\
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาพระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว)
เดินทางทั่วประเทศหาข้อมูลสร้างวัด พวกเราที่มาปฏิบัติธรรม เป็นประจำที่สภาธรรมกายสากล เวลาที่พวกเราก้มกราบพระประธาน จะสังเกตเห็นว่าด้านหน้า ขององค์พระประธานนั้น จะมีรูปเหมือนของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (สด จนฺทสโร) นั่งอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ ด้วยบุคลิกองอาจ สง่างามประดุจดั่งว่าท่านมีชีวิตอยู่ และมานั่งเป็นประธานในการทำภาวนา ร่วมกับพวกเราด้วย พวกเราหลายๆ ท่านที่มาในภายหลัง อาจจะยังไม่ทราบถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของ การสร้างรูปเหมือนของพระเดชพระคุณหลวงปู่ วัดปากน้ำมาก่อน หลวงพ่อก็จะขอใช้โอกาสนี้ เล่าถึงความเป็นมาให้พวกเราได้ทราบอย่างทั่วถึงกัน
ก่อนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยและ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง จะนำหมู่คณะรุ่นบุกเบิกเดินทางมาสร้างวัด พระธรรมกายที่จังหวัดปทุมธานี ท่านทั้งสองก็ได้มีการเตรียมหมู่คณะและเตรียมงานสร้างวัดกัน ล่วงหน้าอยู่ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
เนื่องจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ท่านตั้งใจจะสร้างวัดที่สามารถใช้ประโยชน์ ในงานปลูกฝังศีลธรรมให้แก่ประชาชนอย่างเต็มที่ ขณะนั้นหลวงพ่อยังไม่ได้บวช ท่านจึงมอบหมายให้หลวงพ่อไปทำวิจัย เรื่องการสร้างวัดในประเทศไทย เพื่อจะได้นำความรู้จากวัดต่างๆ ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ มาศึกษาร่วมกับบันทึก เรื่องวัดในพระไตรปิฎก แล้วใช้กำหนดแบบอาคาร และสถานที่ของวัด พระธรรมกายให้เหมาะสมกับ งานปลูกฝังศีลธรรมในยุคนี้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะดีได้
หลวงพ่อจึงได้เดินทางตระเวนไปตามจังหวัดต่างๆ ทั่วทั้งประเทศไทย เพื่อหาโอกาสไปกราบพระเถระ ที่เป็นที่เคารพนับถือของประชาชน ในจังหวัดนั้นๆ โดยเป็นการเข้าไปขอความรู้การสร้างวัดจากท่านบ้าง เข้าไปสนทนาธรรมบ้าง เข้าไปซักถามปัญหาธรรมะบ้าง พร้อมๆ กับศึกษาการวางผังอาคาร และการใช้สอยพื้นที่ภายในวัดของท่าน พระอาจารย์เหล่านั้นไปในตัว การไปทำงาน วิจัยเพื่อนำมาประกอบ การสร้างวัดพระธรรมกาย นี้เอง เป็นเหตุให้หลวงพ่อได้มีโอกาสพบพระเถระ ที่มีชื่อเสียงในแต่ละจังหวัดมาไม่น้อยเลย
บุคลิกของหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
การได้พบพระเถระผู้เป็นที่เคารพศรัทธา เลื่อมใสของประชาชนในแต่ละจังหวัดนั้น ทำให้หลวงพ่อพบข้อสังเกตว่า บุคลิกลักษณะของพระเถระที่เป็นที่นิยมชมชอบของประชาชนในจังหวัดนั้นๆ ส่วนมาก จะต้องเป็นพระใจดี คือมีเมตตากรุณาสูงต่อญาติโยม ลูกศิษย์ลูกหาจะเอาอย่างไรก็เอาด้วยทั้งนั้น ไม่ค่อยจะขัดใจใคร และด้วยความ ที่ท่านมากด้วยเมตตากรุณาอย่างนี้ ประชาชนจึงเคารพศรัทธาในตัวของท่านเป็นอย่างมาก
แต่สำหรับพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ผู้เป็นมหาปูชนียาจารย์ของพวกเรานั้น ท่านมีลักษณะตรงกันข้าม คือนอกจากจะไม่ตามใจใครแล้ว ท่านยังเป็นประเภทที่ไม่ใช่แค่ผิดว่าตามผิด ถูกว่าตามถูกเท่านั้น เพราะหากใครได้เข้าใกล้ และอยู่ในสายตาท่านแล้ว ท่านจะตามขนาบแล้วขนาบอีก ดัดนิสัยลูกศิษย์ให้อย่างเอาจริงเอาจังทีเดียว คือ ท่านเป็นพระอาจารย์ที่เคี่ยวเข็ญอบรม ทั้งความประพฤติและการทำภาวนา ของลูกศิษย์อย่างจริงจัง
