เคยคาดหวังอะไรในการนั่งสมาธิ ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอะไรจะเกิดขึ้น
สนใจแค่ความนิ่ง แล้วฉันก็เห็นลูกบอลสีเงินพุ่งขึ้นมาจากกลางกาย แล้วก็เห็นตัวฉันเองในท่านั่งสมาธิ แล้วก็มีพระอาทิตย์
์ในตัวฉันอีกที ฉัน Control speed ของชีวิตทั้งภายนอกและภายในได้อย่างมหัศจรรย์ ปกติเมื่อฉัน ทำสมาธิฉันจะ
สัมผัสถึงความนิ่ง (stillness) แต่วันนี้ ฉันเข้าไปอยู่ในจุดที่ นิ่งยิ่งกว่า อยู่ใน ความนิ่ง ซึ่งไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร ภาษามีขอบเขต
จำกัดที่จะอธิบายความรู้สึกของมนุษย์จริงๆ แปลกจริงๆ แม้ใน ความหยุดนิ่ง ก็มี ความหยุดนิ่งยิ่งกว่า (stop in stop)
ถ้าฉันพูดกับคนทั่วไป เขาคงจะหาว่าฉันบ้าแน่...ฉันรู้แล้วว่า ฉันเกิดมาเพื่อหยุดนิ่ง ฉันสามารถเคลื่อนไหว
ร่างกายภายนอก ในขณะที่ใจหยุดนิ่งได้ บางครั้งแสงสว่างภายในตัวฉันแผ่ขยาย เป็นวงกว้างออกมาจากตรงกลาง คล้ายๆ
กับคลื่น วิทยุ คล้ายกับทำของตกลงบนผิวน้ำแล้วแผ่ขยายออกรอบๆ และมีพลังงานที่ยิ่งใหญ่ออกมาด้วย
การทำสมาธิเป็นเรื่องง่ายมาก หอมหวานและ งดงาม ไม่ใช่เรื่องนาเบื่อ
ทุกครั้งที่นั่งสมาธิ ฉันปล่อยวางเรื่องราวทุกสิ่งได้ทั้งหมด นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่
ทำให้ฉันได้ประสบการณ์ดีๆ จากสมาธิ |
จนวันหนึ่ง ฉันไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส ขณะปั่นจักรยานอยู่ รู้สึกว่าใจค่อยๆ หลุดเข้าไปในศูนย์กลางกาย เหมือนเข้าไปอยู่ในจักรวาล สักพัก ฉันเห็นแสงสว่างเหมือนแสงเทียนที่นิ่งแต่ทรงพลัง ฉันมองไปกลางแสงสว่างนั้นแล้ว
ฉันก็เห็น Buddha (องค์พระ) สีทองเล็กๆ สดใส ดูสวยงาม ฉันสงบใจแล้วก็มองไปกลาง Buddha อีกที ฉันก็เห็นแสงสว่างนิ่งๆ ทรงพลังอีก แล้วเมื่อมองไปในกลางแสงก็เห็น Buddha ขึ้นมาสลับกันไปเรื่อยๆ เป็นจังหวะ ฉันไม่ได้รู้สึกขัดแย้งอะไรที่
ี่ได้เห็นภาพนี้ แต่ภาพนี้ทำให้ฉันมีความสุขที่สุดในชีวิต วันนั้นฉันปั่นจักรยานไป ๒๐ กิโลเมตร แต่เหมือนกับไม่ได้ใช้พลัง
อะไรเลย ไม่เหนื่อยเลย
การทำสมาธิเป็นเรื่องง่ายมาก หอมหวานและ งดงาม ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ ทุกครั้งที่นั่งสมาธิ ฉันปล่อยวางเรื่องราวทุกสิ่ง
ได้ทั้งหมด นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ฉันได้ประสบการณ์ดีๆ จากสมาธิ บางคนอาจนั่งสมาธิเป็นเวลาสิบๆ ปี โดยไม่ได้
