ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน : พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ๐๓


ธรรมะเพื่อประชาชน : พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ๐๓

Dhamma for people
ธรรมะเพื่อประชาชน

DhammaPP166_03.jpg

พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ๐๓

                 ความขยันหมั่นเพียรเป็นทางมาแห่งความสำเร็จ เป็นวิริยะบารมีที่บัณฑิตนักปราชญ์ทั้งหลาย ต่างก็ประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมา ยิ่งถ้าหากเพียรพยายามชำระกาย วาจา ใจให้สะอาดบริสุทธิ์มากเพียงใด ก็จะสามารถนำพาไปสู่การหลุดพ้น จากกิเลสอาสวะได้มากเพียงนั้น กระทั่งหลุดพ้น จากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร ซึ่งต้องใชัความเพียรและความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการกระทำที่สวนกับกระแสกิเลส เนื่องจากกระแสโลกส่วนใหญ่ กำลังหมุนไปตามกระแสกิเลส แต่ถ้าบุคคลใดไม่ไปตามกระแส ประพฤติธรรมตามธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะเป็นที่พึ่งให้กับมนุษย์และเทวาอีกมากมายนับไม่ถ้วน ฉะนั้นน่ะเราเกิดมาภพชาตินี้ มาอย่างมีเป้าหมาย ต้องไม่ท้อแท้หรือยอมพ่ายแพ้ต่อกิเลส จะต้องปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายภายในกันให้ได้ทุกคนนะจ๊ะ 

 


                 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในปุตตสูตรความว่า

                 มารดาบิดาผู้ฉลาด เล็งเห็นฐานะ ๕ ประการ จึงปรารถนาบุตร ด้วยหวังว่า บุตรที่เราเลี้ยงมาแล้ว จักเลี้ยงเราตอบ จักทำกิจแทนเรา วงศ์สกุลจักดำรงอยู่ได้นาน บุตรจักดูแลทรัพย์มรดกและเมื่อเราตายไปแล้ว บุตรจักบำเพ็ญทักษิณาทาน อุทิศส่วนกุศลไปให้ มารดาบิดาผู้ฉลาด เล็งเห็นฐานะเหล่านี้จึงปรารถนาบุตร

 


                 โดยส่วนใหญ่บิดามาดาปรารถนาบุตร ธิดาผู้มีบุญมาเกิด และก็มีวัตถุประสงค์หลักๆ ตามพุทธพจน์ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นแหละ ส่วนลูกที่จะมาเกิด น้อยคนนักที่จะรู้เป้าหมายของชีวิตก่อนเกิด หรือแม้เกิดมาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเกิดมาจากไหน เกิดมาทำไม ตายแล้วจะไปไหน จึงดำเนินชีวิตตามกระแสสังคมที่ชาวโลกนำพาไป 

 


                 แต่สำหรับพระโพธิสัตว์แล้ว ท่านถือกำเนิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ได้หวังเพื่อจะทำตามในสิ่งที่พ่อแม่ทั่วไปปรารถนากันนะจ๊ะ เพราะนั่นยังเป็นเพียงความหวังที่ติดอยู่ในโลก ทั้งพ่อแม่และลูก ต่างก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏร่ำไป พระโพธิสัตว์ท่านมีเป้าหมายในการมาเกิดชัดเจน สภาพแวดล้อมหรือคนรอบข้าง จึงไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือจิตใจท่านได้ เพราะท่านรู้ตั้งแต่ก่อนเกิดแล้ว ว่าเกิดมาเพื่อจะสั่งสมบุญสร้างบารมี แล้วทำพระนิพพานให้แจ้ง 

 


                 ดังเรื่องของพระเตมีย์โพธิสัตว์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ที่ลูกๆ จะได้รับฟังกันต่อจากเมื่อวานนี้นะจ๊ะ ความเดิมจากตอนที่แล้ว หลวงพ่อได้เล่าค้างเอาไว้ว่า พระเจ้ากาสิกราชทรงได้รับการร้องเรียนจากพสกนิกรว่า ราชบัลลังก์ยังขาดองค์รัชทายาท ขอพระองค์ทรงตั้งจิตอธิษฐานปรารถนาพระโอรส พระราชาจึงรับสั่งให้เหล่ามเหสีทั้ง ๑๖,๐๐๐ นางทำพิธีบวงสรวง เพื่อขอบุตรมเหสีทั้งหมดก็รับราชบัญชา ได้อ้อนวอนเจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา บวงสวงไปตามหลักความเชื่อที่เคยถือกันมา แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ

 