หลวงพ่อเคยได้เห็นพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำอยู่ ๒-๓ ครั้ง ตอนนั้นหลวงพ่ออายุยังน้อย เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมปลาย เคยไปกราบท่าน เห็นท่าน แล้วประทับใจในความเอาจริงเอาจัง ลักษณะรูปกาย ที่เด็ดขาด เสียงที่เด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกนัยน์ตาของท่าน นัยน์ตาสีเหล็ก มองอะไรก็มอง ตรงๆ เอาจริงเอาจัง
เสียงของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ เราคงเคยได้ยินกันมาบ้าง จากเทปนำนั่งภาวนาของท่าน ซึ่งใครได้ยินเสียงก็จะรู้เลยว่าเป็นเสียงของพระที่ทรงอำนาจ เป็นพระที่เด็ดขาด คำเทศน์คำสอนของท่านชัดเจน ได้ยินแล้วทำให้เกิดความรู้สึกขึ้นมาอย่างหนึ่ง นั่นคือเกิดความรู้สึกว่า เมื่อตัดสินใจจะทำความดีแล้ว อุปสรรคใดๆ ขวางหน้า ก็ไม่ยอมถอย จะสู้จนสุดชีวิต หลวงปู่วัดปากน้ำท่านใช้คำว่า "สู้ไม่ได้ตายเถอะ" นี่คือลักษณะ คำเทศน์สอนของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ซึ่งจะแสดงให้เห็นชัดเจนว่าในการสร้างบารมีนั้น ต้องทำถึงขนาดที่เรียกว่า เอาชีวิตเป็นเดิมพันกันเลย
รูปถ่ายของท่าน ไม่ว่าใครจะเก็บ ใครจะรวบรวมไว้ หลวงพ่อได้ตามไปดูมาเกือบหมดแล้ว ไม่ค่อยพบรูปของท่านที่มีลักษณะยิ้มๆ สบายๆ มีแต่รูปถ่ายที่แสดงให้เห็นลักษณะที่เอาจริงเอาจัง อยู่ตลอด
วันหนึ่งมีโอกาสก็เลยถามคุณยายว่า "คุณยาย ศึกษาวิชชาธรรมกายกับหลวงปู่วัดปากน้ำมาตลอดชีวิต เคยเห็นท่านยิ้มสักกี่ครั้ง"
คุณยายตอบชัดดี ท่านบอกว่า "ถ้าอยู่กับลูกพระ ลูกเณร ลูกอุบาสก อุบาสิกาในวัดแล้ว พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำไม่เคยยิ้มเลย ที่จะเห็นท่านยิ้มก็ตอนที่ต้อนรับญาติโยมเท่านั้นเอง"
หลวงพ่อเลยถามคุณยายต่ออีกว่า "ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น เพราะโดยปกติแล้วนักปฏิบัติธรรม มักจะมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส"
คุณยายบอกว่า "พระเดชพระคุณหลวงปู่ วัดปากน้ำท่านมีนิสัยเฉพาะตัว ท่านตรึกอยู่ในธรรม นิ่งเข้ากลางของกลาง กลางของกลางอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ท่านจ้องจะปราบมารให้ถึงที่สุด"
เพราะฉะนั้น คำว่า "ที่สุดแห่งธรรม" ก็ดี คำว่า "ปราบมารจนสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ" ก็ดี ก็มาจากการนิ่งเข้ากลางธรรมะในตัวเพื่อมุ่งไปปราบมารของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำนี่เอง
วัตถุประสงค์หลักของการสร้างรูปหล่อทองคำ
พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ได้พยายามที่จะรวบรวม รูปถ่ายภาพนิ่งกับรูปถ่าย ที่เป็นภาพยนตร์ รวมทั้งรูปหล่อของ หลวงปู่วัดปากน้ำ ซึ่งปั้นในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ นำมาศึกษา สั่งให้ทีมงานใช้คอมพิวเตอร์ จับรายละเอียดสัดส่วนต่างๆ ออกมา แล้วก็ถ่ายทอดออกมาเป็นรูปปั้น ของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ทั้งที่เป็นรูปนั่งและรูปยืน วัตถุประสงค์ใหญ่ไม่ใช่เพื่อเอาขลัง แต่หวังจะถ่ายทอดเอาบุคลิก ของผู้ที่มุ่งมั่นปราบมารอย่างแท้จริง ทั้งรูปร่างที่แข็งแกร่ง ทั้งจิตใจที่เด็ดเดี่ยว มั่นคงทรงอำนาจของพระเดชพระคุณหลวงปู่ วัดปากน้ำ เอาไปใส่ไว้ในตัว เอาไปไว้ในจิตใจของพวกเราในยุคหลังนี้ให้ได้