ประสบการณ์อะไรเลย เป็นเพราะพวกเขาฟังคำของ หลวงพ่อผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ได้ทำความเข้าใจ แต่ฉันคิดว่า คนไทยคงฝึกสมาธิและเข้าถึงประสบการณ์ ดีๆ กันทุกคน
เมื่อก่อนฉันคิดแต่เรื่องดีๆ ทุกวัน แต่ไม่รู้ว่าจะเอาเรื่องดีๆ ในหัวมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร แต่พอเจอหลวงพ่อ หลวงพ่อได้ให้สมาธิเป็นอุปกรณ์ ศักดิ์สิทธิ์ (Holy Tool) ดึงพลังที่อยู่ภายในให้หลั่งไหลออกมาเป็นความคิดและคำพูดได้ในทันที เช่นเรื่องการแต่งเพลง วันหนึ่งฉันร้องเพลงๆ หนึ่งขึ้นมาคนที่ฟังถึงกับช็อกว่า เธอแต่งเพลงนี้เมื่อไร ฉันก็บอกไปว่า ก็แต่งตอนนี้แหละ ซึ่งฉันก็ไม่เคย ทำอย่างนี้ได้มาก่อน เป็นเพลงที่ผลิตออกมาจากศูนย์กลางกายจริงๆ
ฉันเคยโทรศัพท์บอกสามีว่า คุณต้องนั่งสมาธิด้วยวิธีการอย่างนี้นะ แต่สามีก็ยังไม่เข้าใจว่า ต้องนั่งอย่างไร ด้วยเลือดศิลปิน
ฉันตัดสินใจวาดรูปที่เกิดจากสมาธิส่งไปให้สามีและลูกๆ ที่ออสเตรเลีย ผ่านไปไม่กี่วัน ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากสามี และได้ยินคำพูดอันน่าตื่นเต้นว่าเคลลี่ คุณรู้มั้ย สมาธิ นั้นอัศจรรย์มาก ผมนั่งสมาธิตามภาพวาดของคุณ และได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่ สามีของฉันมองเห็นพระอาทิตย์ส่องสว่างอยู่ภายในค่ะและเข้าไปในพระอาทิตย์ในตัวได้ นี่เป็นการนั่งสมาธิครั้งแรก แล้ว เขาก็เห็นเลย ตอนนี้เขากำลังเริ่มต้นการเดินทางของ ชีวิตจากสมาธิค่ะ นอกจากนี้ลูกสาว ลูกชายของฉัน ก็เริ่มฝึกสมาธิจาก
รูปภาพนี้เช่นกัน
ฉันได้เล่าให้คนไทยฟังว่า ฉันได้ไปนั่งสมาธิที่วัดพระธรรมกาย ฉันมีความสุขมาก ปรากฏว่าคนเหล่านั้นก็พูดว่าร้ายวัด
ฉันหยุดมองหน้าคนเหล่านั้น แล้วถามว่า คุณเคยมาวัดพระธรรมกายกี่ครั้งแล้ว พวกเขาตอบว่า ไม่เคยเลย พวกเราฟังสื่อ ก็เลยไม่มา ฉันคิดว่า มนุษย์ควรวิจารณ์ในสิ่งที่ตัวเองเคยสัมผัสมาแล้วมากกว่า ไม่เช่นนั้นคำวิจารณ์นั้นก็ไม่มีค่าพอที่จะฟัง
ฉันคิดว่า ปัญหาใหญ่ของมนุษย์โลก คือ ใช้ความคิดมากเกินไป มัวแต่คิดๆๆ และคิดเข้าข้าง ตัวเอง แต่การไม่คิดจะทำ
ให้เราใช้ประโยชน์จากสมองได้มากกว่า
จากเรื่องราวของ เคลลี่ นิวตัน-เวิร์ดส์เวิร์ธ ทำให้เราได้ทราบข้อมูลสำคัญอย่างหนึ่งว่า บางครั้งสิ่งที่เรากำลังแสวงหา
หมายรวมถึงดินแดนแห่ง พระผู้เป็นเจ้า อาจอยู่ไม่ไกลดังเคยคิดเราอาจจะประสบกับสิ่งนั้นด้วยวิธีง่ายๆคือการไม่ทำ
อะไรเลย เพียงนำใจกลับมาวางนิ่งๆ ที่กลางตัวเท่านั้นดังคำยืนยันของเธอ
|