                 ฝ่ายพระนางจันทราเทวีอัครมเหสีของพระเจ้ากาสิกราช ทรงเป็นสตรีผู้เพียบพร้อมไปด้วยศีล เมื่อทราบถึงพระราชประสงค์ จึงเกิดอุสาหอย่างแรงกล้า โดยยึดเอาบุญเป็นหลัก พร้อมกับสมาทานอุโบสถศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ และทรงทำการอธิษฐานให้ได้โอรสผู้มีบุญมาเกิด คำอธิษฐานของพระนางร่วงรู้ไปถึงท้าวสักกเทวราช พระองค์ไม่อาจทนนิ่งเสวยทิพยสมบัติเป็นปกติสุขได้ เพราะทรงเห็นเหตุชัดเจนว่า พระนางจันทราเทวีทรงปรารถนาพระราชโอรส 

 


                 จึงได้เสด็จไปเชื้อเชิญเทพบุตรโพธิสัตว์ ซึ่งบัดนี้ใกล้ที่จะจุติขึ้นไปเกิดในสวรรค์ชั้นที่สูงขึ้นไป จึงอัญเชิญให้ได้จุติลงมาเกิดในพระครรภ์ของพระนางจันทราเทวี เพื่อสร้างบารมีในโลกมนุษย์ เทพบุตรโพธิสัตว์ได้สดับคำเชื้อเชิญของท้าวสักกะแล้วก็ปีติยินดี เพราะปรารถนาจะสร้างบารมีให้เต็มเปี่ยมในเร็ววันอยู่แล้ว จึงตอบตกลงทันที ส่วนเทพบุตรบริวารของพระโพธิสัตว์อีก ๕๐๐ ท่านก็ถึงเวลาใกล้จะจุติเช่นเดียวกัน จึงรับอาสาว่าจะขออาสาที่จะจุติลงไปเกิดเพื่อเป็นบริวารของพระโพธิสัตว์

 


                 ในราตรีนั้นเทพบุตรโพธิสัตว์ จึงจุติลงสู่พระครรภ์ของพระนางเจ้าจันทราเทวี ส่วนเทพบุตรบริวารทั้ง ๕๐๐ องค์ ก็จุติลงมาบังเกิดในครรภ์ของภรรยาอำมาตย์ ในคืนที่เทพบุตรโพธิสัตว์จุตินั้น พระนางเจ้าจันทราเทวีมีความรู้สึกประหนึ่งว่า พระอุทรของพระนางเต็มไปด้วยแก้ววิเชียรอันสว่างไสว จึงทำให้ทรงแน่พระทัยว่าทรงตั้งพระครรภ์แน่แล้ว 

 


                 ครั้นทรงตื่นบรรทมในเวลาเช้า พระนางทรงมีพระทัยยินดี ปรารถนาจะให้พระราชสวามี ทรงมีความยินดีเช่นเดียวกับพระนาง จึงกราบทูลพระราชสวามีให้ทรงทราบ เพียงได้สดับว่าพระอัครมเหสีจะทรงมีพระราชโอรส พระราชาก็ทรงดีพระหฤทัยเป็นอย่างมาก เพราะทรงปรารถนาพระโอรสมาเป็นเวลานานแล้ว จึงพระราชทานเครื่องบริหารพระครรภ์แก่พระนาง กำชับเหล่านางสนมกำนัลให้คอยระวังรักษาพระครรภ์ และดูแลพระพลานามัยของพระนางเป็นอย่างดี นับตั้งแต่พระนางทรงพระครรภ์ พระเจ้ากาสิกราชก็ทรงเฝ้ารอคอยวันที่พระนางจะประสูตรพระราชโอรสอย่างใจจดใจจ่อ เหมือนเหล่าข้าราชบริพารและชาวเมือง ต่างก็มีความปีติยินดีกันถ้วนหน้า มีใจร่าเริงเบิกบานไม่น้อยไปกว่าพระราชาของตน

 


                 เมื่อพระนางจันทราเทวีทรงพระครรภ์ครบกำหนด ๑๐ เดือน ก็ทรงประสูตรพระราชกุมาร ผู้มีพระฉวีวรรณผุดผ่อง  ทรงเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยบุญลักษณะ อย่างหาผู้เปรียบมิได้ ฝ่ายพระเจ้ากาสิกราชพอได้ทรงทราบข่าวว่า พระอัครมเหสีทรงประสูติพระราชโอรสแล้วเท่านั้น ก็ทรงปรีดาปราโมทย์ มีปีติซาบซ่านไปทั่วพระวรกาย   เกิดความรักในพระราชโอรสเป็นกำลัง  ราวกับแผ่นดินอันแห้งผากได้รับฝนอันชุ่มฉ่ำชื่นในยามวสันตฤดู  จึงทรงดำริว่า “ลูกเราเป็นผู้มีบุญญาธิการมาเกิด คงไม่เกิดเพียงลำพังผู้เดียว จะต้องมีบริวารติดตามมาด้วย”