ด้วยบุคลิกที่เด็ดเดี่ยว สู้ไม่ถอยของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ แม้มีความจำเป็นจะต้องลุยไปในกองเพลิงที่ลุกท่วมโลก หรือไฟบรรลัยกัลป์ท่วมจักรวาล อย่าว่าแต่เป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสนจักรวาล แม้อนันตจักรวาล ถ้าเป็นไปเพื่อปราบมารให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษแล้ว รู้เลยว่าท่านจะลุยฝ่าไปดับให้หมดสิ้นจนได้ บุคลิกอย่างนี้หาไม่ได้ง่ายในมนุษย์ยุคนี้ หากครั้งใดใครเกิดความท้อแท้ใจ เพียงได้ดูรูปถ่ายของท่าน ดู รูปวาดของท่าน ดูรูปปั้นรูปหล่อของท่าน ความท้อแท้ ทั้งหลายจะมลายหายสูญไป กำลังใจที่จะต่อสู้เพื่อให้ข้ามพ้นอุปสรรคต่างๆ จะบังเกิดขึ้นในใจของเรา
สืบทอดมรดกการปฏิบัติธรรมถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
ขอให้พวกเราทุกคนทำความเข้าใจจุด มุ่งหมายของการสร้างรูปเหมือนของ พระเดชพระคุณหลวงปู่นี้ด้วยว่า ต้องการให้พวกเราเห็น บุคลิกมุ่งมั่นจริงจัง ในการปราบมาร ประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ ของท่าน พวกเราจะได้เอาจริงเอาจังใน การบำเพ็ญเพียรภาวนาตามท่านไป
เมื่อพวกเราตั้งใจทำภาวนา ตามท่านไปแล้ว เท่านี้ยังไม่พอ จะต้องช่วยกันนำความเข้าใจถูก ในเรื่องการสร้างรูปเหมือนของ พระเดชพระคุณหลวงปู่ ณ สภาธรรมกายสากลแห่งนี้ ไปอธิบายขยายความให้เหมาะสม กับพื้นความรู้ของผู้ที่มาใหม่ หรือผู้ที่ยังไม่ทราบ วัตถุประสงค์ที่แท้จริง เพื่อให้ได้ทราบโดยทั่วหน้ากันด้วย เพราะส่วนมากเมื่อรู้ว่าเป็นรูปเหมือน หลวงปู่วัดปากน้ำ ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา แล้วก็กราบไหว้บูชาด้วยความศรัทธา อย่างเต็มเปี่ยม แต่ถ้าเราได้ไปชี้ให้เห็นจุดเด่น ที่มีอยู่ในตัวของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ให้เขาทราบ แล้วให้เขาถ่ายทอด เอาบุคลิกของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ไปไว้ในตัวเขาให้ได้แล้ว นั่นคือหลักประกันว่า ต่อไปไม่ว่าอีกกี่ภพกี่ชาติเบื้องหน้า เขาจะเป็นนักสร้างบารมีอย่างแท้จริง เป็นนักสู้ที่พร้อมจะผจญกับพญามาร ไม่ว่าพญามารนั้นจะยกกันมา เป็นกองทัพมืดฟ้ามัวดินเพียงใดก็ตาม จะมีเล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจประการใด ก็ไม่อาจทำให้จิตใจของผู้นั้นหวั่นไหว ละทิ้งเส้นทางการสร้างบารมีไปได้
หรือหากเขามีเหตุทำให้ต้องพลัดจากหมู่คณะ ไปเกิดลำพังเดี่ยวๆ เขาก็จะสามารถสอนตนเอง ให้สร้างบารมีได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่เสียท่าพญามาร และถ้ามาเกิดร่วมหมู่ร่วมคณะด้วยกันอีก ก็จะได้ร่วมแรงร่วมใจกัน เป็นกองทัพธรรม ช่วยกันปราบมาร ประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษกันต่อไป
ดังนั้น เมื่อพวกเราทั้งตั้งใจ ประพฤติปฏิบัติธรรม ตามพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ไปไม่ได้ขาด และสามารถอธิบายถ่ายทอด จุดประสงค์ในเรื่องให้ผู้อื่นเข้าใจ ได้เหมือนกันแล้ว โอกาสที่สันติสุขจะบังเกิดขึ้นในโลก ก็จะตามมาในไม่ช้า ความสงบสุขที่ยั่งยืนนี้จะเป็นมรดกอันทรงคุณค่า ที่คนในยุคเรามอบให้คนรุ่นลูกรุ่นหลาน ได้นำไปฝึกฝนอบรมตนเอง และตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อดำเนินตามมโนปณิธาน ในการปราบมาร ประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ ของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ต่อไป