 

 
                 จึงตรัสเรียกเสนาบดีมาเข้าเฝ้า แล้วรับสั่งให้ไปเที่ยวสืบดูว่า “ในเรือนของเหล่าอำมาตย์ในวันนี้ มีทารกเกิดขึ้นบ้างหรือไม่” ท่านเสนาบดีรับราชโองการแล้ว ก็รีบไปตรวจค้นตามบ้านอำมาตย์หลังต่างๆ แล้วก็เป็นจริงดังที่พระเจ้ากาสิกราชคาดการณ์ไว้  เพราะไม่ว่าท่านเสนาบดีจะไปบ้านของอำมาตย์ท่านใด ก็ล้วนมีทารกที่กำเนิดในวันนั้นทั้งสิ้น เป็นที่อัศจรรย์ว่าในวันนั้น มีกุมารเกิดพร้อมกันจำนวนมากถึง ๕๐๐ คน ท่านเสนาบดีเห็นเป็นเหตุอัสจรรย์อย่างนั้นแล้ว ก็รีบกลับมารายงานให้ทรงทราบ 
ครั้นพระราชาทรงทราบว่า มีกุมาถือกำเนิด พร้อมกันกับพระโอรส ก็ทรงปีติโสมนัส ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้จัดทำเครื่องประดับสำหรับกุมารของอำมาตย์ทั้ง ๕๐๐ คน พร้อมกับพระราชทานแม่นม ๕๐๐ นางให้เลี้ยงดูกุมารเหล่านั้นด้วย 

 


                เมื่อถึงวันทำนายพระลักษณะ พระราชาได้โปรดให้เชิญพราหมณ์ปุโรหิต และโหราจารย์ทั่วพระนครมาฉลองจนอิ่มหนำสำราญ ทรงอาราธนาให้ท่านเหล่านั้นพยากรณ์ พระลักษณะของพระกุมาร เพียงครั้งแรกที่พราหมณ์ปุโรหิตและโหราจารย์เหล่านั้น ได้เห็นบุญลักษณะของพระราชกุมาร ต่างพากันทูลว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร พระหน่อเนื้อราชกุมารนี้ มีบุญญลักษณะอันบริบูรณ์ ทรงประเสริฐยิ่งกว่าเทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย ต่อไปภายหน้าจะได้เป็นพระราชาธิราช ผู้ทรงพลานุภาพเหนือทวีปน้อยใหญ่ๆ อย่าว่าแต่ทวีปหนึ่งเลย แม้มหาทวีปทั้ง ๔ มีทวีปน้อย ๒,๐๐๐ เป็นบริวาร พระกุมารก็จะได้ครอบครองจนหมดสิ้น หรือขึ้นชื่อว่าอันตรายใดๆ ที่จะมาพ้องพาลพระองค์ได้นั้น ย่อมไม่มีเป็นอันขาด 

 


                  พระราชาได้สดับคำพยากรณ์นั้นแล้ว ก็ทรงยินดีเป็นล้นพ้น เพราะบัดนี้น่ะ ความประสงค์ของพระองค์ที่จะปรารถนา จะได้องค์รัชทายาทสืบราชสมบัติ ก็สำเร็จดังมโนรสแล้ว จึงพระราชทานนามแด่พระกุมารว่า เตมียกุมาร เพราะทรงถือเอานิมิตหมายแห่งพระประสูติการณ์ เนื่องจากในวันที่พระกุมารประสูตินั้น ฝนตกโปรยปรายไปทั่วทั้งพระนคร นำความชุ่มเย็นมาสู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งไพร่ฟ้าประชาราษฎร์แห่งกาสิกรัฐต่างก็ชุมช่ำทั้งกายและใจ แม้พืชพันธุ์ธัญญาหารก็พลอยได้รับความชุ่มชื่นกันไปทั่ว ก็ได้อาศัยพระบารมีของพระราชกุมารนั่นเอง ส่วนว่าพระกุมารจะนำความชุ่มฉ่ำพระทัย มาสู่พระราชาดังพระประสงค์จริงหรือไม่นั้น ก็ให้มาติดตามรับฟังกันต่อในวันถัดไปนะจ๊ะ 
 
โดย : หลวงพ่อธัมมชโย (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล